ไล่ออก! หนุ่มรถตู้โดดถีบตำรวจคว่ำฉุนล็อกล้อ ดาบแจงเตือน 3 รอบนายเมินช่วย (คลิป)

16 ก.ค. 64

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ก.ค. 64 ตำรวจจราจร สน.ลุมพินี ทำการล็อกล้อรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮฐ 7684 กรุงเทพมหานคร มีนายทองอิม พินแพคำ อายุ 33 ปี อาชีพพนักงานขับรถ จอดรถในพื้นที่ห้ามจอดแถบขาวแดง บริเวณหน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา แยกเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน

297558

จากนั้น ถูกตำรวจจราจรล็อกล้อเกิดความไม่พอใจทะเลาะวิวาท มีการถีบรถตำรวจล้ม มีการชกและเตะเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ด.ต.ศราวุฒิ รวบรวมวงศ์ ผบ.หมู่ (จร.) สน.ลุมพินี ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยจับตัว ก่อนถูกจับใส่กุญแจมือ ควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ที่ สน.ลุมพินี

927582964776

ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา แยกเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ห้ามจอด เป็นถนน 3 เลน มีเครื่องหมายจราจร แถบบริเวณฟุตพาทสีขาวแดง ห้ามจอด อีกทั้งยังมีป้ายกำกับไว้ตลอด

937440

นายคำกอง ขันชัย พนักงานรักษาความปลอดภัย พลเมืองดีที่เข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เล่าว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุเวลาประมาณ 07.30 น. ตนเองเห็นรถตู้คันหนึ่งมาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นคนขับรถ เดินลงมาแต่ไม่ได้มีการดับเครื่อง และเดินหายไปทำธุระอยู่ประมาณ 5 นาที แต่ในรถสังเกตว่ามีเพื่อนร่วมงาน นายจ้างของคนขับรถรายดังกล่าวนั่งอยู่ในรถตู้ 2 คน จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเข้ามาเตือน และขอให้เจ้าของรถเคลื่อนออกไปจากจุดห้ามจอด แต่เวลาผ่านไปอีกพักหนึ่ง ชายคนดังกล่าวที่เป็นคนขับรถก็ยังไม่ได้กลับมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวนกลับมาอีกครั้ง สอบถามหาคนขับ ได้เดินมาสอบถามตนเอง และรวมถึงพนักงานที่อยู่ในละแวกนี้ แต่ก็ไม่มีใครเจอตัวพนักงานคนขับรถ ตำรวจจึงได้ตัดสินใจล็อกล้อ เขียนใบสั่งให้ไปจ่ายค่าปรับ

696380

เมื่อพนักงานคนขับรถคนดังกล่าวกลับมาถึงที่รถตู้ อยู่ในอาการหัวเสีย พูดจาโหวกเหวกโวยวายลักษณะไม่พอใจ และใช้ภาษาที่หยาบคาย จนกระทั่งรถของตำรวจจราจรคนดังกล่าวขับรถวนกลับมาอีกครั้ง คนขับรถตู้จึงได้เข้าไปมีปากเสียง แล้วถีบรถตำรวจจราจรล้ม ชกใบหน้าจนเกิดบาดแผล ตนเองและเพื่อนพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่บริษัทใกล้เคียงกันจึงได้เข้าไปช่วยระงับเหตุ คนขับรถตู้มีอาการคลั่ง คล้ายกับคนไม่มีสติ ไม่รู้ว่าตอนนั้นอยู่ในอาการมึนเมาหรือไม่ ส่วนเพื่อนพนักงานที่มาพร้อมกันในรถตู้ และรวมถึงหัวหน้างานของคนขับ ได้ลงจากรถเพื่อโบกแท็กซี่ไปธุระต่อ ไม่ได้อยู่เคลียร์ปัญหา

489236

ด.ต.ศราวุฒิ รวบรวมวงศ์ ผบ.หมู่ (จร.) สน.ลุมพินี มีบาดแผลบริเวณแก้มขวา รอยขีดขวญเล็กน้อย ลักษณะจุกอกหลังจากที่โดนเตะ ส่วนรถที่ใช้ในการปฎิบัติหน้าที่มีรอยบริเวณส่วนหน้าฝั่งขวา

802665

ด.ต.ศราวุฒิ เปิดใจว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุตัวเองได้ปฎิบัติหน้าที่ตามปกติในย่านของพื้นที่ สน.ลุมพินี ช่วงเวลาดังกล่าวพบเห็นรถตู้จอดอยู่ในพื้นที่ห้ามจอด เป็นเครื่องหมายขาวแดง มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามจอดตลอดเวลา ตนเองจึงได้เข้าไปทำการตักเตือนในครั้งที่ 1 แต่ไม่เจอคนขับ มีเพียงคนที่นั่งอยู่ในรถซึ่งคาดว่าเป็นผู้โดยสาร จากนั้นทิ้งห่างไปประมาณไม่ถึง 5 นาที ตนเองได้เวียนกลับไปอีกครั้ง เดินตามหาคนขับในละแวกใกล้เคียง แต่ก็ไม่เจอ จึงได้บังคับตามระเบียบจราจรด้วยการล็อกล้อ และให้ไปเสียค่าปรับที่โรงพัก

664165

ซึ่งหลังจากที่ล็อกล้อเสร็จก็ยังไม่เจอตัวคนขับ จึงได้ขับรถเวียนไปตรวจในสถานที่อื่น ห่างกันอีกประมาณ 5 นาที เวียนกลับมาดูครั้งที่ 3 พบว่าชายใส่ชุดดำยืนอยู่ที่รถมีอาการโวยวาย ตนเองจึงเตือน จากนั้นจึงจะมีการปลดล็อกให้ แต่ชายคนนั้นกล่าวถีบรถที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่ล้ม มีการทำร้ายร่างกายจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นตนเองจึงได้พยายามระงับเหตุและพูดคุยกับชายคนดังกล่าว แต่ก็ไม่ยอมฟัง อยู่ในอาการคลั่ง จึงได้มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยระงับเหตุ ตนทำการใส่กุญแจมือส่งตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก

111090

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองยืนยันว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายจราจร มีการกระทำผิดก็ต้องว่าไปตามระเบียบ ครั้งแรกก็ยังมีการผ่อนปรนโดยการตักเตือน แต่สุดท้ายก็ถูกทำร้ายร่างกาย ดังนั้นจึงต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมายเพราะมีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ แต่ส่วนเรื่องของการจะทำผิดเครื่องหมายจราจร ก็มีการเปรียบเทียบปรับไปตามระเบียบ โดยได้เสียค่าปรับจำนวน 600 บาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ส่วนคดีทำร้ายร่างกายก็ต้องว่ากันต่อไป

226910

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองยังไม่มีโอกาสได้เจอกับทางคู่กรณี เพราะตนเองเจ็บก็ต้องไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ส่วนคนก่อเหตุก็ถูกแยกสอบ จากนั้นเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ทราบว่ามีหัวหน้างานของชายคนดังกล่าวเดินทางมาที่โรงพัก พร้อมทั้งมีการไล่ให้คนขับรถคนดังกล่าวออกจากบริษัท หลังจากที่มีการก่อเหตุนี้ขึ้น ทั้งนี้ ตนเองก็ได้รับคำชมจากผู้บังคับบัญชา โดยหลังจากนี้ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อดูแลความเรียบร้อยในด้านของงานจราจรต่อไป

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส