จากกรณีเพื่อนร่วมวิชาชีพพยาบาลยืนตั้งแถวแสดงความอาลัย รับศพนางสาวแพรพัชร์ ธัญวัฒน์ทวีสุข อายุ 43 ปี พยาบาลวิชาชีพ แผนก OPD ผู้ป่วยโควิด รพ.เกษมราษฎร์ บางแค ออกจากห้องผู้ป่วย ไปยังนิติเวชของโรงพยาบาล ได้เสียชีวิตในวันที่ 23 ก.ค. 64 หลังติดเชื้อโควิด จากการทำงานโดยทำหน้าที่ เป็นเจ้าหน้าที่ด่านหน้าประจำจุดตรวจโควิด
นางสาวแพรพัชร์ ธัญวัฒน์ทวีสุข อายุ 43 ปี พยาบาลวิชาชีพ แผนก OPD ผู้ป่วยโควิด มีประวัติตรวจและทราบผลโควิดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 64 มีอาการมีไข้สูง 38 องศา และไปกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง กับนายบุญทัน ศรีสุข สามี ซึ่งอาการปกติดี
วันที่ 4 ก.ค. 64 นางสาวแพรพัชร์ มีอาการออกซิเจนในเลือดต่ำ จนถูกส่งตัวมาที่ รพ.เกษมราษฎร์บางแค จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 564 อาการดีขึ้น วันที่ 19 ก.ค. 64 แพทย์รายงานว่าทรุดและเข้าไอซียู ก่อนที่จะเสียชีวิตเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 ก.ค. 64
ล่าสุด วันที่ 24 ก.ค. 64 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ รพ.เกษมราษฎร์ บางแค นายฐานุพงศ์ ศุภเลิศวรวิชญ์ เพื่อนผู้เสียชีวิต เปิดเผย ส่วนตัวก็ถามทุกข์สุขตลอด เพราะว่าพี่แพรทุ่มเทหน้าที่ตรงนี้มาก โดยเฉพาะรอบนี้ที่โรงพยาบาลหันมานับผู้ป่วยเชิงรุกมากขึ้น พี่จึงทุ่มเทมากมาตลอด 1 ปีกว่า และพี่แพรบอกเสมอว่าถ้ามีใครเสี่ยงต้องการความช่วยเหลือพี่พร้อมช่วยเสมอ แต่สุดพี่แพรก็ติดเชื้อโควิดจากการทำงานตรงนี้
สำหรับตนรักพี่แพรมาก ตนจึงเข้าไปเอาชุดที่สวยที่สุดมาให้พี่แพร เพราะชุดนี้ทุกครั้งที่เจอกันที่สมาคมฯ พี่แพรจะชอบใส่ชุดนี้ ซึ่งคือสิ่งหนึ่งที่ตนอยากทำให้พี่ได้
อย่างไรก็ตาม หลัก ๆ พี่แพรเป็นคนดูแลแม่กับพ่อที่ จ.นครราชสีมา แต่ไม่พบแม่และพ่อเกือบ 1 ปี มาวันนี้ตามที่น้องพี่แพรอีก 2 คนมีครอบครัว อยู่ที่ประเทศสวีเดน ฝากให้ตนดูแลเรื่องนี้ วันนี้จึงรับปากไว้ว่าจะทำหน้าที่ตรงให้ดี ก่อนเก็บอัฐิพี่แพรกลับ จ.นครราชสีมา ในวันพรุ่งนี้
นายบุญทัน ศรีสุข อายุ 39 ปี สามีพยาบาลที่เสียชีวิต และเพื่อนพยาบาล 2 คน คือ นายฐานุพงศ์ ศุภเลิศวรวิชญ์ และนางสาวรินทร์รฐา เจริญพรพัชโชติ อายุ 39 ซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้าถือชุดพยาบาล พร้อมรูปภาพนางสาวแพรพัชร์ มารอรับศพนางสาวแพรพัชร์ ออกจากโรงพยาบาล ในเวลา 12.00 น. ก่อนไปฌาปนกิจที่วัดบางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เวลา 14.00 น.
จากนั้น เมื่อเวลา 11.50 น. อาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง นำร่างนางสาวแพรพัชร์ มาถึงวัดบางม่วง มีครอบครัว เพื่อนพยาบาล ยืนรอรับหน้าเมรุ ร่ำไห้เสียใจการสูญเสียในครั้ง ซึ่งทางครอบครัวนำชุดพยาบาล ร้องเท้า หมวก ที่เตรียมมา ไปวางไว้บนโรงศพที่ตั้งอยู่บนบันไดสวรรค์เตรียมจะส่งร่างไร้วิญญาณทุกร่างขึ้นสู้เมรุ ฌาปนกิจ ตามคิว
ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศาลาวัดพระสงฆ์ 4 รูป ดำเนินการพิธีการสวดอภิธรรมตามขั้นตอนเพื่อให้ครอบครัวได้แสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายโดยมีพระสมุห์บุญเกิด ฐานุตตโร เจ้าอาวาสวัดบางม่วง เป็นประธานทอดผ้าบังสุกุล ก่อนให้ครอบครัวและเพื่อน ๆ พยาบาลวางดอกไม้จันทน์แสดงความอาลัย ซึ่งเพื่อน ๆ ต่างยืนใช้มือจับพร้อมมองรูปภาพของนางสาวแพรพัชร์และร่ำไห้
นายบุญทัน ศรีสุข อายุ 39 ปี สามีพยาบาลที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองครองรักกันมา 12 ปี ภรรยาเป็นคนขยันมาก รักเพื่อนรักครอบครัว ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันทุกโอกาส มักจะพาครอบครัวไปเที่ยว โดยเฉพาะภรรยา นอกจากหน้าที่การงาน ก็ดูครอบครัวไม่ขาด มากที่สุดคือยังดูแลครอบครัวตนเป็นอย่างดีด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ภรรยาทำธุรกิจส่วนตัว แต่สถาการณ์โควิดเริ่มวิกฤต ภรรยาก็พูดกับตนว่าอยากช่วยเหลือคนอื่น จึงตัดสินใจมาทำงานนี้ 1 ปีกว่า และอยู่ด่านหน้ามาโดยตลอด
ทั้งนี้ ตนเองป็นห่วงภรรยาทุกวัน เพราะภรรยารักในอาชีพนี้มาก แม้เป็นงานที่เสี่ยง อีกทั้งเพื่อนร่วมงานทุกคนก็รักภรรยาตนมาก เมื่อช่วงวันที่ 30 มิ.ย. 64 ภรรยามีอาการจนผลติดเชื้อวันที่ 1 ก.ค. 64 ได้เข้า hospital ส่วนตนก็ตรวจพบโควิดเช่นกัน เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 64 และเข้า hospital อยู่กับภรรยาเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 64 แต่ได้อยู่ด้วยกันกับภรรยา 2 คืน ตอนนั้นคุยกันให้กำลังใจกันว่า "เดี๋ยวก็หาย" แต่ภรรยาเริ่มเหนื่อย อาการแย่จนทรุด ได้คุยกันประโยคสุดท้ายทางโทรศัพท์ว่า "ถ้าหายจะพักผ่อน ไปหาพ่อและแม่" แต่ไม่คิดเลยว่าภรรยาจะได้พักผ่อนแบบนี้
นายบุญทัน พูดทั้งน้ำตาว่า ตนและภรรยาอยู่ด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน ไม่เคยจะห่างกันเลย อยากบอกภรรยาว่าไปสู่ภพภูมิที่ดี ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ไม่ต้องคิดอะไรมาก รับปากจะดูแลพ่อและแม่ให้ ซึ่งพ่อกับแม่ภรรยาเป็นกำลังใจให้ตนมาตลอด อย่างไรตาม ตนอยากให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ รู้ว่าทุกคนทำงานหนักและช่วยคนป่วยเต็มที่ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ พร้อมขอบอกทุกคนว่าให้เชื่อว่าถ้าวัคซีนตัวไหนให้รีบรับไว้ก่อน เพราะอย่างตนฉีดวัคซีนแค่เข็มเดียว ติดโควิดก็รอดมาได้ แต่ภรรยาตนโชคร้าย ที่ไม่ได้รับวัคซีน
นางสาวพนิดา ประสาริบุตร อายุ 29 เพื่อนร่วมธุรกิจ เปิดเผยว่า ตนในฐานะน้องที่เคยร่วมธุรกิจด้วยกัน ยืนยันได้ว่าพี่แพรคือคนเก่ง และผลักดันตนให้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นมาได้อีกขั้น ยอมรับนักนับพี่แพร่ทั้งเก่ง เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี แบ่งปันตลอด 4 ปี ที่อยู่ด้วยกันมา เช่นเดียวกันงานพยาบาลก็ทุ่มเทมาก ไม่คิดว่าหน้าที่ตรงนี้จะทำให้พี่แพรจากไปไวขนาดนี้
ล่าสุด 3 วันที่ผ่านมา ตนและเพื่อนร่วมธุรกิจ ต่างส่งกำลังให้พี่แพรกันตลอด ตอนนั้นพี่แพรยังตอบกลับมาว่า "โอเค โอเค" รับรู้ได้ว่า พี่แพรสู้เต็มที่ คุณหมอก็ช่วยเต็มที่ แต่ต้องยอมรับว่าพี่แพรทำงานหนักรับตรวจโควิดวันละ 200 เคส อยู่กับเชื้อโรคทุกวัน และไม่ได้รับวัคซีน แถมมีโรคประจำตัวตัว เป็นเคสที่หนักมากจริง ๆ แต่จากสื่อสารกับสามีพี่แพรก็รู้ว่าพี่เข้าไอซียู ตอนนั้นใจหาย และเมื่อวานรู้ว่าพี่แพรจากไปทุกคนตกใจ ทำใจไม่ได้
ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์เปรียบเหมือนนักรบชุดขาวจริง ๆ แต่การจากไปวันนี้แม้แต่ธงชาติก็ไม่มีปิดหน้า ความเสียสละตรงนี้ แพทย์ พยาบาล เป็นความโหดร้าย ควรมีสวัสดิการความเสี่ยงตรงนี้ ส่วนของพี่แพรวันนี้มีสมาคมซุปเปอร์สบทบให้ครอบครัวพี่แพร เพื่อนช่วยกัน แต่ทางรัฐยังไม่เห็นเลย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนเองมองว่าไม่ใช่แค่บุคลากรทางการแพทย์ แต่ทุกคนเดือดร้อนหมด ตนคิดว่าทุกคนควรได้ฉีดวัคซีนให้ได้ภูมิคุ้มกัน อยากสะท้อนความจุกในอกตรงนี้ที่พูดไปก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด
จากนั้นเมื่อเวลา 13.05 น. ได้นำร่างไร้วิญญาณนางสาวแพรพัชร์ ขึ้นสู่เมรุ และฌาปนกิจในทันทีเมื่อเวลา 13.10 น.
ดา้นนางนิด ศิรินทร์ อายุ 64 ปี แม่ของพยาบาลที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า สำหรับลูกสาวตน เป็นพยาบาลวิชาชีพมากว่า 20 ปี ซึ่งปกติแล้วลูกสาวเป็นลูกคนโต มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน อีก 2 คน อยู่ต่างประเทศ ที่ผ่านมาลูกสาวทำหน้าที่พยาบาล ก็มักจะมาเยี่ยมพ่อแม่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ด้วยโรคโควิด-19 ระบาด จึงไม่ได้มา มาทราบข่าวลูกสาวเป็นพยาบาลเป็นด่านหน้ารับผู้ป่วย กลับติดโควิดเอง แต่ไม่คาดคิดว่าจะเสียชีวิต
ตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ก็เข้าใจว่าเป็นหน้าที่ และก็ภูมิใจในตัวลูกสาว ซึ่งก็ได้สูญเสียไปแล้ว ส่วนงานศพที่ไม่ได้ร่วมเพราะมาตรการเข้มของจังหวัดนั้นเป็นพื้นที่สีแดง จึงงดเดินทางทุกกรณี และให้ลูกเขย เพื่อนพยาบาลบางส่วนไปร่วมพิธีแทน ส่วนตนและครอบครัวเตรียมนำกระดูกมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่ วัดหนองหอย ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้าน จ.นครราชสีมา ต่อไป