หลังจากนักแสดงหนุ่ม "ไวท์ ณวัชร์" พร้อมครอบครัว และทนายความ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. กับการที่ถูกคู่กรณีขับรถปาดหน้า แล้วลงมาทำร้ายร่างกาย ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ซึ่งคู่กรณีเป็นลูกข้าราชการระดับสูงในขบวนการยุติธรรมนั้น
ล่าสุด 2 ส.ค. 64 เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ไวท์ พร้อมนายสุระศักดิ์ พุ่มโพธิงาม และนางนฤมล อริยานุวัฒน์ พ่อกับแม่ รวมถึง นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความส่วนตัว เดินทางมายัง สภ.บางกรวย เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าตำรวจ
นายสุระศักดิ์ พุ่มโพธิงาม เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้น บริเวณเชิงสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี หลังจากที่ตนขับรถมาตามปกติ ไม่ได้ปัญหากับใครบนท้องถนน แต่ทางรถคู่กรณีขับจี้ท้ายรถตน จนตนต้องเบรกเพื่อให้เขานำหน้าไปอย่างที่เห็นในคลิป
แต่พอเขาขับรถนำหน้าไป เขาก็จอดรถชะลอตน พอเห็นตนขับมาก็เบียดรถมาตัดหน้าตนเพื่อให้ตนชนท้าย ตนชนท้ายเขา เขาก็ลงจากรถมาทำร้ายตนเลย ด้วยการใช้ของแข็งตีที่ศีรษะ ทราบภายหลังว่าคือค้อน โดยที่เขาไม่พูดอะไรสักคำ ตนก็เลยป้องกันตัว ด้วยการชกต่อยกับคู่กรณี จนเขามีบาดแผลที่ใบหน้า
จากนั้นภรรยาก็เลยเข้ามาห้ามตามในคลิป จากนั้นคู่กรณีก็มุดเข้าไปในรถของตนแล้วหยิบกระเป๋าของภรรยาปาลงไปข้างล่างสะพาน จากนั้นก็ตบหน้าภรรยาตนจนหูอื้อ แล้วก็เอามือล้วงไปในรถเพื่อบิดกุญแจให้รถตนดับ จากนั้นก็เอากุญแจมาแกว่งไปมาที่หน้าตน แล้วเขวี้ยงกุญแจทิ้ง ตนเลยบอกว่า "เดี๋ยวจะแจ้งความนะ" เขาบอกว่า "แจ้งเลย ไม่กลัว" จากนั้นแฟนของคู่กรณีก็เข้ามาดึงตัวไป เขาก็ขับรถถอยหลังมาชนรถตนก่อนจะหนีไป หลังจากนั้น ตนก็มาแจ้งความกับตำรวจ สภ.บางกรวย เพื่อดำเนินคดี
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับคู่กรณีมาก่อ และไม่ได้มีการแข่งรถใด ๆ ทั้งสิ้น หากคู่กรณีมีอาการป่วยทางจิต ก็ขอวิงวอนให้ไปรักษาตัว แต่ตนก็จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ไปทำกับใครอีก เพราะภรรยาตนก็ถูกทำร้ายทั้งที่เป็นคนเข้ามาห้าม แถมลูกน้องตนที่มาด้วยก็ยังได้รับบาดเจ็บอีก
วันนี้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมซึ่งเป็นโทษหนักคือ พยายามฆ่า เพราะมีทั้งพยานและหลักฐานว่าคู่กรณีมีการใช้ค้อนเป็นอาวุธตีเข้ามาที่ศีรษะของตน โดยตอนนี้ก็ยังมีอาการมึน ๆ แต่ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่าเข้าข่ายหรือไม่ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากคู่กรณี ตนอยากฝากถึงผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุว่าอยากให้ดูแลดีกว่านี้ ผู้ก่อเหตุมีการทำผิดหลายครั้งแล้ว ถ้าวันหนึ่งเกิดเหตุแล้วลูกคุณเสียชีวิตขึ้นมา คนที่เสียใจก็คือผู้ปกครองเอง
ด้านนายไพศาล ทนายความ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้ความยุติธรรม ทางตนก็ขอขอบคุณที่ให้ความเป็นธรรม ส่วนข้อกล่าวหาก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปว่าสามารถตั้งข้อหาใดได้บ้างตามที่ตนแจ้งความไป
หลังจากนี้ จะมีการเรียกคุณแม่มาสอบปากคำต่อในวันพรุ่งนี้ และยังต้องตรวจสอบทรัพย์สินที่เสียหาย รวมถึงตัวรถด้วย ส่วนทางคู่กรณีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะออกหมายเรียกทั้งคู่กรณีและเจ้าของรถคันที่คู่กรณีก่อเหตุ ด้านคุณพ่อบอกว่า การมาให้ปากคำในวันนี้ก็สบายใจขึ้น แต่ลึก ๆ ก็ยังคงกลัวอยู่ เพราะรู้กันอยู่ว่าเขาเป็นใคร ก็คงใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง และจะระวังตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุยังมีข้อความของฝ่ายคู่กรณี ไดเรคผ่านอนสตาแกรมมาหาไวท์ว่า "มึงคิดว่าพ่อแม่มึงถูกใช่ป้ะ ไปคุยกันในศาล เดี๋ยวคุณก็รู้ หลักฐานไม่มีทางเปลี่ยนความจริง เป็นดาราแล้วอย่าโง่ เพราะเพื่อนๆกูก็รู้จักมึง ตอบกูดิ"
ไวท์ ณวัชร์ ระบุว่า รู้สึกเสียใจมากที่เขามาทำแบบนี้กับครอบครัวของตน ขอความเป็นธรรมให้ด้วย และอยากจะโพสต์ให้คนที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ส่งคลิปหรือส่งหลักฐานสำคัญมาให้ ส่วนตัวไม่รู้จักไม่เคยเจอคู่กรณี แล้วเขามาพูดว่ารู้จักเพื่อนตน ตนมองว่าถึงเขาจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ไม่สมควรจะมาทำแบบนี้กับใคร คุณพ่อตนไม่ได้ไปหาเรื่อง และคุณแม่ก็โดนตบเพราะเข้าไปห้าม ไม่ใช่เรื่องที่คุณแม่ตนจะต้องโดน และยังถูกทำลายข้าวของในรถ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า กุญแจรถ ตนขอยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับหนุ่มคู่กรณีเคยมีข่าวเมื่อปี 2561 แสดงพฤติกรรมไม่พอใจพนักงานร้านขายโทรศัพท์ และตบหน้าพนักงาน ก่อนจะออกมายอมรับผิดในภายหลัง พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ แสดงความรับผิดชอบไปแล้วนั้น
ด้านดีเจภูมิ คอมเมนต์ให้กำลังใจนักแสดงหนุ่มไวท์ ณวัชร์ ระบุข้อความว่า "ขยะสังคม" จากนั้นก็มีชาวเน็ตคนหนึ่ง คาดว่าเป็นคู่กรณีของหนุ่มไวท์ เข้ามาตอบว่า "โห มึงเองก็ไม่ต่างกันนะ ความเ-ี้ยอะ"
ดีเจภู เผยว่า ตนเห็นเรื่องราวที่น้องไวท์โพสต์แล้ว รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคม นี่มันปี 2021 แล้ว ทำไมยังมีนักเลงไปรังแกชาวบ้าน ตนก็ได้เข้าไปให้กำลังใจน้องไวท์ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของน้องไวท์ ตนรู้สึกว่ามันน่าเกลียดมาก โดยเฉพาะการที่คู่กรณีเข้าไปตบผู้หญิง ตนรู้มาว่าคู่กรณีคนนี้ก็เคยไปตบผู้หญิงจนเป็นข่าวดังเมื่อ 2 ปีก่อน หากคนเราทำอะไรผิด แล้วไม่ได้รับบทลงโทษหรือไม่มีการตักเตือน คน ๆ นั้นก็จะคิดว่าทำได้ตลอด อีกอย่างการที่เป็นลูกคนใหญ่คนโต ก็ควรจะปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดี คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย
ส่วนตัวคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ควรปล่อยให้โดนกระทำฟรี มันต้องมีบทลงโทษทางกฎหมาย ไม่งั้นสังคมจะกลายเป็นพื้นที่น่ากลัว อย่างคำที่ตนคอมเมนต์ไปว่า "ขยะสังคม" ทั้งนี้ ตนก็อยากจะฝากให้ตักเตือนเขาด้วย กฎหมายมีก็ใช้กันบ้าง อย่าให้มันเกินเลยจนกลายเป็น 2 มาตรฐาน เพราะตอนนี้สังคมก็มีข้อครหาถึงเรื่องนี้แล้ว
สุดท้ายตนอยากจะเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของน้องไวท์ มีเหตุการณ์แบบนี้เยอะที่ใช้เส้นสายหลุดจากคดี แต่นี่ปี 2021 แล้วควรต้องแก้ไขได้แล้ว ตนหวังว่ากฎมายของประเทศไทยจะมีจริง ฝากผู้ใหญ่ช่วยสร้างเครดิตให้กลับมามีความน่าเชื่อถือด้วย