จากกรณีสุนัข 3 ตัวของเพื่อนบ้านรุมกัด ด.ญ.ธัญลักษณ์ สลิดกุล หรือ น้องตวงข้าว อายุ 5 ขวบ เสียชีวิต เหตุเกิดที่ ต.บ้านเขว้า อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 61
วันที่ 20 ก.ย. 61 ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านของน้องตวงข้าว ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นางประกาย จุลเขว้า ยายของน้องตวงข้าว เล่าว่า วันเกิดเหตุตนไปรับหลานกลับมาจากโรงเรียน เวลาประมาณ 15.00 น. เมื่อมาถึงบ้าน หลานก็อาบน้ำ กินนม และนั่งเล่นคนเดียวในบ้าน ซึ่งขณะนั้นตนขายของอยู่หน้าบ้าน เมื่อหันไปมองอีกรอบ พบว่าหลานหายไป เมื่อเดินออกไปดูหลังบ้าน เห็นหลานปั่นจักรยานอยู่ จึงปล่อยให้เล่นตามปกติ จากนั้นไม่นานได้ยินเสียงเพื่อนบ้านตะโกนบอกว่าหลานสาวถูกสุนัขกัด ตนจึงรีบวิ่งไปดู ซึ่งเมื่อไปถึงพบว่าหลานนอนแน่นิ่งจมกองเลือด ตนตกใจมากยังไม่ทันได้จับตัวหลาน ก็รีบมาปิดบ้านและเอาเอกสารของหลานพาไปโรงพยาบาล
ซึ่งแพทย์แจ้งว่า หลานสาวตนหมดสติ เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้ว ตนก็พยายามบอกให้แพทย์ยื้อชีวิตหลานสาวไว้ก่อน แต่ไม่สามารถทำได้ เมื่อเข้าไปเห็นสภาพหลานก็สงสารมาก และรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้ หลานตนก็เคยเข้าไปเล่นในบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อไปเล่นกับแมว ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางเจ้าของสุนัขก็ได้เข้ามาแสดงความเสียใจ และมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมแล้ว รวมถึงได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 40,000 บาท แต่ตนยังไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนบ้าน เพราะตอนนี้คิดอะไรไม่ออก เนื่องจากผูกพันกับหลานมาก เพราะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด จึงยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
น.ส.เขมิกา จุลเขว้า อายุ 30 ปี น้าสาวน้องตวงข้าว กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนทำงานอยู่ โดยมีคนโทรมาแจ้งว่าหลานสาวถูกสุนัขกัด ตอนแรกตนคาดว่าน่าจะแค่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ได้ยินข่าวว่า มีเด็กถูกสุนัขกัดน่าจะเสียชีวิต ตนก็ตกใจมาก จึงรีบไปรับ น.ส.เสาวรี จุลเขว้า แม่น้องตวงข้าว ไปที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงแพทย์กำลังปั๊มหัวใจน้อง แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ โดยสภาพที่ตนเข้าไปเห็น คือมีรอยเขี้ยวขนาดใหญ่ที่คอ 2 ข้าง ซึ่งเป็นบริเวณเส้นเลือดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีรอยทั่วร่างกาย เมื่อเห็นแล้วตนคิดว่าหลานน่าจะทรมานมากก่อนเสียชีวิต
น.ส.เขมิกา ยังได้กล่าวอีกว่า รู้สึกรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปกติน้องตวงข้าวเคยเข้าไปวิ่งเล่นในบ้านของเจ้าของสุนัข แต่มีเจ้าของบ้านอยู่ด้วย จึงไม่เกิดอันตราย แต่เวลาคนขับรถผ่าน สุนัขบางตัวของบ้านหลังดังกล่าว ก็มักจะเห่าและวิ่งไล่ ซึ่งแม่ของน้องตวงข้าวก็เคยถูกสุนัขกระโจนใส่เช่นกัน ซึ่งตนก็รู้สึกว่าอันตราย ต้องคอยระมัดระวัง โดยส่วนของคดี ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ด้าน
นางต่าย เจ้าของสุนัข เปิดเผยว่า ตนไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันเกิดเหตุตนเพิ่งขับรถออกจากบ้าน และเห็นน้องตวงข้าวนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านตัวเอง แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ได้ข่าวว่าสุนัขตัวเองกัดน้องตวงข้าวเสียชีวิต รู้สึกตกใจมาก ส่วนตัวไม่เชื่อว่าสุนัขของตัวเองเป็นตัวก่อเหตุ เพราะปกติ น้องตวงข้าวจะวิ่งมาเล่นกับสุนัขของตนทุกตัว รวมถึงสุนัขแม่ลูกอ่อน และไม่เคยมีปัญหา ซึ่งตนก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุ โดยอาจจะมีสุนัขตัวอื่นมากัดน้องตวงข้าวก่อน และสุนัขของตนตามออกมา แล้วเพื่อนบ้านเห็นในจังหวะนั้นก็เป็นไปได้
โดยหลังเกิดเหตุ
นางต่าย เล่าว่า สุนัขพันธุ์ไทยของตน 2 ตัวก็มีสภาพปกติ ไม่พบรอยเลือดที่ใบหน้า มีเพียงสุนัขพุดเดิ้ลที่มีเลือดเล็กน้อย ซึ่งปกติก็มักจะไปกัดกับสุนัขตัวอื่นอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกไปสอบ และพิสูจน์เรื่องของคดี โดยยืนยันว่าหากสุนัขของตนกัดจริง ก็ยินดีรับผิดชอบ และในตอนนี้ก็ได้ช่วยเหลือครอบครัวน้องตวงข้าวในเบื้องต้นแล้ว เพราะทุกคนเข้าใจว่าเป็นสุนัขของตนที่ก่อเหตุ
ทั้งนี้
นางต่าย ยืนยันว่า สุนัขตนไม่ได้ดุร้าย แต่ปกติจะชอบกัดข้าวของในบ้าน จึงต้องล่ามโซ่ไว้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำร้ายใคร ซึ่งในตอนนี้ก็ได้ล่ามโซ่สุนัขไว้ทั้งหมดแล้วที่หลังบ้าน
โดย
นายปิยณัฐ ระบุว่า เรื่องของคดีตอนนี้ต้องรอให้ตำรวจสอบทางผู้เสียหายให้เรียบร้อย จึงจะมีความชัดเจน ส่วนที่ตอนแรกพี่สาวตนไม่เชื่อว่าสุนัขทั้ง 3 ตัว คือเฮงเฮง มารวย และหมูหวาน จะกัดน้องตวงข้าวนั้น ตนคิดว่าเป็นแค่ความสงสัยมากกว่า แต่พวกตนก็ต้องยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าสุนัขของตนก่อเหตุจริง เพราะมีคนเห็น และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นที่หน้าบ้านตน ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะรักน้องตวงข้าว และน้องตวงข้าวก็ไปเล่นที่บ้านเป็นประจำ
ส่วนเรื่องของสุนัขทั้ง 3 ตัว จากนี้คิดว่าต้องนำออกนอกพื้นที่ เพราะรับไม่ได้ที่เคยกัดคน และเพื่อความสบายใจของเพื่อนบ้าน แต่ก็ต้องรอทางปศุสัตว์ เพราะยังอยู่ในช่วงของคดี โดยยังไม่แน่ใจว่าจะส่งไปอยู่ที่ใด เพราะต้องคุยกับคนในครอบครัวก่อน โดยตนยินดีที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ต้องรอให้พิธีศพเสร็จสิ้นก่อน จึงจะพูดคุยกันอีกครั้ง โดยตนก็ทราบดีว่า เงินไม่สามารถทดแทนชีวิตที่เสียไปได้ แต่ก็อยากทำให้ดีที่สุด
ขณะที่
นายณรงค์ วุ่นซิ่ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เดินทางมายังงานบำเพ็ญกุศลศพน้องตวงข้าว โดยพูดคุยให้กำลังใจ น.ส.เสาวรี จุลเขว้า และนางประกาย จุลเขว้า แม่และยายของน้องตวงข้าว ก่อนเดินไปดูจุดที่น้องตวงข้าวถูกสุนัขกัด ที่ถนนคอนกรีตด้านหลังบ้าน
นายณรงค์ กล่าวว่า ตนมาให้กำลังใจครอบครัวน้องตวงข้าว เพราะเห็นอกเห็นใจที่ลูกบ้านมีความทุกข์ โดยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง ก็ได้สั่งการให้นายอำเภอ ปศุสัตว์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการเรื่องทางคดี ซึ่งส่วนของสุนัขก็มีการตรวจสอบมาตลอด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ และเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด จึงได้กำชับให้ทางปศุสัตว์เข้ามาดูแลแล้ว
น.ส.เสาวรี จุลเขว้า แม่น้องตวงข้าว เปิดเผยว่า ความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการ ซึ่งเจ้าของสุนัขได้เข้ามาพูดคุย แสดงความเสียใจกับตนแล้ว แต่ยอมรับว่าตนยังทำใจไม่ได้ เพราะสูญเสียลูก ส่วนที่อีกฝ่ายเชื่อว่าไม่ใช่สุนัขของตัวเองกัดนั้น ตนก็ไม่ทราบ และเจ้าของสุนัขก็ไม่ได้อยู่บ้าน จึงไม่เห็นเหตุการณ์ แต่ผู้เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่าจำสุนัขที่ก่อเหตุได้ และยืนยันว่าเป็นสุนัข 3 ตัวของเพื่อนบ้านคนดังกล่าว โดยในละแวกบ้านก็ไม่มีสุนัขจร และสุนัขบ้านอื่นที่เข้ามาในพื้นที่ หรือมีความดุร้าย
โดยก่อนหน้านี้ น้องตวงข้าวเคยเข้าไปเล่นในบ้านหลังเกิดเหตุจริง แต่ไปเล่นกับแมว ไม่ใช่สุนัข และทุกครั้งที่เข้าไปก็มีเจ้าของบ้านอยู่ด้วย จึงไม่เคยเกิดปัญหา ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าสุนัขดุหรือไม่ แต่ก็กลัวเช่นกัน เพราะสุนัขเห่าเสียงดัง ส่วนตัวอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล แก้ไขปัญหาเรื่องของสุนัข ส่วนสุนัขทั้ง 3 ตัวที่ก่อเหตุนั้น ก็อยากให้นำออกไปจากพื้นที่ เพราะตนไม่อยากเห็น เนื่องจากยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องเห็นสุนัขตัวที่ทำร้ายลูก
ทั้งนี้ วันเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน เพราะติดอบรม ตอนแรก นางประกาย ยายน้องตวงข้าว โทรมาแจ้ง ตนก็คิดว่าลูกถูกสุนัขกัดแค่เล็กน้อย แต่มีญาติและคนรู้จักส่งข้อความมาถามเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้สึกเอะใจ และรีบโทรศัพท์กลับไปถาม เมื่อทราบก็รู้สึกตกใจมาก นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังโทรมาแจ้งว่า สุนัขกัดเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่บริเวณคอ เลือดไหลไม่หยุด
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ตนก็กระซิบข้างหูลูกว่า “น้องตวง แม่มาแล้วนะ กลับมาหาแม่นะลูก” ซึ่งในตอนนั้นชีพจรของลูกสาวหยุดเต้นไปแล้ว โดยแพทย์บอกตนว่า พยายามปั๊มหัวใจตั้งแต่น้องมาถึงโรงพยาบาลจนตนมาถึงแล้ว ซึ่งตนก็เสียใจจนพูดไม่ออก ในตอนแรกก็ไม่ทราบว่าสุนัขตัวไหนที่กัดน้อง จนมีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟัง โดยตนไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดกับฝ่ายคู่กรณี เพราะคิดว่าแลกไม่ได้กับชีวิตเด็กทั้งคน ซึ่งส่วนตัวยังคุยกับเจ้าของสุนัขตามปกติ เพราะไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน แต่ก็ยอมรับว่าทำใจลำบากมาก