ปิดตำนาน “สนามม้านางเลิ้ง” 102 ปี คนแห่ดูทิ้งทวนนัดประวัติศาสตร์ (คลิป)

วันที่ 16 ก.ย. 61 ที่สนามราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ สนามม้านางเลิ้ง มีการแข่งม้าเป็นวันสุดท้าย จำนวน 10 รอบ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 12.30 น. ก่อนจะต้องคืนพื้นที่ให้กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 4 ต.ค.นี้

พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ รองประธานอำนวยการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันนี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ได้จัดแข่งขันม้านัดสุดท้าย เพื่อทิ้งทวนสนามม้านางเลิ้ง ที่กำลังจะอายุครบ 102 ปี ในวันที่ 18 ธ.ค. 61 ก่อนส่งพื้นที่คืนให้กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 4 ต.ค. 61 หลังจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บอกเลิกสัญญาเช่าไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และขอให้ส่งมอบพื้นที่คืนภายใน 180 วัน หลังจากสัญญาเช่าครบกำหนดอายุสัญญา

ส่วนบรรยากาศการแข่งขันอำลาสนาม มีการเพิ่มม้าแข่ง จาก 14 ตัว ต่อรอบ เป็น 15 ตัว ต่อรอบ และเพิ่มเงินรางวัลสำหรับม้าแข่ง จ๊อกกี้ คนเลี้ยงม้า ที่ชนะการแข่งขันในอันดับ 1-2-3 ในแต่ละรอบ และเพิ่มเงินรางวัลสำหรับม้าและผู้ดูแลม้า 200 % แต่หากเป็นม้าชั้น 5 ก็จะเพิ่มเงินรางวัลให้ 300 % หากชนะ

นอกจากนี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ได้ทำหนังสือขอร้องไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อขออนุญาตเปิดแข่งม้าเพิ่มที่สนามราชกรีฑาสโมสร จากเดือนละ 2 ครั้ง เป็นเดือนละ 4 ครั้ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาเจ้าของฟาร์มม้า และเจ้าของคอกม้า ที่เดือดร้อนจากการปิดตัวของสนามม้านางเลิ้ง รวมถึงพนักงานที่ทำงานกับราชตฤณมัยสมาคมฯ อีกกว่า 100 คน ที่จะทำงานไปจนถึงวันที่ 28 ก.ย. 61 เป็นวันสุดท้าย โดยราชตฤณมัยสมาคมฯ จะจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างให้กับพนักงานทั้งหมด คนละ 6 เดือน ส่วนราชตฤณมัยสมาคมฯ จะดำเนินการต่อไปหรือไม่ คณะกรรมการอำนวยการราชตราชตฤณมัยสมาคมฯ จะมีประชุมกำหนดทิศทางอนาคตกันอีกครั้ง ในวันที่ 20 ก.ย. นี้

ขณะที่นายชาญชัย นพรัตน์ เทรนเนอร์ม้า กล่าวว่า ตนเข้ามาที่สนามม้านางเลิ้งเพื่อเป็นเทรนเนอร์ม้า และเจ้าของม้ามากว่า 44 ปี โดยเริ่มจากญาติซึ่งเป็นคนเลี้ยงม้า พามาดูม้าตอนเย็น ๆ ที่กรมการแพทย์ฯ ตรงข้าม สน.พญาไท ตนคลุกคลีอยู่กับม้ามาตลอด จนเริ่มเกิดความรัก ความผูกพัน และเริ่มศึกษาเรื่องการดูแลม้า จนได้มาเป็นเทรนเนอร์ และมีม้าเป็นของตัวเองถึง 12 ตัว นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานดาร์บี้ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดอีกด้วย ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียดายที่หลังจากนี้จะไม่มีสนามม้านางเลิ้งแล้ว แต่ยืนยันว่า จะยังคงใช้ชีวิตอยู่กับม้าและวงการม้าไปแบบนี้เรื่อย ๆ ที่สำคัญ สนามม้านั้นเปรียบเหมือนกับบ้าน ทุกคนที่เข้ามาก็เป็นคนรู้จักและสนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง