จากกรณีวันที่ 18 ก.ย. 61 เวลา 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงสกัดผู้ต้องสงสัย ขับรถแหกด่านตรวจ ทำให้มีผู้เสียชีวิตคาที่ 1 ราย เหตุเกิดที่ถนนศรีสุนทร บริเวณหน้าร้านต้นหอม ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากรับแจ้ง ร.ต.อ.ยุทธพล ยะฝา รองสว.(สอบสวน) สภ.เชิงทะเล เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสริม ขวัญนิมิต ผกก.สภ.เชิงทะเล พ.ต.ท.สมพงศ์ จุลเรือง รองผกก.(สอบสวน) สภ.เชิงทะเล, พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ หนูผึ้ง รองผกก.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ถลาง อัยการภูเก็ต แพทย์เวรโรงพยาบาลถลาง และเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก Spotlight Thailand เผยแพร่คลิปวิดีโอ ขณะเกิดเหตุ โดยระบุว่า "ตะลึงสุด ตำรวจโยนปืนทิ้งข้างทาง ในคดีวิสามัญ ที่เชิงทะเล มันคือหลักฐานที่จะนำไปสู่การดำเนินคดีกับตำรวจทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ว่าปืนที่โยน คือปืน .38 ไทยประดิษฐ์ ที่ตำรวจชุดนี้อ้างว่า เป็นปืนของผู้ตาย #ยืนยันนะครับ ทำผิดกฏหมายต้องติดคุก #ส่วนคดีที่ผู้ตายก่อไว้ ก็อีกเรื่องหนึ่ง" โดยภาพจากคลิปวิดีโอ เห็นชายรายหนึ่งโยนปืนไปทางถังขยะสีน้ำเงิน
วันที่ 21 ก.ย. 61 ทีมข่าวเดินทางมาที่ สภ.เชิงทะเล ถ.ศรีสุนทร ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบรถของนายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี ผู้ตาย พบรอยกระสุนทั้งหมด 18 จุดโดยฝั่งคนขับมี 9 จุด กระจกหน้ารถ 3 จุด ฝั่งข้างคนขับอีก 3 จุด สภาพรถยับเยิน ล้อหน้าด้านซ้ายเหลือแต่แม็ก ส่วนล้อหลังด้านซ้ายยางแบน ล้อด้านขวาฝั่งคนขับยางแบนทั้ง 2 ข้าง กระจกหน้ารถมีรอยแตก และมีรอยกระสุน 3 จุด
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางมาที่ วัดอนุภาษกฤษฏาราม หรือ วัดเก็ตโฮ่ ที่ตั้งบำเพ็ญศพของนายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ มี
นายอรุณ เครือจันทร์ พ่อของนายชิษณุพงษ์ เดินมาต้อนรับ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นายอรุณ เปิดเผยว่า ทางครอบครัวยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และมั่นใจว่าลูกตายแบบไม่เป็นธรรม เพราะวันเกิดเหตุ หลังจากทางเจ้าหน้าที่ทำการวิสามัญลูกชายตนแล้วนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาหา ให้ไปที่จุดเกิดเหตุ เมื่อตนเดินทางไปถึง ก็เกิดอาการช็อก ทำอะไรไม่ถูก และไม่ได้สังเกตว่าใครเป็นใคร ในใจคิดอย่างเดียวว่าอยากเจอลูกเท่านั้น
ซึ่งครอบครัวยังติดใจตำรวจ ว่าแค่เหตุแหกด่าน ทำไมต้องรุนแรงถึงขั้นวิสามัญ และตนก็มั่นใจว่าลูกไม่ได้หยิบปืนขึ้นมาเพื่อจะยิงตำรวจ เพราะปืนที่ลูกพกไปมีแค่ 1 กระบอกเท่านั้น คืออาวุธปืนพกสั้น ขนาด .357 และยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของผู้ตายอยู่ ไม่มีการหยิบออกมา ส่วนอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนขนาด .38 อยู่ในรังเพลิง จำนวน 1 นัด มั่นใจว่าไม่ใช่ของลูกตนแน่นอน
นายอรุณ กล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้น กับคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็สวนทางกัน เพราะถ้าลูกตนจะต่อสู้จริง คงไม่ขับรถหนีมาไกลเกือบ 30 กิโลเมตร และที่ลูกขับรถหนี ตนมั่นใจว่าลูกหนีตาย สาเหตุที่ขับรถหนี คาดว่าน่าจะกลัวเรื่องปืนที่ไม่มีใบอนุญาต ที่พกมาในรถ 1 กระบอก ทั้งนี้ อยากให้ตำรวจออกมาชี้แจงว่า แค่แหกด่านตรวจ ทำไมถึงต้องวิสามัญ และเรื่องรถ CRV ที่หายไป ตอนถ่ายภาพทำไมไม่มีรถคันดังกล่าว แล้วปืนที่ตำรวจโยนทิ้งคืออะไร ซึ่งคำถามเหล่านี้ยังคาใจกับทางครอบครัวอยู่
นายอรุณ ฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า อยากให้ปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม ตรงไปตรงมา ซึ่งหากว่าพบมีความผิดจริง ก็ให้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่วิสามัญแบบนี้ ซึ่งหลังจากนี้ ตนก็จะต้องดูแลหลาน 2 คน ผู้หญิงอายุ 5 ขวบ ผู้ชายอายุ 3 ขวบ เพราะลูกชายไม่อยู่แล้ว และหลังจากงานศพเสร็จสิ้น ตนก็จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด เพื่อให้ลูกชายได้รับความเป็นธรรม
บรรยากาศงานสวดพระอภิธรรมศพนายชิษณุพงษ์ ในคืนสุดท้าย ญาติและเพื่อนมาร่วมงานกว่า 100 คน ต่างอยู่ในความโศกเศร้า โดยครอบครัวเครือจันทร์ และญาติ ๆ เป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรม ก่อนที่จะมีการฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ย.) เวลา 13.00 น.
ทีมข่าวได้ข้อมูลจากเพื่อนสมัยเรียนของนายชิษณุพงษ์ ซึ่งเป็นข้อความสุดท้าย ที่นายชิษณุพงษ์ส่งหาแฟนสาว ที่มีลูกด้วยกัน 2 คน และแยกกันอยู่ ข้อความในแชตมีการคุยกันเป็นภาษาใต้ ลักษณะข้อความเป็นเหมือนการบอกลา โดยนายชิษณุพงษ์พิมพ์ว่า “น้องครับน้องจะทะเลาะกับพี่กี่ครั้งพี่ก็ไม่แค้นน้องหรอก พี่ทำไม่ได้ พี่รักน้องและลูก มากกว่าชีวิตตัวเอง ตอนนี้พี่กำลังขับรถไปเคลียร์ปัญหา ถ้าหากพี่พลาดให้น้องช่วยสอนลูกด้วยให้ลูกได้เรียน ได้เป็นคนดีของสังคม บอกลูกว่าปะป๋ารักลูกสุดหัวใจ และดูแลลูกดีๆ อย่าทิ้งลูกนะ หากพวกเรามีบุญ คงได้พบกันอีกครั้ง รักแพรวกับลูกสุดหัวใจ” จากนั้นแฟนสาวได้ตอบกลับไปว่า “ มีปัญหาอะไรดูแลตัวเองดีๆ” จากนั้นนายชิษณุพงษ์ตอบกลับว่า “ลูกพูดได้ทุกคำหรือยัง” แฟนสาวตอบกลับว่า “ใช่ พูดได้แล้ว” นายชิษณุพงษ์ตอบกลับไปว่า “ว่าง ๆ วิดีโอคอลมาหามั้งนะ ดูแลลูกด้วย เวรกรรมนี้ถ้าต้องชดใช้ให้หมดให้สิ้น ก็มาเอาชีวิตข้าพเจ้าไปเสียจะได้จบสิ้นสักที พรุ่งนี้ก็เช้าใครทำเวรกรรมกับผม ผมอโหสิให้ทุกคน ไม่ว่าใคร อย่าต้องให้ใครมาใช้กรรมแบบผมเลย" จากนั้น แฟนสาวก็ตอบกลับไปว่า “คิดแต่สิ่งดี ชีวิตจะมีความสุข”