วัคซีนไฟเซอร์ ที่สหรัฐบริจาค 1.5 ล้านโดส จะถึงประเทศไทย 29 ก.ค.นี้ เร่งฉีดในพื้นที่ระบาดหนัก และกระตุ้นภูมิให้บุคลากรทางการแพทย์
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในวันนี้ (20 ก.ค.) กรมควบคุมโรคจะเซ็นสัญญาสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 20 ล้านโดส ซึ่งคาดว่า วัคซีนจะมาถึงไทย ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และยังเตรียมเจรจาขอซื้อเพิ่มอีกจำนวน 50 ล้านโดส ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้ไทยจำนวน 1.5 ล้านโดส จะมาถึงวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะเร่งฉีดให้พื้นที่ระบาดหนักอย่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเป็นวัคซีนกระตุ้นภูมิ (booster dose) ให้บุคลากรทางการแพทย์
สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนและการกระจายวัคซีนโดย ศบค. เป็นการทำงานร่วมกันในระดับนโยบายที่มีคำแนะนำด้านวิชาการจากคณะแพทย์ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ดำเนินการจัดหาวัคซีนหลักที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งได้แก่ วัคซีน AstraZeneca, วัคซีน Sinovac, วัคซีน Pfizer และวัคซีน Johnson& Johnson โดยมีวัคซีน Sinopharm และวัคซีน Moderna เป็นวัคซีนทางเลือกภายใต้แนวทางความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและเอกชน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ. ศบค. และที่ประชุม ศบค. ยังมีแนวทางในการเร่งรัดเจรจาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมดังนี้
1. เร่งเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนที่มีการพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 (2nd Generation) ที่จะสามารถครอบคลุมไวรัสที่มีการกลายพันธุ์
2. เร่งรัดการแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนด้วยแพลตฟอร์มอื่นๆ นอกเหนือจาก Viral vector Platform เช่น Inactivated Platform หรือ mRNA Platform เป็นต้น
3. สนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนต้นแบบรองรับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส รวมทั้งกำหนดแนวทางการขึ้นทะเบียนสำหรับวัคซีนที่วิจัยพัฒนาในประเทศ รวมถึงการแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศในการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ระยะที่ 3
4. สนับสนุนการศึกษาภูมิคุ้มกันระยะยาวของผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาให้วัคซีนเข็มที่ 3 ในประชากรไทย รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ไวรัสกลายพันธุ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามความก้าวหน้าของการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมเพื่อพิจารณาการจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุโดยเฉพาะกลุ่มเด็กและหญิงตั้งครรภ์