จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก
สุดารัตน์ มงคลกุล โดยระบุข้อความว่า "ชีวิตหลังแต่งงาน สิ่งที่ทำทุกวันพระคือการเก็บดอกไม้ธูปเทียน ^กราบสามี^ ประเพณีอันดีงามที่สั่งสอนจากบรรพบุรุษ ทำแล้วดี ทำแล้วสบายใจ ทุกอย่างทำด้วยใจ ด้วยรักและศรัทธาแด่อ้าย ^สามีที่แสนดี^"
วันที่ 21 ก.ย. 61 ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านหนองหูลิง ต.เชียงใหม่ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด โดย
นายดวงชัย มงคลกุล อายุ 36 ปี ผอ.โรงเรียนบ้านโนนใหญ่ อ.โพธิ์ชัย ซึ่งรับราชการตำแหน่งดังกล่าวมาแล้ว 3 ปี และแต่งงานกับครูสุดารัตน์ มงคลกุล อายุ 36 ปี มาแล้ว 1 ปี ซึ่งตอนนี้ภรรยารับราชการเป็นครูสอนเด็กระดับชั้นประถมศึกษา ในรายวิชาภาษาไทย ที่โรงเรียนบ้านหลุบเลา อ.ภูพาน จ.สกลนคร
นายดวงชัย เล่าว่า ปัจจุบันตน และภรรยาได้สอนอยู่คนละที่ ส่วนใหญ่ภรรยาก็จะเดินทางกลับบ้านในช่วงเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
ถ้าวันไหนที่มาไม่บรรจบกับวันพระ ภรรยาก็จะเอามากราบไหว้เหมือนเดิม เวลาที่มาถึงและก่อนจะเดินทางกลับไปสอนเด็กนักเรียนที่จังหวัดสกลนคร
ทั้งนี้ ความคิดของแต่ละบุคคลอาจจะไม่เหมือนกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การสร้างภาพเพราะพวกตนปฏิบัติมาโดยตลอด โดยในปีนี้หรือปีต่อไป การกราบไหว้สามีหรือให้เกียรติซึ่งกันและกัน ก็ควรจะมีตามที่ผู้หลักผู้ใหญ่ให้คำสอนไว้ในวันแต่งงาน ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้ ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีและควรจะมีการบอกต่อถึงรุ่นลูกรุ่นหลานรวมไปถึงการรักษาศีล 5 ด้วย
ด้าน
นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข กล่าวว่า สำหรับประเพณีแบบไทยนั้น พ่อแม่สอนมาว่า สามี คือ พ่อคนที่สอง ถ้าเราแสดงความเคารพโดยการกราบไหว้บูชาถือว่าเป็นเรื่องสิริมงคล และเป็นสิ่งที่มีความรู้สึกที่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายสามีบางครั้งอาจจะประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับคำว่าสามีที่ดี หรือไม่ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ อาจจะวอกแวกอะไรบ้างแต่หากได้รับการเชิดชูหรือการเคารพบูชาก็จะมีความรู้สึก "เราทำตัวไม่ดีหรือเปล่า เราทำตัวให้สมกับที่เขาได้กราบไหว้เราไหม" ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องความรู้สึกที่ดีต่อกัน
ส่วนตัวมองว่าการที่แสดงออกในลักษณะนี้ เป็นเรื่องของการให้ความรัก ความเคารพ และนับถือซึ่งเป็นความงดงาม รู้สึกชื่นชอบพร้อมกับชื่นชม แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏ คือ การใส่เครื่องแบบราชการมากราบสามีก็ตาม ถ้าหากทำได้สังคมจะอบอุ่นมาก เพราะว่าสังคมที่เล็กที่สุดก็คือ ครอบครัว ซึ่งถ้าแม่ปฏิบัติกับพ่อ และพาลูกไหว้พ่อ ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่สงกรานต์ วันสำคัญวันเกิดไปขอพรมีแต่ความเป็นสิริมงคล จากโพสต์นี้ จะกราบสามีทุกวันพระ เป็นความงดงามในความรู้สึกของตน
นอกจากนี้
นางระเบียบรัตน์ กล่าวว่า คุณแม่สอนมาให้กราบไหว้สามีก่อนนอน และตัวเองก็ทำมาตลอด พักหลังอาจจะแยกกันนอนห่างกันเล็กน้อย นอนคนละเตียงบ้าง เพราะอายุมากแล้วก็อาจจะลดน้อยลงไป แต่วันสำคัญที่ไม่ขาดเลยคือวันปีใหม่ วันสงกรานต์ ตนจะต้องเอาดอกไม้เอาเทียนไปกราบ และขอพร เนื่องจาก 365 วัน เราอาจจะล่วงเกินแล้ววันนี้เราขอพร ไม่เช่นนั้นเราก็คงไม่มีชีวิตครอบครัวที่อยู่มาถึงได้ทุกวันนี้ 44 ปี เพราะสังคมเวลานี้เปราะบางมาก ถ้าเราไม่ผูกพันกันไว้ด้วยใจที่เคารพและศรัทธาและความดีที่มีต่อกัน มันก็คงจะแตกร้าวและสูญสลายได้ง่าย เพราะสิ่งกระตุ้น สิ่งเร้ามันเยอะ การที่มีตัวอย่างแบบนี้ออกมา น่าจะเป็นสิ่งที่ดี
นางระเบียบรัตน์ เผยว่า สมัยนี้ผู้หญิงไทยก็ไม่ได้ด้อยกว่าผู้ชายไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้ ความสามารถ การออกทำงานนอกบ้าน ความเท่าเทียมกันในเรื่องของเหตุและผล แม้ว่าจะเก่งงานบ้านงานเรือน ส่วนตัวคิดว่าเป็นการกระทำที่งดงามแบบนี้ ทำไมคนไปมองเห็นเป็นเรื่องประหลาด ตนก็อยากถามว่า ทำไมเราไม่ชื่นชมยินดี ซึ่งคงไม่ต้องพูดเรื่องศักดิ์ศรี สำหรับสามีและภรรยาไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรีแต่เป็นเรื่องของความทัดเทียมกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกันเมื่อภรรยาไหว้สามี สามีก็ไหว้ภรรยาได้เหมือนกัน เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่ผู้หญิงเป็นเพศที่จะต้องให้ความอบอุ่น วิญญาณของแม่ ของเมีย ตรงนี้ตนเชื่อว่าการปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้ฝ่ายชายเกิดความรู้สึกที่ดีงาม ว่าเขารู้สึกเป็นบุคคลที่ควรจะให้การกราบไหว้ จะไม่ประพฤติตนในทางที่ไม่เหมาะสม ไม่ประพฤติล่วงนอกใจ แล้วก็ทำตัวให้สมกับเป็นคนที่ควรให้การกราบไหว้แล้วก็จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกได้เดินตามไป