ไอ้โม่งปริศนาซุ่มยิงหนุ่มตัดฟืนในป่าสัก เมียรุดรับศพไม่เชื่อแอบตัดไม้ชาวบ้าน (คลิป)

จากกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ "อาสาสมัคร มูลนิธิร่วมกตัญญู หล่มสัก เพชรบูรณ์" ได้ไลฟ์หลังได้รับแจ้งเหตุ นายเชาว์ จงธรรม์ อายุ 51 ปี ผู้ถูกอาวุธปืนยิง เสียชีวิตภายในรถกระบะคอกยกสูง ซึ่งจอดชนต้นไม้อยู่ในบ้านห้วยตูม หมู่ 17 ตำบลปากช่อง ในช่วงเวลา 20.30 น. ของวันที่ 29 ก.ค.64

วันที่ 30 ก.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังหมู่ 17 ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้เดินทางมายังบ้านของพ่อผู้ตาย พบเป็นไม้พื้นยกสูง

นางอมร ขันยศ อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พาทีมข่าวไปยังที่เกิดเหตุ พบเป็นซอยลึกจากถนนใหญ่เข้าไปในป่าสัก ห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร เป็นที่เปลี่ยว ไม่มีไฟส่องสว่าง และจากที่เกิดเหตุลึกเข้าไปอีก 150 เมตร จะเป็นเถียงนาที่ผู้ตายกำลังจะไป ในที่เกิดเหตุ ทีมข่าวสักเกตเห็นรอยเลือดบนพื้น อีกทั้งบริเวณต้นไม้ยังมีร่องรอยถูกรถชนหลงเหลืออยู่

โดยใกล้กับที่เกิดเหตุ ห่างประมาณ 2 เมตร จะมีพุ่มต้นสะเดาอยู่ 1 พุ่ม ครอบครัวผู้ตายคาดว่าน่าจะเป็นจุดซุ่มยิง ทีมข่าวได้ทดลองไปหลบอยู่หลังต้นสะเดา พบว่าสามารถซ่อนตัวได้มิดชิด หากต้องการจะยิงใครก็สามารถพุ่งตัวออกมาพร้อมลั่นไกได้ทันที

นางอมร บอกว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านต่างตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ผู้ตายนั้นได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไปอยู่กับภรรยาที่ต่างตำบลหลายปีแล้ว นานครั้งจะกลับมาเยี่ยมพ่อ ทำให้ตนไม่รู้จักนิสัยใจคอของผู้ตาย แต่เบื้องต้นผู้ตายไม่มีปัญหากับใครในหมู่บ้าน แต่หากจะมีปัญหากับใครนอกหมู่บ้าน ไม่มีใครทราบ

ทั้งนี้ พื้นที่ในหมู่บ้านจะมีพื้นที่สวนและป่าค่อนข้างมาก ไฟส่องสว่างจะมีแค่เพียงบนถถนเท่านั้น ความยากในคดีนี้คือที่เกิดเหตุไม่มีไฟส่องสว่างและไม่มีกล้องวงจรปิด อีกทั้งทางครอบครัวผู้ตายก็ไม่รู้ว่าผู้ตายมีศัตรูที่ไหน คดีนี้ถือว่าอุกอาจและโหดเหี้ยม ดังนั้น ตนและชาวบ้านคงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาตัวคนร้ายมาลงโทษ

นางสุนัน จันทรมิน อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ตาย บอกว่า ตนอยู่กินกับผู้ตายมานานกว่า 12 ปี ไม่มีลูก โดยปกติตนกับผู้ตายมีอาชีพขายพริก โดยนำพริกในสวนไปขายที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผู้ตายได้บอกกับตนว่าจะเดินทางมาทำนาที่บ้านของพ่อ และไม่ได้ติดต่อตนกลับไปเลย จนตนเกิดอาการน้อยใจ ไม่แน่ใจว่านี่คือลางบอกเหตุหรือไม่ โดยตนถึงกับเข่าทรุดร้องไห้เมื่อได้ทราบข่าวว่าสามีเสียชีวิต ตนยืนยันได้ว่าผู้ตายไม่มีศัตรู ปกติสามีเป็นคนเงียบ ๆ ไม่มีปากมีเสียงกับใคร

ส่วนที่ชาวบ้านในหมู่บ้านพ่อผู้ตายลือกันว่าผู้ตายชอบลักตัดไม้ของคนอื่น ตนไม่เคยทราบมาก่อน ตนเสียใจไม่ได้พบสามี ไม่ได้พบหน้า ไม่ได้สั่งเสียสั่งลา ตนอยากจะบอกผู้ตายว่า "ไม่ต้องห่วงเมีย" ตนอยากจะถามผู้ก่อเหตุว่าเหตุการณ์อะไรร้ายแรงขนาดไหน ถึงได้ซุ่มยิงกันแบบนี้ ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ เพื่อตนจะได้รู้ความจริง

นายหรั่ง จงธรรม์ อายุ 68 ปี พ่อผู้ตาย บอกว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 20.20 น. ตนได้ยินเสียงปืนดังลั่น 2 นัด และเสียงเครื่องยนต์ดัง คล้ายรถเร่งเครื่องแต่รถไม่ขยับ เพราะรถชนกับตนไม้ เมื่อมองไปทางเถียงนา ตนสังเกตเห็นไฟรถของลูกชายสว่างจ้านิ่งอยู่กับที่ ตนจึงฉุกคิดว่าอาจจะเกิดเหตุร้ายกับลูกชาย จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ มื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง ตนจึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพร้อมกัน

เมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ตนพบว่าลูกชายนอนเอนไปทางเบาะข้างคนขับ เชื่อว่าลูกชายถูกยิงในระยะประชิด ซึ่งค่อนข้างโหดร้าย ปกติแล้วลูกชายตนเป็นคนเงียบ ๆ ซื่อ ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ตนมั่นใจว่าลูกชายไม่มีศัตรูที่ไหน ส่วนการลักตัดไม้ของชาวบ้าน ตนเพิ่งได้ยินข่าวในวันนี้ ทั้งนี้ ตนไม่มีบางบอกเหตุมาก่อน ซึ่งขณะนี้ตนมืดแปดด้าน คิดไม่ออกว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ คงต้องหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียว เชื่อว่าลูกชายน่าจะยังมีห่วง ตนสงสารลูกชาย อยากให้ลูกชายไปสบาย

ทีมข่าวเดินทางมาที่ สภ.บ้านกลาง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งทีมข่าวพบว่ารถกระบะของผู้ตายถูกนำมาจอดไว้ที่ สภ. สภาพหน้ารถยุบ มีเศษไม้ติดอยู่บริเวณกันชน ภายในตัวรถ พบรอยเลือดบริเวณพวงมาลัย และเบาะข้างคนขับจำนวนมาก เนื่องจากผู้ตายถูกยิงระยะประชิดแล้วล้มพับเอนมา ส่วนบริเวณกระจกหน้ารถมีร่องรอยกระสุนทะลุออกจากด้านใน