จากกรณีเมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. 64 มีพลเมืองดีโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์ชนเสาไฟฟ้า เจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุภายในซอยบ้านสวนหลังเพชร 11 ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พบชายวัยกลางคนนอนหมดสติกลางถนน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้า ไม่พบรถจักรยานยนต์ ทราบชื่อภายหลังคือ นายบุญมี เสงี่ยม หรือเดี่ยว อายุ 36 ปี กู้ภัยได้ปฐมพยาบาล และนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลชลบุรี
ล่าสุด ญาติได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้กับจุดเกิดเหตุ พบว่านายบุญมีไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ แต่ถูกทำร้ายขณะที่นายบุญมีเดินเข้าไปพูดคุยกับชายกลุ่มหนี่ง หลังจากนั้นได้มีผู้ชายเสื้อดำ ชกต่อยนายบุญมีหลายครั้งจนล้มไปนอนที่กลางถนน ผู้ก่อเหตุก็ยังเตะซ้ำที่ใบหน้าหลายครั้ง ใช้รองเท้าตบหน้า ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายหน่อง หรือฉายา บังทอง อ้างว่าก่อเหตุเพราะคนเจ็บปีนเกลียว หลังมีการตกซื้อขายยาเสพติดกันนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สุดโหด "บังทอง" ปิดซอยทืบรุ่นน้องเตะเสย-เหยียบหน้า-ถุยน้ำลายใส่ จัดฉากรถคว่ำ
ล่าสุด วันที่ 3 ส.ค. 64 นายบุญมี พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ไม่รู้สึกตัว กระดูกใบหน้าหัก สมองตาย พบเลือดคั่งในสมอง อาการเป็นตายเท่ากัน
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ ต.บึงน้ำรักษ์ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา นายสุวัฒน์ เสงี่ยม หรือเด่น อายุ 34 ปี น้องชายของผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตอนนี้อาการของพี่ชายยังไม่ดีขึ้น แพทย์บอกว่าร่างกายไม่ตอบสนอง เพราะได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะและสมอง และอาจจะไม่หายร้อยเปอร์เซ็น มีโอกาสที่จะต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดเรื่องตนก็ยังไม่ได้เจอตัวพี่ชาย เพราะหมอไม่ให้เข้าไปเยี่ยม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนได้ดูภาพในกล้องวงจรปิดแล้ว ก็รู้สึกรับไม่ได้ที่พี่ชายถูกอีกฝ่ายทำร้าย เพราะเขาทั้งเตะและกระทืบซ้ำ ๆ 3-4 รอบ จึงอยากถามเขาว่า "ถ้าญาติพี่น้องคุณถูกกระทำบ้าง คุณจะคิดอย่างไร" ตนสอบถามเรื่องราวจากนายเบียร์ เพื่อนของพี่ชายที่ไปด้วยกัน เล่าให้ฟังว่าในวันเกิดเหตุ พี่ชาย นายเบีย ร์และภรรยาของนายเบียร์ ได้ขี่มอเตอร์ไซค์กันไป 2 คัน และได้ไปจอดพูดคุยกับเพื่อนในที่เกิดเหตุ ในกลุ่มเพื่อนก็มีนายหน่อง หรือ บังทอง อยู่ในกลุ่มด้วย ระหว่างที่นายบุญมีพูดคุยกับเพื่อนของเขาอยู่นั้น นายเบียร์ก็เดินปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์เรื่องการซื้อขายมอเตอร์ไซค์ ขณะเดียวกันนายหน่องที่ยืนอยู่ในกลุ่มเพื่อน กล่าวหาว่าพี่ชายของตนมองหน้าหาเรื่อง จึงได้ชกต่อยและกระทืบพี่ชายของตนไปล้มอยู่กลางถนนและกระทืบซ้ำหลายครั้ง
ตนยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และได้ยินมาว่านายหน่อง หรือ บังทอง เป็นขาใหญ่ประจำซอย ตนก็กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะพี่ชายของตนก็คงไม่กลับเป็นเหมือนเดิม ตนก็อยากให้เขาชดใช้ค่ารักษาดูแลพี่ชายของตนด้วย อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้ว่าพี่ชายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ ส่วนเรื่องคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะในที่เกิดเหตุมีคนเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีใครกล้าเป็นพยานให้เลย
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ภายในซอยบ้านสวนหลังเพชร 11 ตำบลบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี อยู่บนถนนหน้าห้องแถว ที่นายหน่องและนายจอร์อาศัยอยู่ วันนี้ห้องเช่าของนายหน่องปิดเงียบ เพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่าเจ้าตัวไม่อยู่บ้านมา 2 วันแล้ว หลังจากที่ไปให้ปากคำกับตำรวจเมื่อ 2 วันก่อน
นายจอร์จ เพื่อนที่นายบุญมีเข้ามาหาในวันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ตนยืนคุยกับนายบุญมีอยู่ ด้านนายหน่องก็เดินมาข้างหลัง และพูดว่าหิวข้าวจะให้ตนไปซื้อข้าวให้ แต่หลังจากนั้นนายหน่องก็เดินเข้าไปหาเรื่องนายบุญมี และชกต่อยกัน ตนก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม เพราะรู้จักพวกเขาทั้ง 2 ฝ่าย เพราะกลัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะโกรธเคือง แต่เหตุในวันนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ ตนไม่รู้ว่านายหน่องโกรธเคืองอะไรนายบุญมี เพราะเขาทั้งคู่ไม่ได้รู้จักกัน แต่นายหน่องใจร้อน มีนิสัยอันธพาลอยู่แล้ว ตนก็ยังเคยถูกนายหน่องทำร้ายโดยที่ไม่มีเหตุผล
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ในช่วงกลางคืนที่ตนนั่งดื่มเบียร์อยู่ในห้องเช่า นายหน่องที่มีอารมณ์หงุดหงิด มาเคาะประตูหน้าบ้าน เมื่อตนไปเปิดประตูเขาก็ชกตนระบายอารมณ์ทันที ตนได้ไปหยิบมืดมาป้องกันตัว และฟันเข้าไปที่มือของนายหน่อง แต่เขาก็แย่งมีดไป และฟันเข้าที่หัวตนกลับ ยังเป็นแผลเป็นจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งชาวบ้านก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับนายหน่อง เพราะเวลาเขาเมามาเขาก็จะชอบทำร้ายคนอื่น
นายจอร์จ กล่าวต่อว่า ในวันเกิดเหตุนั้น ตนยืนยันว่านายบุญไม่ได้ขอซื้อยาเสพติดจากนายหน่อง แต่เข้ามาขอซื้อยาเสพจากตน แต่ตนก็ไม่ได้ขาย เพราะตนเลิกยุ่งกับยาเสพติดไปนานแล้ว ตนก็ไม่เข้าใจว่านายหน่องโกรธนายบุญมี เพราะในวันเกิดเหตุนายบุญมีก็ไม่ได้ยุ่งกับนายหน่องเลย
นายพรชัย นิพลรัมย์ อายุ 35 ปี เพื่อนของผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ พาทีมข่าวไปดูมอเตอร์ไซค์ของนายบุญมี ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ยืนยันว่านายบุญมีไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ แต่บาดแผลบนตัวนั้นเกิดจากการถูกนายหน่องทำร้าย
นายพรชัย เปิดเผยว่า ตนคือคนที่เดินคุยโทรศัพท์ไปมาอยู่บนถนน ขณะที่ตนอยู่ในเหตุการณ์ ตนก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามเพราะกลัวนายหน่องจะทำร้ายตนและลูกเมีย และช่วงที่เขาทำร้ายนายบุญมี นายหน่องก็พยายามพูดตะโกนให้ชาวบ้านได้ยิน อ้างว่านายบุญมีจะไปซื้อยาเสพติดจากเจ้าตัว แต่เจ้าตัวไม่ได้ขายยา จึงได้กระทืบนายบุญมี ตนยืนยันได้ว่าเรื่องที่นายหน่องอ้างว่านายบุญมีไปขอซื้อยานั้นไม่เป็นความจริง เพราะในวันเกิดเหตุนายบุญมีไม่ได้คุยกับนายหน่องเลย เนื่องจากทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน รวมถึงนายบุญมีก็ไม่ได้มีนิสัยนักเลง
นายพรชัย กล่าวต่อว่า วันเกิดเหตุตนพยายามห้ามปราม แต่ก็ถูกนายหน่องชี้หน้าข่มขู่ว่าจะออกตัวแทนเพื่อนเหรอ และจะเข้ามาทำร้ายตนกับภรรยา ทำให้ตนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะตนก็ไม่รู้ว่าในซอยนั้นใครเป็นพรรคพวกของนายหน่องบ้าง แม้ตนจะยิ่งห้ามเท่าไร แต่นายหน่องก็ยิ่งทำร้ายเพื่อนของตน และยังพูดจาใหญ่โตว่าเคยฆ่าคนตายมาแล้ว ตนก็อยากถามกลับว่า นายหน่องเป็นลูกผู้ชายจริงหรือไม่ มาทำร้ายคนไม่มีทางสู้แบบนี้
สำหรับนายจอร์จที่เป็นเพื่อนของนายบุญมีนั้น ก็ไม่กล้าที่จะห้ามนายหน่อง หลังเกิดเหตุก็ได้แต่พูดว่ามันเป็นเวรกรรมแล้วกัน เพราะนายบุญมีก็เคยพาเจ้าตัวไปถูกรุมทำร้าย แต่ตนตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่นายจอร์จไม่ยอมช่วยนายบุญมี เพราะนายจอร์จเองก็มีความสนิทกับนายหน่องอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเป็นเพื่อนรักกับนายบุญมีมา 4-5 ปี ตนก็ไม่อยากให้เพื่อนเจ็บ เพราะเพื่อนไม่มีนิสัยนักเลง น่าคบหา และยิ่งเพื่อนมาถูกกระทำแบบนี้ตนก็รับไม่ได้ ตนจะเป็นพยานปากเอกให้เพื่อน
พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผกก.สภ.เมืองชลบุรี ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างออกหมายจับนายหน่อง ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส ซึ่งยังรอผลแพทย์ เพราะตอนนี้นายบุญมีนั้นอาการโคม่า ถ้าหากนายบุญมีเสียชีวิตก็จะมีการเปลี่ยนข้อหาเป็น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซึ่งจะดำเนินการออกหมายจับเสร็จในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.64)
