วันที่ 21 ก.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ร.ต.อ.(หญิง) ศิริกุล ปานเพ็ชร ได้รวบตัวนายจรัณ เงินทอง หรือ ปุ้ย อายุ 41 ปี หนุ่มใหญ่อาชีพรับจ้างก่อสร้างทั่วไปมาสอบปากคำ พร้อมขออำนาจศาลเพื่อขออนุญาตศาลฝากขังผู้ต้องหา เนื่องจากได้รับแจ้งความว่าเจ้าตัวทำการข่มขืน และทำร้ายร่างกายเด็กหญิงจอย (นามสมมติ) วัย 6 ขวบ
ถูกแจ้ง 3 ข้อหาหนัก ได้แก่ 1.พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, 2.พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, 3.ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยา หรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
เบื้องต้น เด็กหญิงจอย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุก ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสามชุก เพื่อตรวจร่างกาย แพทย์ระบุว่าผ่านการถูกทำอนาจาร ที่แก้มด้านขวามีรอยถูกกัดเห็นรอยฟันอย่างชัดเจน ตามร่างกายมีจ้ำเลือด และรอยช้ำที่บริเวณหน้าท้อง ขนาด 20X20 เซนติเมตร ตามลำตัวมีบาดแผล อวัยวะเพศบวมแดง มีร่องรอยฉีกขาด เยื่อพรหมจารีฉีกขาด แต่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ได้สอดใส่อวัยวะเพศเข้าไป ที่ลงมือก่อเหตุเพราะอยู่ในอาการมึนเมา
ด้านนายจรัณ ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนกับพ่อของเด็ก โดยมักจะพาเด็กหญิงไปนอนค้างคืนที่บ้านพักเป็นประจำ เนื่องจากเด็กหญิงจอยชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งตนยังมักจะซื้อขนมให้กินอยู่เป็นประจำ ตนรักเด็กหญิงจอยเสมือนลูกแท้ ๆ ในช่วงสายของวันที่ 16 ก.ค. พ่อของเด็กโทรศัพท์มาหาตน ขอให้ตนไปพบที่ร้านค้าโชห่วย แล้วขอพาเด็กหญิงจอยไปเล่นที่บ้านพัก
จากนั้นตนได้เปิดโทรศัพท์ให้เด็กหญิงจอยดูการ์ตูนและซื้อขนมมาให้กิน เมื่อตนเห็นว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์ใกล้จะหมด ตนจึงบอกเด็กหญิงจอยให้ชาร์จแบต แต่เด็กหญิงจอยไม่ยอม ตนจึงเกิดความโมโห ลงมือหยิกที่ท้องอย่างแรง อีกทั้งยังใช้ไม้เรียวตีที่ศีรษะ แล้วแยกตัวไปนอน
กระทั่งช่วงเช้ามืดของวันที่ 17 ก.ค. ตนนึกขึ้นมาได้ว่าพ่อของเด็กหญิงจอยยังไม่ได้ใช้หนี้เงินที่ยืมไป จำนวน 400 บาท ตนจึงเกิดความโมโหอีกครั้ง แล้วใช้ปากกัดเข้าที่แก้มของเด็กหญิงจอยอย่างแรง พร้อมใช้นิ้วมือล้วงไปที่อวัยวะเพศของเด็กหญิงจอย ก่อนจะนำตัวมาส่งยังบ้านนายจ้างของพ่อเด็ก เมื่อแม่และพี่สาวของเด็กหญิงจอยเห็นบาดแผล จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุก
ทั้งนี้ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับครอบครัวเด็ก เพื่อขอเจรจาชดใช้ค่าเสียหายแล้ว แต่การเจรจาไม่เป็นผล ตนจึงได้หลบหนีไปยังบ้านภรรยาที่บ้านพักคนงานที่ จ.สุพรรณบุรี ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามรวบตัวได้คาบ้านพัก
นางจ๋า (นามสมมติ) ภรรยาของผู้ต้องหา คบหากับมาได้ 2 ปี บอกว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาเชิญตัวของผู้ต้องหาไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ โดยผู้ต้องหารับสารภาพ แต่ไม่ยอมรับในข้อหาข่มขืน บอกว่าไม่ได้ทำ ปกติแล้วผู้ต้องหาจะเดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านแม่ของผู้ต้องหากับบ้านของตน ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปี ผู้ต้องหาไม่เคยแสดงอาการโมโห ทำร้ายร่างกายหรือมึนเมา รวมถึงไม่เคยแสดงอาการสนใจในตัวเด็กผู้หญิงให้เห็นเลย
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าผู้ต้องหาไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงกับเด็กหญิง หลังจากก่อเหตุก็ได้เดินทางมาอยู่ที่บ้านของตน ทำตัวเหมือนปกติ ไม่มีท่าทีมีพิรุธ อย่างไรก็ตาม ตนคงจะหาโอกาสเดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องหา เพื่อสอบถามความจริงอีกครั้ง
นางไสว อายุ 60 ปี แม่ผู้ต้องหา อาชีพเก็บผักบุ้งขาย บอกว่า ตนไม่ได้พบเจอลูกชายมากว่า 1 เดือนแล้ว เพราะปกติลูกชายจะอาศัยอยู่กับภรรยาในอีกพื้นที่ ไม่ค่อยมาเยี่ยมตน ถึงต่อให้มาลูกชายก็จะเก็บตัวอยู่ภายในบ้านสังกะสีหลังเกิดเหตุ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านของตน ไม่ออกมาพบเจอใคร
ตนเพิ่งทราบข่าวว่าลูกชายถูกจับจากชาวบ้านเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา รู้สึกตกใจ เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวมาก่อน ตนไม่ทราบข้อหาและไม่ทราบว่าลูกชายไปก่อเหตุอะไรมา กระทั่งตนเพิ่งทราบจากทีมข่าวว่าลูกชายก่อเหตุข่มขื่นเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ตนยอมรับว่าลูกชายชอบดื่มสุรา แต่หากจะให้เชื่อว่าลูกชายจะทำร้ายเด็ก ค่อนข้างจะตอบยาก เพราะที่ผ่านมาลูกชายตนเคยทำผิดเพียงเสพยาเสพติดจนถูกจับเท่านั้น
หากถามว่าตนจะไปเยี่ยมและประกันตัวลูกชายหรือไม่นั้น ตนคงไม่ประกันตัว เพราะตนไม่มีเงิน ลูกชายตนก็ไม่เคยให้เงินตนใช้ คงจะต้องปล่อยให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ส่วนการไปเยี่ยม ตนคงไม่สะดวกที่จะไป เพราะตนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง และไม่มีใครพาไป
"เมื่อเช้าหลังจากทราบว่าลูกชายต้องติดคุกตนก็ร้องไห้ออกมา แล้วได้ฝากเงินชาวบ้านไป 100 บาท เพื่อวานให้ชาวบ้านไปเยี่ยมลูกชายแทนตน ตนไม่รู้ว่าลูกชายทำหรือไม่ทำ ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายจะข่มขืนเด็ก ตนอยากถามจากปากของลูกชายด้วยตัวเอง หากมีคนพาไปก็คงจะได้ไปเยี่ยม อยากจะบอกลูกชายว่า อยู่ดี ๆ ทำตัวดี ๆ"