เริ่มแล้ว! อังกฤษ ประกาศยกเลิกทุกมาตรการคุมเข้มโควิดทั้งหมด ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องสวมแมสก์-เว้นระยะห่าง ด้านผู้เชี่ยวชาญห่วง อาจทำให้โควิดกลับมาระบาดหนัก เสี่ยงเจอผู้ติดเชื้อวันละแสน
ชาวอังกฤษ เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติเต็มรูปแบบในวันจันทร์ (19 ก.ค.) หลังจากรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ประกาศยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิดทุกรูปแบบ ท่ามกลางคำเตือนของบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่า นี่เป็น ก้าวย่างที่อันตราย และอาจทำให้เชื้อโควิด หวนกลับมาระบาดรุนแรงมากขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนจำนวนมากตามเมืองต่างๆ ของอังกฤษ รวมถึงที่กรุงลอนดอนต่างพากันฉลอง วันแห่งอิสรภาพ ด้วยการออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติ โดยไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย และการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ อย่างอิสระ โดยไม่ต้องมีการเว้นระยะห่าง
นับตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (18 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเวลา 7.00 น.ของวันจันทร์ ตามเวลาในประเทศไทย) บรรดาไนท์คลับทั่วอังกฤษ สามารถกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง และห้างสรรพสินค้า ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดรับประชาชนได้เต็มความจุ พร้อมๆกับการยกเลิกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากอนามัยและยกเลิกการทำงานจากที่บ้าน
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์สัน เรียกร้องให้ประชาชนยังคงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังตัว และขอร้องให้ผู้ที่ยังลังเล เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครบถ้วน หลังจากที่ตอนนี้ อังกฤษได้ฉีดวัคซีนให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วประเทศไปแล้วราว 2 ใน 3
การหวนคืนสู่การใช้ชีวิตปกติเต็มรูปแบบ ที่เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (19 ก.ค.) สร้างความกังวลให้กับเหล่านักวิทยาศาสตร์ ที่แสดงความเป็นห่วงว่า เชื้อโควิดอาจหวนกลับมาแพร่ระบาดรุนแรง จนอาจมีผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ยวันละ 100,000 คนได้ เนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตากำลังแพร่ระบาดรุนแรงในหลายประเทศทั่วโลก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อังกฤษ เดินหน้าปลดล็อกดาวน์ ไม่ต้องสวมหน้ากาก-เว้นระยะห่าง แม้ยอดรายวันหลักหมื่น
- รมว.สาธารณสุข อังกฤษ ลาออกเซ่นปมละเมิดกฎเว้นระยะห่าง หลังโดนแฉจูบผู้ช่วยในกระทรวง
- ผู้นำอังกฤษคาด กลุ่ม G7 บริจาค วัคซีนโควิด 1,000 ล้านโดส ช่วยประเทศยากจน