จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพยายและหลานสาว ถูกฆ่าปาดคอเสียชีวิตในบ้านพักที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ย. 61 ในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต ชื่อ นางมะลิ อิ่มสวัสดิ์ อายุ 68 ปี และด.ญ.อิสยา เพิกเฉย อายุ 12 ปี ส่วนอีก 1 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ชื่อ ด.ญ.อาภารัตน์ สำรวย หรือ น้องข้าวหอม อายุ 9 ปี โดยมีแมวถูกฆ่าตายด้วย โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ล่าสุดญาติของผู้เสียชีวิตได้มาร่วมไว้อาลัย และมาส่งผู้เสียชีวิตทั้ง 2 เป็นครั้งสุดท้ายที่วัดบางกะเจ้ากลาง จ.สมุทรปราการ ก่อนที่จะนำเถ้ากระดูกผู้เสียชีวิตไปลอยอังคารที่ซอยตำรวจน้ำ จ.สมุทรปราการ ในวันที่ 21 ก.ย. 61 เวลา 13.00 น.
วันที่ 20 ก.ย.61 ที่วัดบางกะเจ้ากลาง จ.สมุทรปราการ พบว่ามีญาติมาร่วมงานตั้งแต่เวลา 15.30 น. ขณะเดียวกันพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร มาคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย วันนี้ไม่พบแม่ของน้องจิว เนื่องจากยังอยู่ต่างประเทศ ส่วนพี่สาวของผู้ต้องหาก็ไม่ได้มาร่วมงาน โดยบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตยังคงทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงไม่มีใครอยากพูดถึง
ด้าน
สามเณรชาคริต สินชัยพี่ชายของน้องจิว ที่บวชหน้าไฟกล่าวว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ น้องจิวก็ไม่เคยมาหา หรือมาเข้าฝัน แต่อยากจะบอกว่าคิดถึงน้อง หลับให้สบาย ไม่ต้องเป็นห่วงคนทางนี้ แต่สิ่งที่ยังกังวลใจที่สุดคือ อยากรู้ว่านายพูล้า ผู้ต้องหา ถูกตัดสินประหารหรือไม่ และตนก็คงไม่มีอะไรจะพูดถึงคนร้าย เพราะพูดไม่ออก
ระหว่างที่สามเณรชาคริตให้สัมภาษณ์ก็ได้หลบหน้า เนื่องจากน้ำตาคลอเบ้า และฝากถึงคนที่อาจจะประสบเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ขอให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้นตอนไหน และไม่ทีทางรู้เลยว่าคนร้ายจะมีมากแค่ไหน
ด้าน
น.ส.นิรมล อิ่มสวัสดิ์ แม่ของน้องข้าวหอมและเป็นคนเลี้ยงดูน้องจิวมาตั้งแต่เด็ก เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่ได้พบน้องจิว ตนในฐานนะบุคคลที่เคยเลี้ยงน้องจิว ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจึงเกิดความผูกพัน ก็อยากจะบอกน้องว่า "ขอให้ไปดี ขึ้นสวรรค์ และไม่ต้องมาอะไรอีกแล้ว" ส่วนตัวรักน้องจิวไม่แพ้ลูกแท้ ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่กังวลที่สุด คือ บทลงโทษของผู้ต้องหา เพราะคิดว่าคนนี้คือฆาตกรของจริง ที่จะสามารถฆ่าคนโดยที่ไม่รู้สึกผิด และไม่รู้สึกกลัวใด ๆ ทั้งสิ้น คิดว่าถ้าออกมาใช้ชีวิตคงก่อเหตุซ้ำอีกแน่นอน และถ้ายังเก็บฆาตกรไว้ ก็คงจะกลับมาฆ่าได้อีกหลายคน ส่วนตัวอยากให้ประหารชีวิต
นอกจากนี้ น.ส.นิรมล เผยว่า ตนคงไม่ฝากอะไรถึงผู้ต้องหาเนื่องจาก ถ้าสามารถฆ่าคนแก่และเด็กได้ขนาดนี้ ตนเชื่อว่าเขาคงไม่มีความคิด ไม่มีความรู้สึก และความเป็นคน หากฝากอะไรไปก็คงไม่รู้สึก ส่วนอาการของน้องข้าวหอม วันแรกก็ต้องผ่าตัดหลอดลม และให้แพทย์ดูอาการอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 3 สัปดาห์ว่า แผลผ่าตัดจะผ่านไปด้วยดีหรือมีอาการแทรกซ้อนหรือไม่ เบื้องต้นน้องข้าวหอมสามารถโต้ตอบด้วยการเขียนว่า "คิดถึงยาย คิดถึงพี่จิว" แต่จะไม่เขียนความรู้สึกออกมาเลย และอารมณ์แปรปรวนตลอด
ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลตอนนี้ โชคดีที่รัฐบาลช่วยออกให้ 3 วัน ค่ารักษาประมาณแสนกว่าบาท ขณะเดียวกันก็ต้องดูอาการน้องข้าวหอมก่อน จึงประสานไปยังโรงพยาบาลอีกแห่ง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และโชคดีที่นายอำเภอพระประแดงยื่นมือเข้ามาช่วย หลังจากนี้ก็คงไม่ให้น้องข้าวหอมกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมอีกแล้ว อาจจะขอไปอยู่กับพี่ชายอยู่ไปก่อน
ทั้งนี้ นางสาวนิรมล พูดทั้งน้ำตาว่า ตนรู้สึกท้อ เหนื่อย และหวาดกลัวคนรอบข้าง แต่ก็พยายามสร้างชุมชนด้วยความรัก และคอยช่วยเหลือกันตลอดเวลา ที่ผ่านมาพยายามทำทุกอย่างด้วยใจ
ด้าน
น้องชมพู (นามสมมติ) เพื่อนของจิว ที่เคยร้องไห้ในงานศพ และคุณแม่เดินมาร่วมงาน คุณแม่และน้องชมพูไม่ได้มีความสนิทสนมกับผู้ตาย แต่ผู้ตายไปหาน้องชมพู และบอกให้มาร่วมงานเท่านั้น โดยคุณแม่และน้องชมพู นั่งคนละศาลากับบรรดาญาติของผู้ตาย เนื่องจากเหตุการณ์ร้องไห้หน้าศพของน้องชมพู บรรดาญาติผู้ตายต่างมองว่าเป็นการหลอกลวง
ขณะเดียวกันภายในงานก็เกิดลมกระโชกแรง ฟ้าร้อง จากนั้นเม็ดฝนก็โปรยปรายลงมา และหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังคงดำเนินงานทอดผ้าบังสุกุลไป จากนั้นเริ่มวางดอกไม้จันทน์ เวลา 17.07 น. โดยระหว่างที่เปิดโลงศพ เพื่อไว้อาลัยผู้ตาย
ขณะนั้นพี่สาวของน้องจิว ได้กรี้ดลั่น และร้องไห้อย่างหนัก และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "น้องหนู" ก่อนเสียงกริ่งจะดังขึ้น ฌาปนกิจในเวลา 17.33 น.