ไวท์ ณวัชร์ เปิดใจพ่อโดนค้อนตีหัว แม่ถูกตบจนหูอื้อ หวั่นคู่กรณีใช้เส้นลูกข้าราชการระดับสูงหลุดคดี

1 ส.ค. 64

ไวท์ ณวัชร์ นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง ตั้งโต๊ะแถลงข่าววอนขอความเป็นธรรมให้ครอบครัว หลังพ่อโดนค้อนตีหัว แม่ถูกตบหน้าจนหูอื้อ หวั่นคู่กรณีใช้เส้นสายหลุดคดี

จากกรณีสุดช็อกที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ ไวท์ ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม หลังจากที่มีคู่กรณีขับรถปาดหน้าพ่อกับแม่ของหนุ่มไวท์ จากนั้นก็ได้ลงจากรถมาทำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน โดยคุณพ่อโดนของแข็งตีที่หัว ทราบภายหลังว่าเป็นค้อน ส่วนคุณแม่ถูกตบหน้าอย่างแรงจนหูอื้อ จากนั้นคู่กรณีก็ได้ขับรถหนีไป โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ทางคู่กรณีก็ได้เข้ามาตอบโต้ในโลกโซเชี่ยลว่า ตัวเองไม่ผิดพร้อมท้าให้ไปคุยกันที่ศาล

ล่าสุดวันนี้ (1 สิงหาคม 2564) ไวท์ ณวัชร์ และคุณพ่อ-คุณแม่ พร้อมนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความส่วนตัวก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางช่วงคุณพ่อ คุณแม่ และน้องไวท์ ถึงก้บร้องไห้ออกมา

โดยคุณพ่อ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ฟังว่า พอตนออกจากปั๊มน้ำมัน ตนก็เห็นรถของคู่กรณีออกตามมา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน แต่สักพักเขาก็เริ่มขับจี้ตูดแบบติดๆ ประมาณ 5 นาที ตนก็พยายามขับหนี แต่เขาก็เข้ามาปาดหน้าแล้วเบรกเหมือนจะให้ตนชนท้าย ซึ่งตนหลบทันไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขาทำอีกครั้งที่ 2 คราวนี้ตนหลบไม่ทันเลยชนรถเขา

จากนั้นคู่กรณีก็เดินลงรถมา ตนก็เลยลดกระจกเพื่อพูดคุยกับเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตนก็โดนของแข็งตรงศรีษะ (แถวๆ ขมับด้านซ้าย) ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นค้อน จากนั้นตนก็เลยต่อยเขากลับจนเขาเลือดไหล

ซึ่งพอตนเห็นคู่กรณีเลือดไหลก็เลยหยุด แต่ทางฝั่งเขาไม่หยุด ยังคงโวยวาย เอาเท้าถีบรถตน แล้วก็เอาของในรถไปโยนทิ้ง จากนั้นก็บิดกุญแจแล้วตบหน้าภรรยาของตน (แม่ของไวท์) วินาทีนั้นตนแค้นมาก อยากจะไปทำคืน แต่กลัวลูกชาย (ไวท์) จะเสื่อมเสียชื่อเสียง (เสียงสั่น) ตนเลยปล่อยเขาไป แต่เขาก็ไม่จบ ก่อนจะขับหนีไป เขาถอยหลังมาชนรถตนอย่างแรง จนรถไปกระแทกบริเวณเอวของลูกน้องจนเขียว โดยเหตุการณ์นี้กินเวลาประมาณ 10 กว่านาที

ตนอยากรู้ว่าเขาทำตนทำไม ตนไม่ได้ไปปาดหน้าเขา หรือทำอะไรเขาเลย ถ้าตนเจอเขา ตนจะถามเขาว่า “เขามาทำแบบนี้ทำไม เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชาย คุณต้องออกมาพูดความจริง” (ร้องไห้)

คุณพ่อบอกอีกว่า คู่กรณีเหมือนคนบ้า อยู่ๆ ก็เข้ามาทำร้ายตน ขนาดแฟนเขามาด้วย ยังวิ่งหนีร้องไห้ไปหลบอยู่ที่รถอีกคัน ตนยืนยันตรงนี้เลยว่าไม่ได้มีการทะเลาะกันมาก่อน แล้วก็ไม่รู้จักเขาด้วย ซึ่งหากตนทำจริงจะยอมรับผิดในเหตุการณ์นี้เลย โดยตอนนี้ศรีษะตนก็ยังปวดๆ มึนๆ หัวอยู่ หลังจากที่เมื่อวานนี้กินยาพาราไป

ด้านคุณแม่ของน้องไวท์ เสริมว่า ตอนที่สามีไปทะเลาะวิวาทอยู่กับคู่กรณี ตนก็ไปช่วยแยกทั้งคู่ออกจากกัน เพราะทางคู่กรณีไม่ได้ใส่แมสก์ด้วย โดยตนได้พูดกับเขาไปว่า “พี่ไปทำอะไรให้น้องหรอ ถึงได้โมโหขนาดนี้ ถ้าแฟนพี่ทำอะไรไม่ดี พี่ขอโทษนะ” แต่เขาไม่ฟังตนเลย แล้วก็หันไปหยิบกระเป๋าของตนที่อยู่ในรถไปโยนทิ้ง แล้วก็มาตบหน้าตนซึ่งค่อนข้างแรงเพราะหูอื้อไปเลย ตอนนั้นตนงงมากว่าทำไมถึงโดนตบ

ในส่วนของ น้องไวท์ บอกว่า ตอนที่ทราบเรื่องตนเสียใจมาก เขาทั้งตบหน้าแม่ตน แล้วก็เอาค้อนตีหัวพ่อตน (ร้องไห้) มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น แถมตนรู้มาอีกว่าคู่กรณีเป็นลูกข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม ยังไงตนก็ขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตนด้วย และใครที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น รบกวนส่งคลิปหรือหลักฐานที่สำคัญมาให้ตนหน่อย

ถามว่าเขาได้ติดต่อกลับมาไหม เขามีคอมเมนต์ในไอจีตน และส่งข้อความมาเหมือนข่มขู่คุกคาม ซึ่งยอมรับว่าตนกลัวมาก

ส่วนที่ทางคู่กรณีมีการบอกว่ารู้จักเพื่อนของเพื่อนตน ตนบอกตรงๆ เลยว่า ตนไม่เคยเจอเขา และไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย ซึ่งถึงเขาจะรู้จักหรือไม่รู้จักเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำใครก็ได้ ตนจึงขอดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ขอไกล่เกลี่ย เพื่อที่เขาจะไม่ไปทำแบบนี้กับใครอีก

ทางด้านทนายความเผยว่า ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดี โดยเชื่อว่าฝั่งของตนเป็นผู้บริสุทธิ์ และเขาต้องถูกลงโทษ ส่วนที่ทางเขามั่นใจว่าจะชนะคดีก็ขอให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาล ซึ่งข้อหาที่จะแจ้งความ มี 3 ข้อหา คือ การขับรถประมาทหวาดเสียว , การทำร้ายร่างกาย และการทำให้เสียทรัพย์

แต่ตนเพิ่งได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าทางคู่กรณีมีการใช้ค้อนเป็นอาวุธในการทำร้ายในอวัยวะสำคัญ (หัว) ก็อาจจะเพิ่มข้อหาพยายามฆ่าได้อีกหนึ่งข้อหา ซึ่งกำลังรวบรวมหลักฐานเอาผิดในส่วนนี้อยู่ โดยโทษค่อนข้างหนัก เพราะผู้ถูกกระทำอาจถึงแก่ชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม การที่คู่กรณีเป็นลูกข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม ทางทีมทนายก็มีความกังวลระดับหนึ่งในการทำคดีว่าจะได้ความยุติธรรมไหม จึงขอวอนฝากสื่อให้ช่วยติดตามด้วย

ทั้งนี้ หากคู่กรณีมีการอ้างว่าตัวเองป่วย ตนก็มีหลักฐานว่าเขามีสติ พูดจารู้เรื่อง จะใช้ตรงนี้มาอ้างไม่ได้ มันฟังไม่ขึ้น แล้วตนก็ทราบมาอีกว่าคู่กรณีเคยทำร้ายร่างกายผู้หญิงมาก่อน ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นความผิดซ้ำซาก ไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย

อย่างไรก็ตามทางทีมทนายความ ได้ฝากประชาสัมพันธ์ถึงคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีแดง ช่วยติดต่อมาด้วย เพราะเขาเป็นคนมาช่วยเหลือคุณพ่อ และได้ขับรถตามคู่กรณีไป เขาจึงเป็นอีกหนึ่งพยานที่เห็นเหตุการณ์

s__38453361

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไวท์ ณวัชร์ เล่าเหตุการณ์ระทึกพ่อถูกขับรถปาดหน้า คู่กรณีหัวร้อนทำร้ายร่างกาย ถอยรถชนแล้วหนี
- ตร.จีนคุมตัว คริส วู อดีตสมาชิก EXO ต้องสงสัยคดีล่วงละเมิดทางเพศ
- บุ๋ม ปนัดดา เปิดใจ รถส่งผู้ป่วยโควิดพลิกคว่ำ หักหลบรถบรรทุกพ่วงตัดหน้า เสียหายกว่า 3 ล้าน

advertisement

ข่าวยอดนิยม