เปิดปมฆ่าหนุ่มหนีกักตัวโควิด แม่แฉลูกระรานเพื่อนบ้าน ลั่นถ้าไม่ตายแม่ไม่ปลอดภัย (คลิป)

จากกรณีวันที่ 9 ส.ค. 64 สภ.นาเฉลียง ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกฆ่าเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้าโนนสีทอง ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตอยู่ที่แคร่ข้างบ้าน ตามร่างกายมีรอยถูกของมีคมที่บริเวณศีรษะทั้ง 2 ฝั่ง แขนและมือ ทราบชื่อคือนายวิทยา สีสังข์ อายุ 38 ปี โดยศีรษะถูกค้อนตีจนเป็นแผลฉกรรจ์ แขนซ้ายถูกฟันเกือบขาด นิ้วมือซ้ายขาด

ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายสมชาย หงษ์นิรันดร์ อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ปมการก่อเหตุเกิดจากก่อนหน้านี้ ผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุไม่ค่อยจะลงรอยกัน รวมถึงผู้เสียชีวิตเพิ่งจะเดินทางกลับมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เพียง 2 วัน แต่ไม่ยอมกักตัวตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และมักจะเพ่นพ่านไปมา

จนในวันเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตได้ดื่มสุราจนมีอาการเมา ได้เข้าไปที่บ้านของผู้ก่อเหตุ จนทั้ง 2 มีเรื่องโต้เถียงกัน หลังจากนั้นผู้เสียชีวิตได้ตบศีรษะผู้ก่อเหตุไป 1 ครั้ง ด้านผู้ก่อเหตุจึงใช้อาวุธมีดหวด หรือมีดถางหญ้า ฟันเข้าไปที่ร่างของผู้ตาย จนเสียชีวิต

ล่าสุด วันที่ 10 ส.ค. 64 นางทองเพชร แม้นชัยภูมิ อายุ 59 ปี พี่สาวของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าได้ไปเยี่ยมนายสมชาย ที่ สภ.นาเฉลียง เบื้องต้นนายสมชายยังมีจิตใจที่ดีและไม่เครียด เล่าย้อนกลับไปถึงตอนเกิดเหตุ เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะที่นายสมชายนั่งกินข้าวที่อยู่ที่แคร่หลังบ้าน หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการไปตัดหญ้าในนา ด้านนายวิทยาก็เดินสะพายปืนแก๊ปยาวมาด้วยความมึนเมา

หลังจากนั้น เอาปืนแก๊บแขวนไว้ที่เสาบ้าน และตรงเข้าไปตบหัวนายสมชายอย่างรุนแรง ด้านนายสมชายที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็รีบคว้าค้อนตอกตะปูที่อยู่ใกล้ตัวฟาดเข้าไปที่หัวนายวิทยาจนล้ม หลังจากนั้น ก็หยิบมีดอีโต้ไปฟันซ้ำ แต่นายสมชายเอาแขนซ้ายออกมาป้องคมมีด ทำให้นิ้วมือซ้ายขาด ส่วนแขนซ้ายเกือบขาด หลังจากนั้น นายสมชายก็รีบมาบอกตนและแจ้งผู้ใหญ่บ้านว่าได้ทำร้ายร่างกายนายวิทยา รวมถึงรอมอบตัวในที่เกิดเหตุ

นางทองเพชร กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้นายสมชายและนายวิทยาก็เคยดื่มเหล้าอยู่วงเดียวกัน แต่เนื่องจากทั้งคู่เป็นคนใจร้อนและมีนิสัยไม่ยอมใคร เมื่อเมาก็มักจะมีปากเสียงกันอยู่เรื่อย ๆ และทะเลาะกันตามประสาคนเมา นายวิทยาก็เคยเอามีดฟันหัวนายสมชายมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้นายวิทยาก็มาระรานนายสมชายเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่นายสมชายไม่ได้เมา จึงมีแรงสู้ และสุดท้ายก็กระทำรุนแรงจนนายวิทยาเสียชีวิต แต่ถ้านายสมชายไม่สู้ เจ้าตัวอาจจะต้องตายแทน อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียใจ และไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ วันนี้ก็มาร่วมงานศพของนายวิทยา และช่วยค่าทำศพ 20,000 บาท ส่วนนายสมชายตนก็ไม่ประกันตัว ปล่อยให้เขาได้รับโทษตามกฎหมาย

ที่วัดโนนสีทอง หมู่ 3 บ้านโนนสีทอง ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายวิทยา สีสังข์ ผู้เสียชีวิต ศพได้เผาในเวลา 14.00 น. บรรยากาศงานศพเป็นไปอย่างโศกเศร้า นางฉลวย สีสังข์ อายุ 55 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ได้เก็บสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้าของผู้เสียชีวิต มาจัดเตรียมที่จะเผาไปด้วย ตามความเชื่อและประเพณีของคนพื้นบ้าน

นางฉลวย สีสังข์ แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64 นายวิทยา และ น.ส.ลี่ ผู้เป็นภรรยา ได้ประสบอุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำในขณะที่ไปรับจ้างตัดอ้อยที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้น นายวิทยาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่น.ส.ลี่ เสียชีวิต และศพถูกนำไปบำเพ็ญกุศลที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น แต่นายวิทยาไม่สามารถตามไปร่วมงานศพของภรรยาเขาได้ เพราะสถานการณ์โควิด เขาจึงไปพักและกักตัวอยู่ที่บ้านป้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 64 จนกระทั่งวันที่ 7 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา หลังจากที่นายวิทยากักตัวที่บ้านป้าก็กลับมาอยู่ที่บ้าน ในพื้นที่หมู่ 3 บ้านโนนสีทอง ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์

ซึ่งทั้งผู้ใหญ่บ้านและ อสม. ก็มาขอให้ลูกชายไปกักตัวที่วัดโนนสีทอง ตั้งเต็นท์เป็นสถานที่กักตัว แต่ลูกชายของตนก็ไม่ยอม เพราะเขาอ้างว่าได้กักตัวที่บ้านป้ามาแล้ว และได้ออกไปทำงาน ดื่มเหล้า เพราะยังโศกเศร้าเสียใจที่ น.ส.ลี่ ภรรยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ในวันที่ 8 ส.ค. 64 นายวิทยาได้เมาเหล้าและมากราบตน บอกว่าจะขออยู่กับแม่และไม่หาภรรยาใหม่แล้ว ทำให้ตนรู้ว่าลูกชายรัก น.ส.ลี่ ภรรยาที่เสียชีวิตมาก

สำหรับนายวิทยากับนายสมชาย ผู้ก่อเหตุนั้น มักจะมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกันมาตลอด เวลาลูกชายดื่มเหล้าเมา ก็จะชอบสติหลุดและไปหาเรื่อง มีปากเสียงกับฝั่งผู้ก่อเหตุเป็นประจำ เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา ลูกชายตนก็ใช้มีดฟันหัวนายสมชายในงานศพจนได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นดำเนินคดีกัน และฝ่ายตนต้องชดใช้ค่าเสียหายให้นายสมชาย

ตนยอมรับว่าลูกชายเป็นคนนิสัยเกเร กินเหล้าเมายา และใจร้อน ไม่ยอมใคร ตอนมีชีวิตอยู่ก็สร้างแต่ความเดือดร้อน เวลาเมาก็อาละวาดจนตนอยู่บ้านไม่ได้ ตนเอาตำรวจมาจับลูกชายตัวเองเขาก็ไม่เคยกลัว และเมื่อเขาตาย ตนก็ขออโหสิกรรมให้ลูกชายทั้งหมดกับอะไรไม่ดีที่เขาเคยทำ ให้เขาไปอยู่กับ น.ส.ลี่ ผู้เป็นภรรยา ก็ถือว่าหมดกรรมหมดเวรกันไป