ล็อกตัวสอบ 5 โจ๋ไขคดีฆ่าสาวเปลือย ญาติรับหาปลาใกล้ศพ ผัวโล่งรอดโควิด (คลิป)

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ นางสาววราพร อิ่มอาหาร อายุ 40 ปี สาวพนักงานโรงงาน ในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกคนร้ายใช้เสื้อผ้ารัดคอ ใช้ของแข็งทุบที่ศีรษะจนเสียชีวิต แล้วนำร่างทิ้งลงในคลองบางพระครู หมู่ 3 ต.ตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา และคนร้ายได้เผาเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งความคืบหน้าทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวคนก่อเหตุแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ส่วนร่างของนางวราพร ได้มีพิธีฌาปนกิจศพไปแล้ว พบว่าร่างของผู้เสียชีวิตติดโควิด-19 จึงได้มีการฌาปนกิจอย่างเร่งด่วน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ล่าก๊วนฆ่าสาวเปลือยกลางอากาศ ตร.มั่นใจจับได้แน่ เจออีกหวีโผล่ใกล้ศพ
- ช็อกศพสาวเปลือยติดโควิดเจอเนื้อเยื่อ - อสุจิคนร้าย พยานเจอจริง 2 คนหลบฝน
- เจอแล้ว! กระบะดำขับจี้สาวถูกฆ่าเปลือย ขับใกล้ศพ อึ้งหนุ่มลึกลับโผล่ก่อนตาย
- ฆ่าโหดรัดคอสาวหมกคลอง คุมผัวสอบเครียด เชื่อคนสนิทแก้ผ้าศพจัดฉากขโมยทอง
- เปิดวงจรปิดก่อนสาวถูกฆ่าเปลือย พยานแฉฉะลูกหนี้ก่อนตาย เจอรถ 4 คันต้องสงสัย

ล่าสุด วันที่ 3 ส.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ตำบลทางกลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การทำงานของชุดสืบสวนในพื้นที่วันนี้ได้มีการลงพื้นที่เรียกสอบ ขอตรวจพยานหลักฐานเพิ่มเติมบุคคลต้องสงสัย ก่อนหน้านี้ ช่วงระหว่างวันที่ 27-29 ก.ค. 64 มีการสอบพยานในคดีไปแล้ว 22 ปาก แบ่งเป็น คนใกล้ชิด คนในครอบครัว พยาน คนเจอศพ คนเห็นเหตุการณ์ เพื่อนร่วมงาน คนในโรงงานบางส่วน

วันนี้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ล็อกตัว สอบปากคำเพิ่ม 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ บุคคลที่อยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ จุดพบศพ ประชาชนแฝงที่เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ แต่ไม่ได้ระบุรายชื่อเอาไว้ในทะเบียนบ้าน กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และมีประวัติรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

นายบี ผู้ต้องสงสัยในกลุ่มที่เสพยาเสพติด อยู่ละแวกใกล้จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ในคืนวันเกิดเหตุ มีการออกไปหาปลาในละแวกจุดพบศพ และเคยมีประวัติติดคุกในคดียาเสพติดเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน อีกทั้งยังมีประวัติเข้ารับการรักษาเมื่อประมาณ 1 เดือน เกี่ยวข้องกับการติดโควิด-19

ส่วนนายโอมและนายอาร์ม ผู้ต้องสงสัยในกลุ่มที่อาศัยอยู่ละแวกจุดเกิดเหตุ เป็นประชากรแฝงที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ ขณะที่ผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัวสอบปากคำ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลว่าเป็นผู้ต้องสงสัยจัดอยู่ในกลุ่มประเภทใด

นางสาวพิมพ์ (นามสมมติ) น้าของนายบี ผู้ต้องสงสัยที่ถูกเรียกสอบ เปิดเผยว่า ตนก็ไม่รู้ว่าหลานชายไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ เพราะเมื่อเช้าที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาเพื่อเชิญตัวไปสอบปากคำ ในฐานะผู้ต้องสงสัย และเมื่อวานนี้ก็มีชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่มาตรวจสอบที่บ้าน แต่ไม่ได้มีการเชิญตัวไป มีเพียงแค่การถ่ายรูปไปประกอบ ดังนั้นหลานชายก็ต้องไปให้ปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัย แต่ในช่วงวันที่ 20 ก.ค. ยอมรับว่าหลานชายอยู่เพียงลำพังที่บ้าน แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็เชื่อว่าเป็นช่วงเคอร์ฟิว หลานชายก็คงจะออกบ้านและกลับเข้ามาไม่เกินเวลา 20.00 น.

ส่วนกรณีที่ตำรวจสงสัยว่าหลานชายไปทำมาหากินหาปลาในละแวกใกล้เคียงจุดที่พบ เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเจ้าตัวไม่ได้มีงานทำ ทุกวันก็จะออกไปหาปลาเพื่อมาทำกินเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นถ้ามองจากนิสัยส่วนตัวของหลานชาย แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยติดคุกในคดียาเสพติดมาแล้ว แต่ไม่ได้มีประวัติเรื่องของคดีอนาจารหรือเรื่องของการปล้นทรัพย์ ดังนั้นส่วนตัวก็อยากจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้กับหลานชาย เชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนางวราพร

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้หลานชายเคยมีประวัติเรื่องการรักษาโรคโควิด-19 จริง แต่รักษาหายแล้ว ช่วงที่เข้ารับการรักษาคนในครอบครัวก็แยกไปอยู่ที่อื่น ไม่ได้อยู่อาศัยด้วยที่บ้าน แต่หลังจากที่รักษาหายแล้วช่วงระยะหลังจึงกลับมาอยู่บ้านรวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ดังนั้นถ้าหากจะตั้งข้อสังเกตว่าหลานชายติดเชื้อโควิด-19 แล้วไปเกี่ยวข้องกับคดีการตายของนางวราภร จึงเป็นไปไม่ได้

นายวินัย อิ่มอาหาร พ่อตาของคนตาย เปิดเผยว่า วันนี้หลังจากที่ผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ของคนในครอบครัวผลปรากฏเป็นลบ ไม่พบเชื้อ แต่มีเงื่อนไขให้กับตัว 14 วัน เป็นไปตามมาตรการของสาธารณสุข ทุกคนก็ปฏิบัติตาม แต่หลังจากที่ผลการตรวจออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของโรงพักบางปะหัน มีการเรียกให้นายวิษณุ ลูกชาย เดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติมในประเด็นข้อสงสัยอื่น ๆ และรวมถึงความคืบหน้าหลังจากที่มีการเรียกสอบผู้ต้องสงสัย จึงได้มีการสอบปากคำฝั่งของลูกชายเพื่อนำไปประกอบสำนวน

ขณะเดียวกัน นายวินัย สามีของผู้ตายยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ภายหลังที่คนในครอบครัว 6 คน ได้รับผลการยืนยันตรวจเชื้อโควิด-19 ปรากฏว่าผลเป็นลบ ไม่มีใครติดเชื้อ จึงเชื่อมั่นว่าคนในครอบครัวไม่ได้มีใครติดโควิดจากคนตาย แต่เชื่อว่าคนตายจะต้องมีการติดเชื้อโควิดจากผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหาเท่านั้น

ตอนนี้ผลตรวจชันสูตรศพของลูกสะใภ้แบบละเอียดยังไม่ออก แต่การตรวจก่อนหน้านี้มีการยืนยันพบว่าเป็นการตายผิดปกติ โดยบริเวณคิ้วขวาแตก ผลการตรวจเบื้องต้นพบว่ามีการถูกทุบด้วยของแข็ง เชื่อว่าสิ่งที่ลูกสะใภ้ถูกทุบก็คือก้อนหินขนาดน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ที่ถูกเผาไปกับกองเสื้อผ้าบริเวณจุดพบศพ ส่วนประเด็นข้อสงสัย ที่ พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่ายังไม่ตัดประเด็นชู้สาว และความขัดแย้งคนใกล้ชิดออก ส่วนตัวก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าหากในมุมชู้สาว ก็ไม่พบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวของลูกสะใภ้ และก็ไม่เคยเห็นลูกชายรวมถึงลูกสะใภ้ทะเลาะกันเรื่องประเด็นเหล่านี้ จึงมองว่าไม่น่าจะมีความเป็นไปได้