เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 17 ก.ค. 64 ตำรวจ สน.บางเสาธง รับแจ้งพบศพถูกฆาตกรรม ฝังไว้ใต้พื้นบ้าน ภายในคฤหาสน์หรู ซอยบางเชือกหนัง 7 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเป็นคฤหาสน์ พื้นที่ราว 4 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด แบ่งเป็น 2 โซน ในโซนบ้านคฤหาสน์ ส่วนที่เกิดเหตุอยู่โซนที่กำลังสร้างบาร์กาแฟขนาดใหญ่
จุดเกิดเหตุอยู่ใต้พื้นบ้าน 2 ชั้น พบศพนายสิทธิโชค หรือ ช่างสน สาโรจน์ อายุ 42 ปี นอนหงายอยู่ใต้พื้นบ้านที่ทรุดสูงประมาณ 30 ซม. สวมผ้าขาวม้า กางเกงในสีแดง ถูกห่อด้วยผ้าม่านสีครีม ถูกปิดบังด้วยแผ่นคอนกรีตสำเร็จโบกปูนทับ ฟูกที่นอนพิงกำแพงตัวบ้านไว้อีกชั้น
ล่าสุด ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพ โดยจับกุมได้แล้ว 2 คน คือ นายทรงพล ต๊ะปิง หรือ รุ่ง และนายวัฒน์ หรือ ธีรวัฒน์ สุขราช
วันที่ 19 ก.ค. 64 ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังคฤหาสน์หรูจุดเกิดเหตุ มีการปิดกั้นพื้นที่เพื่อรอดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมของชุดสืบสวน วันนี้ไม่มีคนงานเข้ามาก่อสร้างร้านกาแฟหรือการก่อสร้างเพิ่มเติมภายในคฤหาสน์ ทีมข่าวได้รับอนุญาตจากเจ้าของคฤหาสน์ สามารถเข้าไปบันทึกและเก็บภาพบรรยากาศช่วงเช้าได้ และช่วงบ่ายมีการปิดรั้วใหญ่
นางยี่ (นามสมมติ) คนงานภายในคฤหาสน์หรู เปิดเผยว่า แม้ว่าคดีจะมีความคืบหน้า มีการนำร่างของช่างสน หรือ นายสิทธิโชค ช่างรับเหมาก่อสร้างไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ตนเองก็ยังอยู่ในอาการหวาดกลัว ตั้งแต่วันที่เจอศพ ตนเองก็ยังเป็นไข้ ตกใจไม่หาย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่หายอาการป่วยไข้ ต้องกินยาทุกวัน เวลานอนก็ต้องมีเพื่อนคนงานคนอื่นมาอยู่เคียงข้าง เพราะกลัวสิ่งลี้ลับหรือดวงวิญญาณของช่างรับเหมา
ส่วนกรณีที่ตำรวจ สน.บางเสาธง ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดี จากเดิมที่มีการเรียกสอบคนงาน 2 คน คือนายรุ่ง และนายวัฒน์ สุดท้ายเจ้าตัวรับสารภาพว่าร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ ตนเองก็ตกใจ หลังจากเกิดเหตุวันที่ช่างสนหายตัวไป ก็ไม่พบความผิดปกติ
ระหว่างนั้นนายรุ่ง และนายวัฒน์ ทั้งคู่ยังคงทำงานตามปกติ ไม่ได้ส่งสัญญาณเพื่อบอกว่าตนเองเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ตอนเช้ายังคงออกไปทำงานข้างนอก ตกเย็นก็ยังกลับมานั่งดื่มเหล้าล้อมวงกันตามปกติที่โต๊ะในจุดเกิดเหตุ หลังจากที่ช่างสนหายตัวไป นายรุ่ง และนายวัฒน์ จึงออกไปรับจ้างก่อสร้างข้างนอก
ส่วนกรณีคำรับสารภาพ ที่นายรุ่งและนายวัฒน์ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่าเป็นคนช่วยลากศพของช่างสนไปที่ปากทางใต้ถุนบ้าน เกิดจากการถูกจี้ หรือบังคับจากนายจะหวะ หรือนางพงษ์ ตนเองก็ไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ถ้าหากตกอยู่ในชะตากรรมแบบนั้นก็คงต้องทำตาม เพราะเนื่องจากนายจะหวะอาจมีมีดหรืออาวุธอยู่ในมือ ต้องยอมที่จะทำตาม แต่ก็แปลกใจว่าทำไมไม่ยอมบอกเพื่อนร่วมงานว่าถูกบังคับ เพื่อจะได้หาทางออกหรือพากันไปแจ้งความ อีกทั้งจะได้เจอเบาะแสของช่างสนโดยเร็ว
นายบูรณ์ (นามสมมติ) คนดูแลคฤหาสน์หรู พาทีมข่าวย้อนกลับไปภายในบ้านหลังเล็กข้างคฤหาสน์หรู ลักษณะบ้านสีขาว 2 ชั้น ซึ่งเป็นบ้านหลังเดียวกันกับที่ถูกยัดศพเอาไว้ใต้ถุนบ้าน ลุงบูรณ์พาทีมข่าวเข้าไปภายในห้อง ๆ หนึ่ง ด้านในมีเพียงฟูกสีขาววางไว้บนพื้นไม่มีเตียง ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ และได้ถูกจัดเก็บและทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
ห้องดังกล่าวเดิมเคยเป็นห้องของนายรุ่ง หรือ นายทรงพล ต๊ะปิง คนงานภายในบ้าน ที่ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยได้ประมาณ 1 เดือน แต่หลังเกิดเหตุได้ย้ายขึ้นไปอยู่บริเวณชั้น 2 ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลอะไรถึงย้าย จนกระทั่งมารู้ว่าห้องดังกล่าวตรงกับจุดที่ถูกยัดศพใต้ถุนบ้าน มีความเป็นไปได้ว่านายรุ่งรู้ว่ามีศพอยู่ข้างใต้ จึงได้ย้ายหนีขึ้นไปอยู่ชั้นบน
นายบูรณ์ เปิดเผยว่า ห้องนี้เคยเป็นห้องพักของนายรุ่ง ผู้ต้องหา เจ้าตัวย้ายมาอยู่อาศัยได้ประมาณ 1 เดือน ก่อนที่จะมารู้จักกลุ่มคนงานว่าย้ายไปอยู่ชั้น 2 ตอนนั้นก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเจ้าตัวถึงย้าย จนกระทั่งมารู้ทีหลังว่าพื้นใต้ถุนบ้าน ตรงกับห้องนอนของนายรุ่ง เป็นที่ยัดซ่อนอำพรางศพของช่างสน อาจจะด้วยสิ่งที่นายรุ่งรู้มาตลอดตั้งแต่แรกว่าศพอยู่ข้างใต้ จึงได้หนีไปอยู่ที่อื่น
ส่วนความผิดปกติ และการปฎิบัติตัวของนายรุ่ง กับนายวัฒน์ ตนเองก็เห็นว่าทำตัวเหมือนเช่นทุกวัน ไม่มีการส่งสัญญาณบอกหรือพยายามจะให้ใครรู้ว่ามีศพอยู่ ทั้งที่รู้ตั้งแต่แรกทุกวันยังคงออกไปทำงานก่อสร้างตามปกติ ตอนเย็นพากันซื้อเหล้ามานั่งดื่มกินตรงจุดเกิดเหตุ ไม่มีอะไรผิดสังเกต จึงทำให้ไม่มีใครสงสัย ในมุมความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวของนาบจะหวะ หรือพงษ์ หลังจากที่ตนเองเชื่อว่าช่างสนหายหรือตายไปแล้ว นับตั้งแต่คืนวันที่ 8 ก.ค. ในวันรุ่งขึ้น นายจะหวะก็ได้รอเบิกเงินจากหัวหน้าคนงาน เพราะมีค่าแรงที่ค้างกันอยู่ แต่ตัวเองไม่รู้ว่าจำนวนเท่าไร คาดว่าน่าจะเป็นหลักพันบาท หลังจากที่ได้รับเงินแล้วก็หอบกระเป๋าสัมภาระและออกไปจากบ้านพัก ตอนนั้นก็เข้าใจว่าอาจเป็นช่วงโควิดอยากจะกลับบ้านต่างจังหวัด แต่ก็ผิดแปลกที่เจ้าตัวมาทำงานอยู่ที่นี่นานเป็นปี ไม่เคยที่จะอยากจะกลับบ้าน จึงมีความผิดปกติ ทำให้ตัวเองเริ่มมั่นใจว่านายจะหวะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของช่างสน ยิ่งมาเจอเป็นศพ ทำให้มั่นใจว่านายจะหวะเกี่ยวข้องกับการตายครั้งนี้อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่ญาติของช่างสน ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าของบ้านหรือหัวหน้านายช่างอาจมีการติดเงินค่าแรงช่างสนจำนวนหลักแสนบาทนั้น ตนเองไม่ทราบว่ามีส่วนหรือไม่ แต่การจ่ายเงินระหว่างเจ้าของคฤหาสน์กลับทางช่างสน จะมีการจ่ายเงินให้กันเอง ไม่ต้องผ่านใคร ไม่ต้องผ่านนายนะ ซึ่งเป็นหัวหน้าช่าง เพราะช่างสนจะเป็นคนดูแลฝั่งของคฤหาสน์ จึงรับเงินโดยตรงจากเจ้าของ แต่นายนะ ซึ่งเป็นหัวหน้าช่าง คุมลูกน้องหลายคน รวมถึงกลุ่มผู้ต้องหา ก็จะเป็นคนรับเงินแล้วค่อยนำเงินมาจ่ายให้กับลูกน้องคนอื่น ฉะนั้นตนเองจึงไม่รู้ว่าระหว่างเจ้าของคฤหาสน์กับช่างสนมีเรื่องเกี่ยวกับการติดค้างค่าแรงหรือไม่ แต่เท่าที่ตนเองทำงานที่นี่มาหลายปี เจ้าของคฤหาสน์ไม่เคยมีปัญหาเรื่องพวกนี้ ที่สำคัญโดยปกติ การโอนเงินเดือนโดยเฉพาะค่าแรงของตัวเอง ในฐานะคนดูแลคฤหาสน์เจ้าของก็จะโอนผ่านบัญชีของช่างสน เพราะตนเองกดเอทีเอ็มไม่เป็น จึงต้องให้ช่างสนกดเงินให้ทุกเดือน แต่หลังจากนี้ในเมื่อช่างสนไม่อยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะฝากเงินเดือนผ่านเข้าบัญชีของใคร เพราะตนเองก็ทำไม่เป็น
อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่เคยกลัวเรื่องสิ่งลี้ลับหรือเรื่องดวงวิญญาณของช่างสน แต่สิ่งที่กลัวตอนนี้ก็กลัวว่านายจะหวะจะย้อนกลับมาที่คฤหาสน์ แล้วก่อเหตุไม่คาดคิดขึ้น เพราะทราบรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 ว่าติดตามตัวที่บ้านในจังหวัดเชียงราย ไม่พบเบาะแสของนายจะหวะ ตนเองจึงกลัวว่าเจ้าตัวจะยังอยู่ในพื้นที่หรือไม่ไกลจากคฤหาสน์นี้
ขณะที่ตัวของเจ้าของคฤหาสน์ วันนี้ยังคงใช้ชีวิตตามปกติอยู่ภายในบ้าน ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน ไม่เปิดเผยหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพราะมองว่าคดีกำลังเดินไปในแนวทางของเจ้าหน้าที่ และเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนจากโรงพัก สภ.บางเสาธง ได้เดินทางลงพื้นที่เข้ามาตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุ โดยมีเจ้าของคฤหาสน์ พาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุด โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ห้องของผู้ตาย และโต๊ะที่นั่งดื่มเหล้าสังสรรค์กันในคืนวันเกิดเหตุ
ภายหลังตำรวจโรงพัก สน.บางเสาธง มีการลงพื้นที่พาเจ้าของคฤหาสน์ไปชี้จุดเกิดเหตุ ยืนยันพิกัดในฐานะเจ้าของบ้าน หลังจากที่พาตำรวจไปดูจุดต่าง ๆ เสร็จแล้ว เจ้าของคฤหาสน์ชี้แจงว่า เรื่องที่มีคนไปพูดเกี่ยวกับการติดค้างค่าจ้างกับช่างสน คนตาย มีการติดค้างค่าจ้างก่อนที่จะตายมูลค่า 400,000 บาทไม่ใช่ความจริง เพราะทุกครั้งที่ทำงานก็จะได้รับเงินตอบแทน ไม่เคยมีครั้งไหนที่ไม่มีการจ่ายเงิน ตัวเองเป็นคนจ่ายตรงให้กับช่างสน และช่างนะ ในฐานะหัวหน้าคนงาน ในทางกลับกัน ช่างสนมีการรับค่าจ้างล่วงหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ ตนเองก็ไม่ได้มีความกังวลในเมื่อเขาตายไปแล้ว ก็ให้เขาไป อยากให้ครอบครัวของผู้ตายเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุที่เกิดขึ้น มุมหนึ่งถ้าหากจะมองว่ามีการติดค้างค่าจ้าง อาจจะมีเรื่องกับนายจ้างและเพื่อนร่วมงานนั้น เป็นเพราะที่ทำงานเก่าก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับตนเองที่บ้านหลังนี้ก็เป็นไปได้
สำหรับการจ่ายเงินค่าจ้าง ตนเองจะมีการจ่ายโดยตรงเพียงแค่ 3 ส่วนคือ จ่ายให้กับช่างสน คนตาย เพราะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลก่อสร้างต่อเติมส่วนของคฤหาสน์ ส่วนที่ 2 จ่ายให้กับช่างนะ ในฐานะหัวหน้าช่าง ที่มีการรับงานและกระจายงานให้กับคนงานคนอื่น เช่น กลุ่มของผู้ต้องหา และลูกจ้างรายวัน ส่วนที่ 3 มีการจ่ายเงินให้กับนายบูรณ์ คนดูแลบ้าน เพราะเป็นคนใกล้ชิด การจ่ายเงินมีการจ่ายตรงไม่ได้ผ่านใคร จึงเชื่อว่าเงินก็มีการจ่ายครบทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีการติดค้างแน่นอน
หากย้อนกลับไปในวันที่ 9 ก.ค. ตอนที่นายจะหวะ หรือ พงษ์ ผู้ต้องสงสัย ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีอยู่ตอนนี้ มีการเบิกเงินค่าจ้างหรือค่าแรงที่ค้างอยู่ เพื่อจะเก็บของหนีกลับจังหวัดบ้านเกิดใน จ.เชียงราย เงินดังกล่าวก็ไม่ได้มาเบิกที่ตนเองโดยตรง เพราะมีการจ่ายผ่านช่างนะไปแล้ว ฉะนั้นตนเองจึงไม่รู้ว่ามีการจ่ายเงินค่าแรงส่วนที่ค้างอยู่กันเท่าไร และมากไปกว่านั้นนายจะหวะเป็นใคร ตนเองก็ไม่รู้จัก เพราะเป็นคนงานที่ช่างนะไปจ้างมาอีกที
ในฐานะเจ้าของบ้าน เมื่อวานนี้ให้สัมภาษณ์ ไม่รู้ว่าใครคือผู้ต้องหาหรือถูกจับบ้าง แต่วันนี้เมื่อทราบความคืบหน้าทางคดี ว่ามีคนงานในบ้านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายและซ่อนเร้นอำพราง คือ นายรุ่ง นายวัฒน์ ตนเองก็คาดไม่ถึ ยังไม่รู้ว่าวันเกิดเหตุเรื่องมันเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ได้อยู่ร่วมกับเขา แต่ทราบจากตำรวจว่า 2 คนที่มีการจับกุมตัวตอนนี้เป็นคนที่ถูกนายจะหวะใช้อาวุธมีดจี้และบังคับ ให้มีการทำตามหรือมีการเคลื่อนย้ายช่างสนไปที่จุดซ่อนศพ
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มีคนงานในรั้วบ้านของคฤหาสน์หรูได้นำสายสิญจน์ ทำการล้อมรั้วนอกบ้าน เพื่อรอประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ อุทิศส่วนกุศลให้กับช่างสน หรือนายสิทธิ์โชค ผู้เสียชีวิต และเป็นการทำบุญบ้านหลังจากเกิดเหตุการณ์คนฆ่ากันตายภายในพื้นที่ โดยในวันพรุ่งนี้ครอบครัวจะมีการประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของนายพงษ์ จ.เชียงราย หลังจากมีรายงานว่าได้หลบหนีมาในพื้นที่ วันนี้พบว่ามีการสนธิกำลังกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดเชียงรายชุดสืบ สวน สภ.แม่ฟ้าหลวง ทหารจากกรมทหารม้าที่ 3 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ประมาณ 20 นาย ได้ลาดตระเวนในป่า ดอยเทอดไทย เพื่อหาเบาะแสคนร้าย แต่ยังไม่พบ
นางนะคะ อายุ 60 ปี แม่ของนายจะหวะ กล่าวทั้งน้ำตาว่าตนเองมีลูก 3 คน นายจะหวะเป็นคนโต มีน้องอีก 2 คน อายุ 18 ปี กับ 16 ปี ที่บ้านฐานะค่อนข้างลำบาก ลูกทั้ง 3 คนต้องช่วยกันทำงานตั้งแต่เด็ก เพราะตนไม่มีเงินส่งเรียน ซึ่งตัวนายจะหวะตอนอยู่ที่บ้าน เป็นคนขยันเอาการเอางาน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ก่อนจะออกจากบ้านไปทำงานที่กรุงเทพฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย
กระทั่งวันที่ 11 ก.ค. ลูกชายกลับมาในพื้นที่ก็ยังไม่ได้เจอกัน ยังไม่ได้พูดคุยใด ๆ กันกับลูก เมื่อวานตำรวจมาที่บ้านแจ้งว่าลูกชายไปฆ่าคนตาย หัวอกเเม่แทบสลาย เสียใจมาก ไม่ทราบเหตุผลว่าลูกทำไปเพราะอะไร ก็อยากให้ลูกมอบตัวกับตำรวจ อย่าหนีอีกเลย เพราะตอนนี้แม่ทรมานมาก
ด้าน นางเดือน (นามสมมติ) ภรรยาของนายวัฒน์ ผู้ต้องหา เมื่อวานนี้อ้างว่าสามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งตำรวจได้กันไว้เป็นพยาน แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหา วันนี้เจ้าตัวต่างปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ลักษณะหนีทีมข่าว อ้างว่ายังทำใจไม่ได้
นางเดือน เดินทางมาที่สถานีตำรวจ ให้ข้อมูลสั้น ๆ ว่า ตนเองจำได้ว่าสามีนอนอยู่กับตนเองกับลูกอยู่ภายในห้องพัก ไม่คิดว่าจะตื่นออกจากห้องแล้วไปร่วมวงกับนายจะหวะ นายรุ่ง และช่างสน คนตาย ก็ไม่คิดว่าสามีจะไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหลังจากที่กลับมาก็ทำตัวปกติ ไม่มีพิรุธ ไม่มีคราบเลือด และไม่มีสัญญาณบอกว่าเป็นคนร่วมซ่อนอำพรางศพของช่างสน ออกไปทำงานกลับบ้านและไปนั่งกินเหล้าทุกวันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉะนั้นเมื่อรู้ความจริงแล้วก็ยังทำใจไม่ได้ แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ในฐานะภรรยา ไปเยี่ยมและให้กำลังใจตามปกติ หากจะประกันตัวก็คงไม่มีเงิน เพราะเป็นเพียงแค่ลูกจ้างทำงานทั่วไป อีกครั้งอยากรู้ความจริงจากปากของนายจะหวะ ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหนอยากจะให้มอบตัวเหมือนกัน
ที่ สน.บางเสาธง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ภายในห้องขังมีผู้ต้องหาผู้ต้องหาทั้ง 2 รายคือ นายวัฒน์ และนายรุ่ง นอนหลับสนิทอยู่ภายในห้องขัง เจ้าหน้าที่ผู้คุม ระบุว่าตั้งแต่ผู้ต้องหาเข้าอยู่ภายในห้องขังนั้น ไม่มีภาวะความเครียด หรือเรียกร้องใด ๆ ซึ่งได้แต่นอนหลับอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งได้ให้ผู้ต้องหารับประทานข้าวกลางวันแล้วในช่วงเที่ยงที่ผ่านมา
ด้านนางสุวดี เพ็ชรแขก อายุ 52 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวว่า หลังตำรวจจับคนร้ายได้ 2 คน และออกหมายจับอีก 1 คน ซึ่งกำลังหลบหนีนั้น พบว่าเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันกับที่ลูกเคยเล่าให้ตนฟัง โดยเฉพาะผู้ก่อเหตุที่ชื่อนายจะหวะ ซึ่งลูกเคยบอกว่าชอบสอดส่อง ขี้อิจฉา คิดว่าลูกชายเป็นที่รักของหัวหน้ามากกว่า จึงจ้องจะทำร้ายลูก ซึ่งตนรับไม่ได้กับพฤติการณ์ที่ฆ่าลูกชายด้วยการฟันคอแล้วยังใช้จอบตีซ้ำ มองว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย รุนแรงเกินไป จึงอยากให้ตำรวจจับคนร้ายทั้งหมดให้ได้ และขอให้คนร้ายได้รับโทษประหารชีวิต
ส่วนตัวยังยืนยันว่าสงสัยทุกคนที่อยู่ในบ้าน เพราะอยู่กันเป็นกลุ่ม เชื่อว่าต้องมีส่วนรู้เห็น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเค้นสอบทั้งหมด ตนเสียใจมากที่ต้องเสียลูกชายไป เพราะลูกชายเป็นเสาหลัก ดูแลครอบครัว เป็นคนดี ไม่เคยระรานใคร ทุกครั้งที่นึกถึงภาพที่ลูกโดนกระทำก็เจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก