วันที่ 19 ก.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งว่ามีนักโทษคดียาเสพติดหลบหนีออกจากเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ เบื้องต้น สามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 1 ราย คือนายวัชรินทร์ จันทร์บูรณ์ อายุ 40 ปี
ส่วนผู้ต้องขังอยู่ระหว่างหลบหนี ได้แก่ นายธนดล ตันติวนิชย์เจริญ อายุ 21 ปี, นายกฤษฎา คงขาว อายุ 22 ปี และนายภัทรดนัย สื่อศิริธำรง อายุ 42 ปี
เจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ กว่า 100 นาย ได้กระจายกำลังกันออกค้นหา โดยเฉพาะภายในโรงเรียนเมืองเพชรบูรณ์ ที่ซึ่งนายวัชรินทร์ได้ให้การว่านักโทษที่หลบหนีทั้งหมด คาดว่ายังอยู่ภานในบริเวณโรงเรียน มีอาคารเรียน 4 หลัง ข้างโรงเรียนเป็นป่าค่อนข้างทึบ จึงได้ใช้โดรนบินออกค้นหา พร้อมทั้งเดินเท้าเข้าไปตรวจสอบ ประสานขอรถไถเพื่อเปิดทางเข้าไปในป่า
ต่อมาได้รับแจ้งว่าพระวัดช้างเผือก ต.ในเมือง พบผู้ต้องสงสัยเมื่อช่วงประมาณ 05.30 น. ที่ผ่านมา จึงได้ไปตรวจสอบ พระรูปดังกล่าวแจ้งว่า ได้ยินเสียงหมาเห่า จึงลุกออกมาดูก็พบชาย 3 คน ยืนอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร แต่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะภายในวัดมักจะมีวัยรุ่นเดินเข้าเดินออกอยู่เป็นประจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กระจายกำลังกันออกค้นหา
สำหรับผู้ต้องหาที่หลบหนีทั้ง 3 คนเป็น ผู้ต้องหาเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหมด ส่วนเหตุการณ์การหลบหนี คาดว่าจะเป็นช่วงเวลาประมาณ 02.30 น. โดยได้ปีนเข้าไปในฝ้าเพดานอาคารที่กำลังก่อสร้าง ที่อยู่ใกล้กับกำแพง จากนั้นได้ทุบกำแพงด้านบน ที่เป็นช่องลมออกเป็นรู จากนั้นใช้ผ้าห่มมัดเป็นเชือก โรยตัวลงมาจากกำแพง และหลบหนีไป
ล่าสุด นำตัวนายนายวัชรินทร์ ทำการสอบเครียดนานกว่า 2 ชั่วโมง ผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่ามีการวางแผนการก่อเหตุหลบหนีจริง แต่ไม่ได้มีการประสานให้ใครมารอรับตัว ดังนั้นรถยนต์สีขาวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยสกัดจับจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบนักโทษที่หลบหนี วิ่งผ่านหน้าร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ไปหลบอยู่ในป่าหลังร้านใกล้กับโรงเรียนเมืองเพชรบูรณ์ จุดที่จับผู้ต้องขังรายแรกถูกจับได้ จึงนำกำลังออกไปตรวจสอบ พบผู้ต้องขังที่หลบหนี 2 รายนอนซุกอยู่ในป่าหลังร้านดังกล่าว คือนายธนดล และนายกฤษฎา ส่วนอีกคนที่ยังคงหลบหนีอยู่คือ นายภัทรดนัย สื่อศิริธำรงค์
เบื้องต้น ทั้งคู่ให้การว่าเมื่อคืนนายภันทรดนัยได้ชักชวนให้พวกตนหลบหนีด้วย ตนจึงตามนายภัทรดนัยออกมา โดยมีนายภัทรดนัยเป็นคนวิ่งนำหน้า กระทั่งมาถึงโรงเรียนเมืองเพชรบูรณ์ นายภัทรดนัยซึ่งเป็นคนพื้นที่ ได้หลบหนีไป ตนไม่รู้จักพื้นที่ จึงหลบอยู่ในป่าหญ้าหน้าโรงเรียน และเห็นว่าเจ้าหน้าที่ได้ออกติดตาม จึงนอนนิ่งอยู่ในป่าหญ้า กระทั่งไม่มีเจ้าหน้าที่แล้ว จึงได้วิ่งออกจากจุดซ่อนตัวไปตามทางถนนสระบุรีหล่มสัก และวิ่งไปซ่อนอยู่หลังร้านขายเฟอร์นิเจอร์ จนกระทั่งมาถูกจับได้
น.ส.มัลลิกา กันเกลี้ยง อายุ 22 ปี พลเมืองดีที่โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองกำลังทำงานอยู่หน้าร้านเฟอร์นิเจอร์ เห็นคนร้ายวิ่งผ่านหน้าร้าน
ตนทราบว่าเป็นผู้ต้องขังที่กำลังหลบหนี จึงตะโกนให้คนช่วยกันจับ คนร้ายจึงจะเข้ามาใช้ไขควงทำท่าจะแทงตน ตนจึงร้องให้คนช่วย คนร้ายจึงวิ่งหลบหนีไปหลังร้าน จากนั้น ตนจึงรีบแจ้งให้เจ้าของร้านโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่าข ณะนี้ผู้ต้องขังที่หลบหนียังคงเหลืออีก 1 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกปูพรมค้นหากดดัน เชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ และคาดว่าจะสามารถจับกุมตัวได้ในเร็ว ๆ นี้
นางสมพร (นามสมมติ) อายุ 48 ปี แม่ของนายกฤษฎา คงขาว อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่นายกฤษฎาโดนจับคือเมื่อช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม ลูกชายออกไปเที่ยวกับเพื่อนตามปกติตามประสาวัยรุ่น แต่ปรากฏว่าถูกตำรวจควบคุมตัวเนื่องจากเพื่อนของลูกชายมียาเสพติดจำนวนมาก ถูกดำเนินคดีร่วมกันครอบครองยาเสพติด ตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ตนเองไม่ทราบมาก่อนว่าลูกชายยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ส่วนตัวเชื่อว่าลูกชายน่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเพิ่งจะออกจากคุกมาได้ไม่นาน เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2559 นายกฤษฎา เคยถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาเสพติด เพราะเพื่อนฝากยาเอาไว้ จำคุกมาแล้ว 2 ปี และเมื่อปี 2563 เคยถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุก เนื่องจากต้องการไปพบเพื่อน แต่แม่ของเพื่อนไม่ยินยอมให้เข้าบ้าน จึงถูกจำคุกประมาณ 8 เดือน และออกจากคุก จนกระทั่งมาถูกจำคุกล่าสุดไปประมาณ 3 เดือน ก่อนจะแหกคุกในครั้งนี้ ตนเองไม่เข้าใจลูกชายว่าคิดอย่างไร ถึงได้ทำแบบนี้ ตนเองทราบข่าวตั้งแต่ช่วงเช้าหลังจากดูโทรทัศน์ ลูกชายก็ไม่มีการติดต่อมาหาตนเองด้วย
ตนเองก็สนิทสนมกับลูก แต่ระยะหลังช่วงต้นปี นายกฤษฎามักจะไม่อยู่ที่บ้าน มักอยู่กับเพื่อนเป็นประจำ ไม่ค่อยมาหาตนเอง มาหาสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น พยายามเตือนลูกชายตลอดว่าให้ปรับปรุงตัว คิดใหม่ทำใหม่อยู่เสมอ นายกฤษฎามีนิสัยไม่ก้าวร้าว และเป็นคนรักเพื่อนฝูง หากเพื่อนมีเรื่องจะช่วยเหลือตลอด โดยเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา นายกฤษฎายังไปช่วยเหลือเพื่อนที่มีเรื่องชกต่อยกันจนถูกแทงบริเวณตาซ้ายมาแล้ว จนถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ ตายังไม่ทันหายดี ก็มาเจอคดีอีก ตั้งแต่ลูกชายติดคุก จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ได้คุยกัน เพราะเรื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19
นายชวน (นามสมมติ) อายุ 65 ปี พ่อของนายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีญาติโทรมาแจ้งว่าลูกชายแหกคุกออกมาตนเองก็ตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก เพราะกลัวลูกชายจะถูกวิสามัญ ตนเองมีการนำรถจักรยานยนต์ออกตามหาละแวกบ้าน แต่ก็ไม่พบ และลูกชายก็ไม่ติดต่อมา จนกระทั่งทราบว่าถูกจับกุมได้ รู้สึกว่าหลังจากนี้ลูกชายคงจะโดนโทษหนัก เพราะตนเองก็เคยบอกลูกเสมอว่าให้อดทน เพราะตนเองคงไม่มีปัญญาไปประกันตัวหรือสู้คดีอีกแล้ว
โดยการจับกุมครั้งล่าสุด คือเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 64 ช่วงเที่ยง ขณะที่ลูกชายอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว ข้อหาเกี่ยวกับเรื่องเสพและครอบครองยาเสพติด ตนเองมาทราบอีกครั้งก็ช่วงเย็นแล้ว และเคยถูกจับกุมก่อนหน้านี้เมื่อปี 2559 คดียาเสพติดเช่นกัน โดยจำคุกประมาณ 5-6 เดือน ก็มีการสู้คดีและพ้นโทษออกมา ตนเองยังไม่ได้คุยกับนายวัชรินทร์ตั้งแต่ถูกจับกุมไป
ที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนทำงานเก่ง ขยัน ขับรถไถไร่ ไถสวน ทำไร่ ช่วยงานตนเองตลอด และเป็นเสาหลักของครอบครัว มีลูกชาย 2 คน อายุ 10 และ 11 ปี และทำงานได้เยอะเงินก็นำมาให้ตนเอง แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าลูกชายมีการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากนี้ก็ยังไม่ทราบว่าลูกกับเมียของลูกชายจะอยู่อย่างไร เพราะขาดเสาหลักไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการระดมกำลังจากชุดสืบสวนจังหวัดเพชรบูรณ์ ชุดสืบสวนของสภ.เมืองเพชรบูรณ์ รวมถึงชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 6 มาร่วมกันติดตามนายภัทรดนัย และจับได้แล้วนั้น
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านของนายภัทรดนัย พี่สาวของนายภัทรดนัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางครอบครัวก็รู้สึกเครียดและกังวลรวม ถึงเป็นห่วง ในความปลอดภัยของนายภัทรดนัยเป็นอย่างมาก กังวลในความปลอดภัยของนายภัทรดนัย อยากให้ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงที่ผ่านมานายภัทรดนัยไม่ได้เป็นเสาหลักของครอบครัว และมีแม่ของตนเองเป็นเสาหลักของครอบครัวโดยตลอด ทุกคนที่บ้านไม่รู้เห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการเสพหรือค้ายาของนายภัทรดนัยมาก่อน จนกระทั่งถูกจับกุม ครอบครัวอยู่ในสภาวะเครียดมาก
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการแชร์ในโลกโซเชียลฯ ผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากคอมเมนต์ถึงผู้ต้องหา บางส่วนชมว่าหล่อมาก และชื่นชมว่าหน้าตาดี บางคนอยากเสนอตัวเป็นภรรยาของนักโทษด้วยนั้น
นอกจากนี้ จากการเปรียบภาพของผู้ต้องหา จากอดีตจนถึงปัจจุบัน นายกฏษฎา มีรูปในทะเบียนราษร์ รูปบนเฟซบุ๊ก รูปขณะที่ถูกจับกุม และปัจจุบัน นี้ค่อนข้างแตกต่างกัน รวมถึงนายธนดลด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ทีมข่าวตรวจสอบความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กล่าสุดของนายกฤษฎา ซึ่งมีการโพสต์ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 64 โดยมีการโพสต์ภาพเดี่ยวของตัวเองที่น้ำตก ระบุข้อความว่า "สักที ดีไหมล่ะ?"
ส่วนบนเฟซบุ๊กของนายธนดล ผู้ต้องหาอีกราย มีการโพสต์ข้อความไว้ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 64 ว่า "ผมอาจจะดีไม่มากพอ แต่ก็ไม่เธอว่าไง"