จากเหตุการณ์ที่สาวใช้มีดทำครัวแทงคอตัวเองเสียชีวิต วันที่ 31 ก.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุ แฟลตสีเขียว ถนนเพชรเกษม ซอย 96 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เป็นตึกห้องเช่ารายเดือน สูง 5 ชั้น มีร่องรอยคราบเลือดอาบบริเวณระเบียงชั้น 5 ไหลนองยาวลงมาถึงห้องพักชั้นที่ 4 และรอยคราบเลือดกระเด็นหยดลงมาสู่บริเวณพื้นชั้นล่างหลายจุด
จากการตรวจสอบ สภาพศพของ น.ส.นงลักษณ์ อายุ 50 ปี ผู้เสียชีวิต สวมใส่เสื้อ ยืดสีขาว กางเกงขาสั้นลายการ์ตูนสีขาว และยังคงมีหน้ากากอนามัยคล้องอยู่ และพบมีดทำครัวยาว 20 เซนติเมตร ปักลึกลงไปในลำคอด้านขวากว่า 10 เซนติเมตร นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณดาดฟ้า
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หลักสอง พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชร่วมตรวจสภาพศพ ยังที่เกิดเหตุ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทราบผลเป็นบวก พบเชื้อโควิด-19 อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมนำอุปกรณ์ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และเตรียมทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุ โดยสวมใส่ชุด PPE ในการเข้าดำเนินกาาจัดการทำความสะอาดพื้นที่ และเตรียมศพของผู้เสียชีวิตนำฌาปนกิจยังวัดราษฏร์โตนด
นางสาวชนาภา ยอดยิ่ง อายุ 37 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า วันนี้ เวลาประมาณ 13.20 น. ตนเองกำลังขึ้นไปชั้น 5 ชั้นดาดฟ้าเพื่อที่จะเก็บผ้าที่ซักตากเอาไว้ จนกระทั่งตนเห็น น.ส.นงลักษณ์ อยู่บริเวณดาดฟ้าบริเวณจุดที่เกิดเหตุ กำลังพยายามนำมีทำครัวปาดคอกว่าหลายครั้ง ตนได้แต่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ตนเองได้แต่พูดห้ามให้หยุดทำร้ายร่างกายตัวเอง ตนเองก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ จึงวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อตามคนมาเข้าช่วยเหลือ ประมาณเกือบ 10 นาที
จนกระทั่งเวลา 13.30 น. เพื่อนบ้านคนอื่นและตนกลับขึ้นมาชั้นดาดฟ้า ก็พบว่า น.ส.นงลักษณ์ มีมีดปัดที่คอและนอนจมกองเลือดอยู่บริเวณที่เกิดเหตุแล้ว สาเหตุตนเองคิดว่าผู้เสียชีวิตอาจจะเครียด เนื่องจากเพิ่งออกจากโรงพยาบาล หลังติดเชื้อโควิด-19 และเป็นโรคไต ต้องจำเป็นต้องฟอกไตอยู่ตลอด คิดว่าอาจจะเครียดสะสมและตัดสินใจเช่นนั้น ตนเคยได้ยินผู้เสียชีวิตพูดว่า "เบื่อ ไม่อยากอยู่แล้ว"
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์มาก และไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ผู้เสียชีวิต เนื่องจากทราบว่าผู้เสียชีวิตเพิ่งออกจากโรงพยายาลที่ได้รักษาตัวจากการพบเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุที่ไม่กล้าเข้าไปห้าม หรือเข้าไปช่วยเหลือ โดยในระหว่างที่เกิดเหตุก็ได้โทรประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัย ก็ได้เข้ามายังที่เกิดเหตุทันที
นางสาวทรรศนา ระหัส อายุ 44 ปี น้องสาวเสียชีวิต เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นตนเองได้พูดคุยกับพี่สาว เวลา 06.00 น. พี่สาวบอกว่าอยากทานอาหาร บ่นให้ฟังว่า ฎอยากจะกลับบ้านที่ จ.สมุทรสาคร แล้วเมื่อไรกูจะได้กลับบ้านสักทีฎ ตนเองก็ได้ประสานงานกับจังหวัด ถ้าหากพี่สาวเดินทางออกจากพื้นที่จะต้องพักกักตัวที่โรงพยาบาลสนามอีก 14 วัน พี่สาวจะไม่สามารถได้ฟอกไต
ตนบอกว่าไม่ต้องเครียด ตนได้ติดต่อที่พักและโรงพยาบาลที่ จ.สกลนครแล้ว ให้ฟอกไตวันอาทิตย์นี้ 1 ส.ค.64 และจะพาพี่สาวโดยใช้รถส่วนตัวไปส่งกลับบ้าน ไปเตรียมประสานงานทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ได้มีการนัดแนะกันกับพี่สาวเพื่อเดินทางในวันจันทร์ที่ 2 ส.ค.64 ต่อไปด้วย ซึ่งก่อนเกิดเหตุพี่สาวก็ได้โทรหาญาติอีกคนว่าให้บอกตนเองว่าให้มารับตัวกลับบ้าน เขาอยากกลับบ้านแล้ว จึงได้ถามกลับไปว่าต้องกักตัว 14 วัน หากกลับบ้านจะทนไหวหรือไม่ เพียงแค่พี่สาวไม่ได้ฟอกไต แค่ 3-4 วันก็เจ็บปวดทุรนทุรายแล้ว
ตนยอมรับว่า พี่สาวตนเองเข้ารับการรักษาตัวเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเกษมราช ในวันที่ 10 ก.ค. 64 และออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 25 ก.ค. 64 ซึ่งระยะเวลาเพียงแค่ 6 วันที่อยู่ในช่วงกักตัวดูอาการ หลังจากออกจากโรงพยาบาล ก็ตัดสินใจฆ่าตัวเองเสียชีวิต รู้สึกเสียใจพูดไม่ออก เนื่องจากอุส่าห์เตรียมการเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พี่สาวได้กลับบ้านต่างจังหวัด เพื่อให้เดินทางได้อย่างราบรื่น ตกลงกันไม่เสร็จสิ้น ก็มาทราบว่าพี่สาวเสียชีวิตแล้ว ส่วนตัวคิดว่าพี่สาวอาจจะเครียดหลายปัญหา ทั้งเรื่องของปัญหาเรื่องสุขภาพ เรื่องที่จะกลับบ้านต่างจังหวัด และสาเหตุที่ตกงานจากโรงงานเย็บผ้า ที่พบเชื้อโควิด-19 จึงมีความเครียดสะสม และก่อเหตุขึ้น