จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "ควายหลุดถนน" โพสต์คลิปนาทีรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด 4 ประตู ขับไล่รถเก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้าซีวิค ก่อนเบียดรถเก๋งปีนฟุตพาท ก่อนชายผมสั่นลงจากรถใช้ดาบฟันรถจนเสียหาย และชายหัวโล้นถือปืนวนรอ พร้อมระบุข้อความว่า "ช่วงก่อนถึงแยกประเวศ เวลาประมาณ 6 โมงเย็น (เวลาในกล้องไม่ตรง) ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มีอะไรกันมาก่อน"
ล่าสุด วันที่ 29 ก.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ บนสะพานข้ามคลองตะเข้ขบ หรือ ใต้ทางต่างระดับอ่อนนุช ก่อนถึงแยกประเวศ 400 เมตร พบบนถนนตรงเส้นจราจรสีขาวมีรอยเบรก ส่วนขอบสะพานจุดที่รถยนต์ซีวิคปีนขึ้นไปนั้น มีร่องรอยความเสียหายเล็กน้อย
นายปรีชา พรมกะดิน อายุ 48 ปี รปภ.โรงงานใกล้ที่เกิดเหตุ คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า รถ 2 คันไล่กันมาจากทางถนนสุขาภิบาล 2 ซึ่งห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 2-3 กม. ก่อนเลี้ยวซ้ายมาถนนสุขุมวิท 77 ฝั่งโรงงานของตนจุดที่ยืนอยู่ ขณะนั้นเห็นรถเก๋งเลี้ยวมาในสภาพท่อไอเสียหลุดลากมากับตัวรถ และกระบะฟอร์ดตามหลัง มีชายผมสั้นที่ถือมีดดาบนั่งอยู่ท้ายกระบะ ตนได้ยินเสียงตะโกนบอกรถเก๋งว่า "หยุด บอกให้หยุด" นาทีนั้นรถเก๋งไม่ได้หยุด ลักษณะหลบกระบะมาเลนซ้ายสุด ส่วนกระบะเบียดมาจากเลนที่ 2 และเก๋งพุ่งขึ้นสะพาน ก่อนกระบะเบียดรถเอาไว้
จากนั้น ชายผมสั้นกระโดดลงจากกระบะท้าย ขึ้นตัวรถเก๋งลักษณะใช้มีดฟันรถ และมีชายหัวโล้นถือปืนลงมา ตนก็ได้ยินเสียงชาย 2 คนนี้ ตะโกนบอกว่า "บอกให้หยุดไม่หยุด" ตนยืนดูหลายนาที สักพักชายร่างท้วมก็ออกจากรถฝั่งคนขับ เหมือนยอมแต่โดยดี จากนั้นมีกู้ภัยมา 1 คัน ตนเองก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุดังกล่าวเหมือนในหนังมาก
ซึ่งตนเองจึงถือโอกาสเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนได้คำตอบว่าไล่จับพ่อค้ายาเสพติดมา มีการล่อซื้อ และพ่อค้ายารายนี้ได้ขับรถหลบหนี ทั้งนี้ ยอมรับว่าตกใจมาก แต่เหตุการณ์นี้ไม่ใครเป็นอะไร ตำรวจนอกเครื่องแบบในยุทธวิถี ไม่มีการใช้อาวุธปืน ส่วนรถกระบะเสียหายเล็กน้อยที่คิ้วรถกระบะ ส่วนเก๋งเสียหายจุด ซึ่งชาวบ้านออกมาดูเชื่อว่าทุกคนตกใจไม่แพ้ตน
ทีมข่าว เดินทางไปยัง สน.ประเวศ พบเจ้าของรถทั้ง 2 ฝ่าย กำลังจะให้ปากคำกับ พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผู้กำกับ สน.ประเวศ หลังให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจฝ่ายสอบสวนติดตามตาม ด.ต.อดิศร ทุมมาโต ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.บางปู เจ้าของรถฟอร์ดสีเทา เล่าเหตุการณ์ว่า ตนได้ขับรถออกจากเทพารักษ์ มุ่งหน้าไปร้านล้อแม็กย่านลาดกระบัง แต่เมื่อมาถึงถนนกิ่งแก้ว เจอเก๋งซีวิคปาดหน้า แล้วเบรกกะทันหัน ตนเองเบรกไม่ทันจึงชนท้ายซีวิค แต่ซีวิคดันขับหนี ตนจึงขับไล่ตามด้วยความเร็ว และโมโหมาก เพราะรถป้ายแดง งออกมาได้แค่ 4 เดือน แต่เจตนาขับตามเพื่อตามให้เก๋งไปติดไฟแดงสักที่ คิดว่าจังหวะนั้นจะลงไปคุย แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุรถติด และเก๋งขับอยู่ซ้าย ตนก็ออกขวา เป็นจังหวะมาประจบกันพอดี ตนไม่ได้เบียด
ซึ่งจังหวะที่จอดนั้นก็เกิดบันดาลโทสะ โมโห รถใครก็รัก และไม่ได้อ้างตัวเป็นตำรวจด้วย รวมถึงตอนที่ลงไปก็พยายามห้ามลูกน้องที่ถือดาบหลังรถ ซึ่งเป็นดาบที่ติดรถไว้ใช้ดายหญ้าที่บ้านและบ่อปลา แต่ลูกน้องก็ไม่ได้ใช้ดาบทำร้าย แค่ถือขู่เฉย ๆ ตนก็ตะโกนห้ามลูกน้องด้วย ส่วนตนตอนนั้นไม่ได้ถือปืน เพราะออกจากเวรแล้วไม่พกปืน อาวุธที่ถือเป็นกระบองสั้น ไม่ได้ทำร้ายกัน และยืนยันมีปัญหากันเรื่องการใช้รถถนน ไม่ใช่เรื่องจับยา และในที่เกิดเหตุตนกับลูกน้องก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการจับยาเสพติด ชาวบ้านน่าจะพูดปากต่อปากกันเอง เพราะถ้ามาจับยา ตำรวจคงไม่มาคนเดียวแน่นอน
จากนั้น คนขับซีวิดยอมเปิดกระจก ซึ่งพอเห็นหน้ากันก็ร้องอ๋อ เพราะคนขับซีวิคเคยเป็นพ่อค้าขายปลาคราฟให้ตน และเคยนั่งกินกาแฟด้วยกัน 3 ครั้ง ก็พอจำหน้ากันได้ จากนั้นตงจึงเคลียร์ และพากันไปเครียร์ใกล้กับ สภ.บางปู ซึ่งก็ตกลงกันว่ารถก็ต่างคนต่างซ่อมเอง
ทั้งนี้ ตนเองได้รายงานเรื่องนี้กับผู้บังคับแล้ว ซึ่งท่านให้ข้อคิดว่า เราทำอาชีพนี้ต่อให้ไม่อยู่ในเวรยาม มีเหตุอะไรก็ต้องใช้สติ ก็ทำให้ตนดึงสติตัวเอง และก็เข็ดมาก อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ข้อคิดว่าการใช้รถใช้ถนนในชีวิตประจำวันต้องมีสติ คำนึงถึงความปลอดภัยคนอื่นด้วย ตนทำไปก็ต้องขอโทษสังคม ตนยอมรับขับรถเร็ว ประมาท
นายชาคริต ชัยมงคล อายุ 38 ปี ลูกน้องดาบตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนั้นนั่งอยู่ท้ายกระบะรถของดาบตำรวจก็นอนราบ แต่เหตุมันเกิดจากรถเก๋งขับมาด้วยความเร็ว และปาดหน้าเบรคกะทันหัน ตอนนั้นก็ขับตามกัน จนตนก็ลุกขึ้นมาดูไม่ได้เพราะรถโยก แต่ก็ตะโกนให้หยุดเพราะเก๋งปาดไปทั่วเลย ซึ่งพอถึงจุดที่เบียดกันพอดี ตนก็คว้ามีดที่จะใช้ดายหญ้าที่บ่อปลาเอามาขู่ป้องกันตัว เพราะคนในรถปิดประตูเงียบ ไม่เปิดกระจก ตนหวั่นว่าเขาจะมาอาวุธ เกิดยิงสาดออกมาตนก็แย่ และรู้สึกกลัว
จากนั้น เหตุสงบลงได้เห็นหน้าคนขับชัด ๆ ก็เป็นคนรู้จักกันที่เคยคุยกันเรื่องปลา เลยมีการขอโทษกัน และไม่มีปัญหากัน เป็นการทะเลาะกันบนถนน ไม่เกี่ยวกับเรื่องจับยาเสพติดเลย สำหรับตนก็ดาบตำรวจนั้นก็รู้จักกัน เพราะดาบตำรวจมาว่าจ้างจะให้ตนไปเฝ้าบ่อปลา กับรถเก๋งก็รู้จักกันเรื่องปลา
ด้านนายนพพร ดำรงค์สกุลวงษ์ อายุ 46 ปี คนขับเก๋งฮอนด้า ซีวิค เปิดเผยว่า ตนและแฟนกักตัวอยู่บ้าน เพราะยังรอผลโควิด-19 แต่แฟนตนอยากกินส้มตำ ตนจึงขับรถออกมาหาร้านส้มตำและของกิน ระหว่างทางก็ขับมาเรื่อย ๆ จนถึงกิ่งแก้ว แต่ตนขับรถมาด้วยความเร็ว และซ้ายมือมีร้านพอดีจึงปาด รถกระบะก็ชนท้าย ตนจึงหนีเพราะตกใจ แม้มีประกันแต่กลัวมีปัญหา และจะถูกทำร้าย แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็ไม่กล้าลงจากรถ เพราะมีคนขึ้นหลังคารถตนตกใจมาก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ฟันรถหรือทุบกระจกด้วย
ทั้งนี้ พอเจอหน้ากันก็กลายเป็นว่าคนรู้จักกัน เคยติดต่อซื้อปลาคราฟกัน ตอนนั้นก็ตกลงคุยกันและแยกย้าย ตนก็แยกไปหาเพื่อน และยืนยันไม่ได้เกี่ยวเรื่องยาเสพติด วันนี้ก็เครียร์แล้ว ตนไม่ติดใจอะไร และไม่ขอแจ้งความ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าถ้าเราผิด ปาดหน้าใครบนถนนก็จอดคุยกัน อย่ากลัว อย่าหนี ควรคุยกันดี ๆ
Advertisement