แม่น้องพิมน้ำตานองเกาะโลงลาลูก ทอยทอยร่ำไห้นอนคุก สั่งปิดข่าวกลัวอาม่าช็อก (คลิป)

กรณีตำรวจ สน.คันนายาว นำตัว นายธนภัทร ชนะกูลพิศาล อายุ 21 ปี หรือ ทอยทอย นักแสดงซีรีส์วาย ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้มีดแทง น.ส. ชัชสรัญ สุวรรณกิจ อายุ 25 ปี แฟนสาวเสียชีวิตภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยเลียบคลองสอง ซอย 12 - 14 ย่านคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ออกจากห้องควบคุมมาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถควบคุมส่งไปฝากขังยังศาลอาญามีนบุรี

ล่าสุดวันที่ 8 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.64) ศาลอาญามีนบุรี ไม่อนุญาตให้ประกันตัวนักแสดงหนุ่ม ทอยทอย ธนภัทร ทีมทนายความจึงได้ยื่นอุทธรณ์คำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีนัดฟังคำสั่งศาลในวันนี้ เวลา 10.00 น.

โดยศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีตามคำร้องขอฝากขังแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องอุกอาจร้ายแรง จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวน (ชั้นฝากขัง) คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปที่ศาลอาญามีนบุรี โดยนายภูมิ ทีมงานของทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ซึ่งเป็นทนายความของ นายทอยทอย ก็ได้ออกมาบอกว่าศาลยกคำร้องที่ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่ร้ายแรง รวมถึงเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ และมีอัตราโทษสูง

แต่อย่างไรก็ตาม ศาลแจ้งว่าไม่ได้ตัดสิทธิ์ที่จะให้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเข้ามาใหม่ ซึ่งตามกฎหมายก็สามารถยื่นได้อีกเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องดูด้วยว่ายื่นไปซ้ำ ๆ จะเป็นผลดีต่อรูปคดีหรือไม่ เพราะต้องหาพยานหลักฐานที่ไม่ได้ยื่นเข้าไปในตอนแรกประกอบไปกับคำร้องที่จะยื่นใหม่ อาทิ ผลชันสูตร ซึ่งต้องรอทางนิติเวชดำเนินการ ขณะนี้จึงยังไม่สามารถระบุเวลาที่ชัดเจนได้

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่วัดบึงทองหลาง แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลของ น.ส.ชัชสรัญ สุวรรณกิจ หรือ พิม อายุ 25 ปี ซึ่งในวันนี้ญาติพี่น้องได้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพ เวลาประมาณ 14.00 น. เริ่มพิธีและเคลื่อนขบวนศพ จากนั้นเวลา 15.00 น. จะเป็นพิธีประชุมเพลิง

น.ส.พัชราพรรณ มวลมนตรี หรือ บิว อายุ 27 ปี เพื่อนสนิทของผู้ตายได้ขึ้นมาอ่านประวัติเพื่อกล่าวคำไว้อาลัย ขณะที่อ่านประวัติได้ร้องไห้สะอื้นออกมาอยู่ตลอดเวลา 

โดยน.ส.พัชราพรรณ กล่าวด้วยว่า ขณะที่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ เป็นคนมีนิสัยร่าเริง รักครอบครัว และเป็นที่เคารพนับถือของทุกคน ทั้งนี้ กุศลอันใดที่ผู้ตายได้ทำไว้ ขออโหสิกรรมให้ทั้งหมด และขอให้ผู้ตายไปสู่สุคติ

ทั้งนี้ญาติพี่น้อง คนใกล้ชิด และกลุ่มเพื่อนได้เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจ ซึ่งหลังจากที่เสร็จสิ้นการวางดอกไม้จันทน์ แม่ของผู้ตาย พี่สาวทั้ง 2 คน และเพื่อนสนิทได้เดินไปดูโลงศพเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับร้องไห้เสียใจอย่างหนัก ก่อนจะเดินออกมาจากเมรุเผาศพทั้งน้ำตา ด้านญาติพี่น้อง ยังคงรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ จึงไม่ประสงค์ที่จะให้สัมภาษณ์ หรือให้ข้อมูลใด ๆ แต่อนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพบรรยากาศในงานได้ 

หลังจากเสร็จพิธีประชุมเพลิง ญาติพี่น้องได้เตรียมของชำรวยงานศพ เป็นหน้ากากอนามัยสีดำ และของว่าง รวมถึงอาหาร ข้าวหมูทอด ลอดช่องวัดเจษฎาราม ซึ่งเป็นของหวานที่ผู้ตายชื่นชอบ และเป็นสิ่งที่กลุ่มเพื่อนสนิทของผู้ตายได้นำมาแจกในงาน

ทีมข่าวได้พูดคุยกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของผู้ตาย แต่ทุกคนไม่ประสงค์ที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะอยากจะให้เพื่อนสนิทเป็นคนพูดดีกว่า ทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ น.ส.พัชราพรรณ มวลมนตรี หรือ บิว อายุ 27 ปี เพื่อนสนิทของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนกันมาประมาณ 5-6 ปี เรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ตนกับผู้ตายจะพูดคุยกันตลอด ปกติจะเจอกันประจำ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ได้เจอน้อยลง

โดยครั้งสุดท้ายที่ตนคุยกับผู้ตาย คือช่วง 2 วันก่อนเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงหลังวันเกิดของตน และตอนแรกจะนัดเจอกัน แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 เลยไม่ได้เจอ ผู้ตายได้พูดทำนองว่า “เมื่อไรจะได้เจอกันสักที อยากเจอ” และ “นี่จะต้องตายเพราะโควิด-19 หรือเพราะอะไรก่อน” แต่ตนไม่อยากจะคิดว่า คำพูดเหล่านี้คือลางบอกเหตุ น่าจะเป็นการพูดคุยกันทั่วไปมากกว่า

ส่วนตัวทราบว่า น.ส.พิม ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และไบโพล่าร์ มีอาการมาประมาณ 3 ปีแล้ว ตอนแรกตนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอาการ แต่พอเริ่มเป็นเพื่อนกัน และรู้ว่าผู้ตายป่วยเป็นโรคนี้ ตนก็ศึกษาอาการของโรค เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือผู้ตาย เวลาที่ผู้ตายสภาพจิตใจย่ำแย่ มักจะมีอาการร้องไห้ และจะทำร้ายร่างกายตัวเอง ซึ่งถ้าผู้ตายเริ่มสัมผัสได้ว่า ตัวเองมีอาการผิดปกติ บางครั้งจะโทรศัพท์มาบอกว่า "ไม่ไหวแล้ว" และตนก็จะรีบไปหาทันที เพื่อที่จะคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ส่วนการทำร้ายร่างกายที่หนักสุด คือ เคยกินยาฆ่าตัวตาย แต่ตนเข้าไปช่วยได้ทัน

ทั้งนี้ ผู้ตายไม่เคยทำร้ายตัวเองด้วยการใช้ของมีคม หรือใช้อาวุธมาก่อน เวลามีอาการก็ไม่เคยทำให้ร่างกายคนอื่น ส่วนอาการของโรคไบโพล่าร์ อารมณ์จะขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งกรณีที่ผู้ตายทะเลาะกับแฟนหนุ่มคนก่อน อาจจะมีอาการลงไม้ลงมือกันบ้าง แต่ไม่หนักถึงขั้นใช้อาวุธแบบนี้

สำหรับ “นายทอยทอย” ตนไม่เคยเจอมาก่อน และไม่เคยสุงสิงด้วย แต่ผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่า คนนี้คือแฟนใหม่ที่กำลังคุย และศึกษาดูใจเพื่อคบหากัน ซึ่งระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน และเวลาที่พูดถึงนายทอยทอย ผู้ตายจะบอกตลอดว่า “มีความสุขกับความรักครั้งนี้มาก ๆ เพราะได้ดูแลทอย ได้ทำอาหารให้ทอยกิน” แต่จะไม่เคยเล่าเรื่องที่ทะเลาะกันให้ฟัง อาจเป็นเพราะเพิ่งคบหากันหรือไม่ 

นอกจากนี้ น.ส.พิม เป็นคนที่เต็มที่กับความรัก แต่สาเหตุที่เลิกกับแฟนคนก่อน ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะความไม่เข้าใจ ในเรื่องของโรคทางจิตใจ ทำให้จุดจบของความรักในแต่ละครั้งไม่ค่อยดี หลังเกิดเรื่องตนไม่ได้ฝันถึงผู้ตาย แต่เพื่อน ๆ คนอื่นมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ ผู้ตายได้มาเข้าฝัน เหมือนกำลังเดินไปที่ไหนสักแห่ง เป็นสถานที่สูง ๆ แล้วผู้ตายก็หันมายิ้มให้ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงเชื่อว่าเป็นความฝันที่ดี และผู้ตายคงจะมาลาเพื่อน ๆ เพื่อที่จะบอกว่าไปอย่างมีความสุขแล้ว 

ในเรื่องของคดีความ ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวล เพราะเชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรมจากทุก ๆ ฝ่าย ทั้งนี้ตนเชื่อว่าน.ส.พิม ไม่ใช่เหยื่อคนแรก จึงอยากจะฝากถึงทุกคน และคนใกล้ชิด ที่เคยถูกกระทำแบบนี้ออกมาพูดว่าผู้ชายคนนี้เป็นอย่างไร 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ผู้ตายข่มขู่จะทำร้ายครอบครัว ส่วนตัวยังไม่ขอตอบเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้เห็นข้อความ ตนไม่อยากจะร้องไห้ให้เพื่อนเห็นอีกแล้ว และตนเชื่อว่า น.ส.พิม รับรู้ว่าเพราะตน 2 คนผูกพันกัน มีเรื่องราว ๆ หลายอย่างที่ผ่านมาด้วยกัน สำหรับแม่ของน.ส.พิม และสุนัขที่เข้าเลี้ยงไว้ ตนจะช่วยดูแลเอง และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวต่อสู้กับคดีต่อไป

หลังจากเกิดเหตุการณ์ เพื่อนสนิทของนายทอยทอย มีการส่งแชตข้อมูล ระบุทำนองว่า นายทอยทอยถูกหญิงคนหนึ่งข่มขู่ ลักษณะจะเอาให้ถึงตาย หรือฆ่าคนในครอบครัว จึงทำให้อาจเป็นชนวนเหตุที่นายทอยทอยเกิดบันดาลโทสะหรือไม่

ทีมข่าวได้พูดคุยกับพ่อของผู้ตาย อายุ 61 ปี กล่าวว่า ตนยังรู้สึกเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก ตนกับแม่ของน.ส.พิม แม้จะแยกทางกันมาประมาณ 20 กว่าปี แต่ตนยังคงติดต่อกับทางครอบครัวอยู่ตลอด และน.ส.พิม มักจะมาหาตน เช่น ช่วงวันพ่อ หรือช่วงที่มีปัญหาอะไรก็จะมาระบายให้ตนฟัง แต่ตนก็ไม่ได้ทราบเรื่องทั้งหมด

โดยน.ส.พิม เป็นคนนิสัยดี ร่าเริงเหมือนคนทั่วไป แต่ช่วงที่ผู้ตายเริ่มโตขึ้น ด้วยความที่เป็นเด็กวัยรุ่น ก็มักจะอยู่กับกลุ่มเพื่อน ๆ มากกว่าครอบครัว และมีอะไรก็จะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ซึ่งเพื่อน ๆ ก็นิสัยดีทุกคน

นอกจากนี้ เมื่อพี่น้องแยกย้ายไปมีครอบครัว น.ส.พิม ก็อาศัยอยู่คนเดียว อาจจะมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ใจร้อนขึ้น และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ตนคาดว่าน่าจะป่วยมาประมาณ 1 ปีแล้ว ส่วนเรื่องความรักตนไม่ค่อยทราบ

สำหรับเรื่องของคดีความ ตนไม่ได้รู้สึกกังวลใจ และเชื่อว่าตำรวจจะให้ความยุติธรรม แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นดารา แต่ทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย หลังจากเสร็จพิธีฌาปนกิจศพ น่าจะนำกระดูกของน.ส.พิม ไปลอยอังคาร คาดว่าอาจจะที่ทะเลสักแห่ง เพราะน.ส.พิม ชื่นชอบการเที่ยวทะเล 

"เชน ณัฐวัฒน์" เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ส่วนตัวรู้จักกับผู้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี ที่ผ่านมาน้องพิม ค่อนข้างเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่ง นิสัยร่าเริง ไม่มีอาการแสดงออกให้เห็นเลยว่าป่วยโรคซึมเศร้า หรือมีนิสัยฉุนเฉียว พฤติกรรมก้าวร้าว ต่อมาหลังจากที่ตนรู้จักกันได้สักพักหนึ่ง จากที่ได้ติดตามในโซเชียลฯ ก็พอทราบว่ามีภาวะโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์ แต่ตนก็ไม่ได้เข้าไปสอบถาม เพราะตนเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็น เพราะฉะนั้นเวลาที่เราเจอกัน เราก็คุยกับปกติ

ทั้งนี้ หากถามว่าตกใจหรือไม่หลังทราบข่าว ตนยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ หลังมีคนเเจ้งข่าวมาช่วงเช้า เลยตัดสินใจหาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้เห็นข่าวถึงกับช็อก เพราะตนเพิ่งเจอกับผู้เสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ ในมุมของตนโรคเหล่านี้เป็นโรคที่ต้องการคนให้กำลังใจ คนที่คอยอยู่ข้าง ๆ จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการควบคุมตัวเองค่อนข้างสูง ดังนั้นคนที่อยู่ข้าง ๆ จะต้องอารมณ์เย็น และต้องเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ได้ดี

ส่วนประเด็นการทำร้ายร่างกาย ตนจะไม่ขอไปแตะเรื่องนั้น เพราะตนเป็นคนนอก ไม่ได้ไปยืนในจุดที่เขามีปัญหากัน เราไม่ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายแล้วหากคนที่ตัดสินใจเลือกคบกับคนที่มีอาการเเบบนี้ การควบคุมอารมณ์ของคุณ ต้องเหนือกว่าคนปกติไปอีก ตนอยากจะขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว “น้องพิม” ไม่ได้มีใครอยากให้เกิดขึ้นแบบนี้

"ที่ผ่านมาผมเห็นน้องพิมสู้มาก น้องพิมพยายามหาหมอ ส่วนตัวพิมวันนี้ เราจะไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว ขอให้น้องพิมหลับให้สบาย ไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ คอยให้กำลังใจกับคนที่ยังต้องสู้ต่อ ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว เสียใจด้วยจริง ๆ เสียใจด้วยมาก ๆ ไม่คิดว่า ทุกอย่างจะเร็วขนาดนี้ หลับให้สบาย พี่จะคิดถึงแล้วจำน้องคนนี้ตลอดไป ผมอยากฝากว่า เวลาคนจะคอมเมนต์อะไรในโซเชียลไม่ว่าจะเป็นเคสของน้องพิม หรือเคสอื่น ๆ อย่าดึงคนรอบตัวของผู้กระทำไปเกี่ยวข้อง อย่าลามไปถึงคนอื่น" เชน ณัฐวัฒน์ กล่าว

ด้านน.ส.วรรนกร อภิชัยธนาสุข อาของนายทอยทอย อายุ 52 ปี เปิดเผยว่า ตอนแรกที่ตนดูข่าวก็ตกใจไม่คิดว่าจะเป็นหลานชาย คิดว่าเป็นเด็กคนอื่นที่มีหน้าตาคล้ายกัน จึงได้ให้ลูกสาวตรวจสอบข่าวตามเว็บไซต์และเฟซบุ๊กต่าง ๆ กระทั่งทราบว่าคนที่ก่อเหตถเป็นหลานชายจริง ๆ ขณะนั้นยอมรับว่าตกใจและช็อกทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าหลานชายจะก่อเหตุแทงผู้หญิงมากถึง 20 แผล

ที่สำคัญหลานชาย เป็นคนโตมากับอาม่า ซึ่งอาม่าก็เลี้ยงดูตั้งแต่เด็กจนโต หลังจากที่ย้ายไปเรียนและอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ตนก็ไม่ได้ติดต่อเป็นการส่วนตัว ซึ่งหลังเกิดเหตุคนในบ้านยังคงปิดข่าวไม่ให้อาม่ารู้ความจริง เพราะอาม่าอายุมากถึง 80 กว่าปีแล้ว ตอนนี้ก็ให้ญาติมารับไปอยู่ด้วย เพราะไม่อยากให้เจอหรือรับรู้ข่าวของหลานชาย 

ส่วนกรณีแชตลับ ที่เพื่อนของหลานชาย ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าตัว หลังจากที่ก่อเหตุแล้ว โดยอ้างว่าเหตุผลที่ขาดสติแทงผู้หญิง เป็นเพราะว่าถูกข่มขู่ จะมีการทำร้ายคนในครอบครัว ตนไม่รู้ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ เพราะเพิ่งจะเห็นตอนที่ข่าวนำเสนอ และได้อ่านแชตหลังจากที่ทีมข่าวเอามาให้ดู ซึ่งหากอ้างว่าเป็นห่วงคนในครอบครัว หรือรักพ่อแม่ ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายขมขู่ ตนมองว่ามีความเป็นไปได้น้อย เพราะหลายชายก็อาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนพ่อแม่ก็อยู่ต่างจังหวัด ดังนั้นความเป็นไปได้จึงมีน้อย 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนในฐานะครอบครัวของนายทอยทอย ก็อยากจะฝากขอโทษไปยังครอบครัวฝ่ายหญิง เพราะตนก็เป็นแม่คน เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เหมือนกัน เมื่อมีคนมาทำร้ายลูกสาว ทุกคนก็ยอมใจสลาย ดังนั้น ตนก็ต้องให้หลานชายเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก ล่าสุดตนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับหลานชาย เจ้าตัวก็ยังร้องไห้ และช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉะนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่เขาจะต้องจำ และมีสติให้มากกว่านี้

ขณะที่ “กานต์ วิภากร” ได้ออกมาโพสต์ไอจีว่า "แสนทรมาน อิสระมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด ออกจากกรงได้เพียงนิ้วมือ ร้องไห้ตาแดง นี้แหละ เด็กน้อยธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย เงิน ผู้ใหญ่คอยซับพอร์ต ก็ต้องไปเรือนจำ อดทนนะน้องคิดดี เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น พักผ่อนนะ เดี๋ยวก็มีคนเมตตาคะ สงสารจริง ๆ เว้ย!!" งานนี้ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์สนั่นไอจีว่าสงสารผิดฝั่งหรือไม่