จากกรณีที่นักแสดงหนุ่ม "ทอยทอย ธนภัทร" ก่อเหตุแทงแฟนสาว "พิม ชัชสรัญ" จนถึงแก่ความตาย บรรดาเพื่อนของผู้เสียชีวิตก็ออกมาเผยการกระทำของฝ่ายชายรุนแรงเกินไปนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แม่น้องพิมน้ำตานองเกาะโลงลาลูก ทอยทอยร่ำไห้นอนคุก สั่งปิดข่าวกลัวอาม่าช็อก
- ทอยทอยเกาะกรงขังร่ำไห้ แฉแชตลับพ่อแม่ถูกขู่ ทำฟิวส์ขาดแทงน้องพิมไม่ยั้ง
- ทอยทอย นอนคุกต่อ ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัว ชี้คดีอุกอาจร้ายแรง
- แม่น้องพิมลมจับเห็นศพลูก ผลตรวจชัด "ทอยทอย" มีดปักอก 2 จุด แทงคออีก 1
นายศิวกร รามมง หรือ ลิป อายุ 24 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต โพสต์ข้อความยาวเหยียดลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว อธิบายความสัมพันธ์ของ ทอยทอย และพิมอย่างละเอียด ใจความสำคัญคือทอยทอยเป็นเด็กเอนฯ ไม่ได้รักพิมจริงนั้น
วันที่ 10 ส.ค. 64 นายศิวกร เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับพิม 2-3 เดือน แต่ก็สนิทกันมาก รู้จักกันเพราะเพื่อนของฝ่ายหญิงพาไปเจอตอนแฮงเอ้าต์ ที่ตนตัดสินใจออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก เพราะเห็นหลายข่าวนำเสนอไม่ค่อยตรงกับความเป็นจริง ในเรื่องของระยะเวลาการคบกันของทอยทอยและพิม ที่ทั้งคู่รู้จักกันแค่ 13 วันเท่านั้น ก่อนเกิดเหตุสลดขึ้น
สำหรับความจริงแล้ว ทอยทอยและพิม เจอกันวันที่ 24 ก.ค. เวลาประมาณ 21.00 น. วันดังกล่าวตนและพิม รวมถึงเพื่อนผู้หญิงอีกคนของพิมอยู่ด้วยกัน จากนั้นก็มีโมเดลลิ่งทักมาหาพิม ให้ช่วยจ้างงานทอยทอยไปเอนเตอร์เทน เพราะฝ่ายชายกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ไม่มีจ่ายค่าเช่าคอนโดฯ ซึ่งตนได้เห็นแชตนั้นด้วย ตนก็ได้ห้ามไปแล้วว่าอย่าเลย แต่พอวันนั้นตนกลับบ้าน พิมก็คงใจอ่อนเรียกเขามา โดยก็อยู่กัน 3 คนคือ พิม เพื่อนผู้หญิงของพิม และทอยทอย ซึ่งวันนั้นทอยทอยได้ค่าจ้าง 5,000 บาท เป็นแค่การนั่งพูดคุยสร้างความสนุก ไม่ได้มีอะไรเกินเลย
หลังจากวันนั้นตนก็ได้เห็นสตอรี่ไอจีของพิม เลยรู้ว่าเขาได้สานต่อกัน เพราะมีไปไหนมาไหนด้วยกัน ตนก็คิดว่าเด็กคงเอาใจเก่ง พิมเลยติด เพราะตนก็รู้ว่าพิมเป็นคนแพ้ผู้ชายลูบหัว ในสตอรี่ไอจีตนก็เห็นทอยทอยเขาทำแบบนั้น แล้วก็ดูหวานกันมาก แต่ตนก็คิดว่าคงแค่แป๊บ ๆ เดี๋ยวก็คงจะแยกย้าย ต่อมาวันที่ 28 ก.ค. ตนก็เห็นสตอรี่ไอจีของพิม พาทอยทอยเข้าไปอยู่ที่บ้านแล้ว
ตนก็ตกใจมากแล้วก็ทักไปหารุ่นพี่ว่า "เตือน ๆ พิมหน่อยนะ" เพราะคิดว่ารูปการณ์แบบนี้ทอยทอยไม่ได้เข้าหาพิมด้วยเจตนาที่ดี เพราะเขากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน ตนจึงมั่นใจว่าเขาไม่ได้รักพิมอย่างแน่นอน หากวันหนึ่งเขามีเงินแล้วก็คงตีจากพิมแน่นอน แต่พิมก็ไม่ได้ฟังคำเตือน คาดว่าเขาคงรักไปแล้ว เพราะเขาป่วย รวมถึงทอยทอยคงเอาใจเก่ง เลยตัดสินใจพลาดดึงเขาเข้ามาในบ้านทั้งที่รู้จักกันแค่ระยะเวลาสั้น ๆ
นายลิป เผยต่อว่า พิมไม่ได้ชวนแค่แฟนเข้ามาอยู่ด้วยกันในบ้านเท่านั้น แต่กับเพื่อนทุกคนพิมก็ชวนให้ย้ายไปอยู่ที่บ้าน เพราะเขาป่วยจึงต้องการคนที่รักมาอยู่ด้วย นอกจากนี้ ด้วยนิสัยของพิมเป็นคนซัพพอร์ตในเรื่องของเงินเต็มที่ให้กับทุกคน ไม่ใช่แค่กับแฟน สำหรับเรื่องราวที่เป็นชนวนให้ก่อเหตุดังกล่าว ตนไม่รู้จริง ๆ แต่ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องที่ทอยทอยติดต่อกับแฟนเก่าอยู่ ซึ่งตนไม่รู้ว่าคนไหน แต่สุดท้ายแล้วคนที่อยู่ด้วยกันมาแค่ 13 วัน ก็ไม่น่าจะมีเหตุอะไรที่ทำให้ทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้ได้
จากคำสารภาพของทอยทอยที่บอกว่า พิมเป็นคนหยิบมีดขึ้นมาก่อน ตนคิดว่าคนเป็นผู้ชาย แล้วหากรักกันจริง ๆ รวมถึงรู้อยู่แก่ใจว่าเขาป่วย ก็ควรจะยอม ไม่ใช่แย่งมีดแล้วแทงเขา ในส่วนของกระแสข่าวที่ออกมาว่าพิมทำงานให้คนใหญ่คนโต แล้วมีการข่มขู่จะทำร้ายครอบครัวของทอยทอย อย่าไปพูดถึงการทำงานของพิม แต่เรื่องการข่มขู่ตนว่าพิมไม่น่าเป็นคนแบบนั้น หรือต่อให้เขาพูดจริง ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบของคนเป็นไบโพลาร์ หากคุณรักเขาก็ไม่ควรจะอารมณ์ขึ้น อีกทั้งตนทราบจากข่าวว่าพ่อเขาบวชเป็นพระอยู่ที่ จ.พะเยา แล้วแม่ก็อยู่ จ.ชลบุรี ถ้าพิมขู่ฆ่าพวกเขาก็คงจะเกินไป อีกอย่างรู้จักแค่ 13 วัน ขู่ฆ่ากันก็ไม่สมเหตุสมผล
สุดท้ายตนอยากจะบอกทอยทอยว่าอะไรที่เป็นความจริง รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ออกมาพูดเถอะ แสดงความเป็นลูกผู้ชายบ้าง สิ่งที่คุณทำไปก็แย่อยู่แล้ว ออกมายอมรับแบบแมน ๆ ให้แฟนคลับของคุณได้เห็นหน่อย ให้สมกับที่พวกเขาคอยซัพพอร์ตให้กำลังใจคุณ
นอกจากนี้ แม่ของพิม เปิดใจผ่ายรายการโหนกระแส เผยอีกมุมหนึ่งจากสภาพในครัวกับห้องหลังเกิดเหตุ ไม่มีข้าวของกระจัดกระจาย ขัดแย้งกับที่ทอยบอกว่ามีการแย่งมีด อีกทั้งพบว่าทางลูกสาวพาทอยทอยย้ายมาอยู่ที่บ้านได้เพียง 13 วัน ก่อนจะเกิดเรื่อง โดยที่ลูกสาวแนะนำว่าทางฝ่ายชายมีปัญหาเรื่องเงินด้วยนั้น
ครอบครัวยืนยันว่าพิมไม่มีทางใช้มีด เพราะปกติพิมไม่เข้าครัว และเป็นคนไม่ค้นหาของ ถ้าไม่เห็นก็จะไม่รื้อหา มีดที่ใช้ในวันเกิดเหตุ เป็นมีดที่แม่ซ่อนเอาไว้ เพราะกลัวเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยก่อนหน้านี้แม่กับทอยทอยทำกับข้าวกันที่ครัว ทอยทอยมาช่วยแม่หั่นผัก ทอยเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามีดซ่อนอยู่ที่ไหน ลูกสาวไม่มีวันทำในสิ่งที่เขากล่าวหา
อย่างไรก็ตาม พี่สาวของพิม เปิดเผยข้อมูลว่า ตอนนี้ทางครอบครัวเองกำลังรอผลชันสูตรศพ ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็กำลังจะมีการเรียกสอบปากคำเพิ่ม ขณะที่ทางศาลก็ยังไม่ได้แจ้งรายละเอียด คาดว่าน่าจะรอข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมเช่นเดียวกับกรณีทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตเองก็ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ ต้องรอตำรวจประสานมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลักฐานจากเพื่อนสนิทของทอยทอย ที่ยืนยันว่าทั้งคู่รักกัน และคบหากัน มีคลิปวิดีโอที่ทอยทอยถ่ายเล่นกับพิม ทอยทอยถามพิมว่า "คนถามว่าเป็นไรกันอะ เขาถามว่าเป็นอะไรกันอะ" พิมตอบว่า "เป็นแฟน" แล้วทอยทอยก็หัวเราะแกมเขิน บอกว่า "เอ้า เป็นแล้วเหรอ" เสียงพิมตอบกลับมาว่า "เป็นแล้ว"
ทั้งนี้เมื่อวันพฤหัสที่ 5 ส.ค. 64 เวลา 23.52 น. ทอยทอยพิมพ์ข้อความไปหาแม่พิมว่า "แม่ครับผมขอโทษนะครับแม่ ที่ผมผิดสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ที่จะดูแลพี่พิมให้ดี หนูคงทำไม่ได้ หนูไม่ใช่คนที่พี่พิมเค้าต้องการ ขอบคุณนะครับที่ดูแลผม"
จากนั้นคืนวันศุกร์ที่ 6 ส.ค. 64 เวลา 02.20 น. ทอยทอยพยายามโทรติดต่อหาคุณแม่พิม แต่ไม่ได้รับสาย โดยมีแชตยืนยัน
อีกทั้งมีคลิปที่ทอยทอยอยู่กับพิม พร้อมระบุข้อความในคลิปว่า "บอกรักหลายภาษา" มีการพูดคุยกันและบอกรักเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
ด้านทนายเจมส์ นายนิติธร แก้วโต ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของบริษัท ยามา เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ต้นสังกัดของน้องทอยทอย เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่ทอยทอยไม่ได้คบกับพิมในลักษณะแฟน ประเด็นแรกน้องเขายืนยันว่าเป็นแฟน แล้วก็ดูจากข้อความที่เขาได้สนทนากันเหมือนแฟน แม่ของพิมก็รับรู้ว่าน้องทอยทอยเข้าไปอยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่ทราบว่าเขาสื่อสารกันอย่างไร หรือแนะนำตัวกับแม่ว่าทอยทอยเป็นใคร
ส่วนข้อความที่น้องเขาแสดงออกให้คนอื่นเห็นคือการเป็นแฟน เพื่อนของทอยทอยหลายคนเคยไปบ้านของน้องพิม เคยไปปาร์ตี้กัน ในห้องนอนก็มีเพื่อนอีกกลุ่มไปนอนด้วย เพื่อน ๆ ของทอยทอยทราบดีว่าเขาคบกัน
ส่วนเรื่องที่มองว่าเป็นเด็กเอนเตอร์เทนเข้ามาหาผลประโยชน์ ยังไม่รู้รายละเอียดว่าจริงไม่จริง แต่ถามว่าเป็นเด็กเอนฯ แล้วผิดกฎหมายหรือไม่ การที่ออกมาแฉเขาแล้วมันทำให้เขาดูด้อยค่าด้อยราคาลง การที่เอาข้อเท็จจริงเรื่องส่วนตัวเขามาเปิดเผยถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นของคดีด้วย ซึ่งส่วนตัวได้ดูหลักฐานจากแชตที่คุยกับแม่และที่น้องทอยทอยคุยกับผู้ตาย มีคลิปต่าง ๆ ที่น้องลงไอจีสตอรี่ มีการเปิดตัวให้เพื่อนเห็น
ส่วนเรื่องทิศทางของคดี ตนยังไม่ใช่ทนายความของเขา คงจะช่วยเรื่องของการประสานงานเบื้องต้น การประกันตัว เก็บรวบรวมหลักฐานเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะได้ส่งไม้ต่อให้กับทนาย ตอนนี้ผลทางชันสูตรกำลังจะออกมาแล้ว ซึ่งเคสนี้มีแค่ 2 คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ คนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้วให้การไม่ได้ อีกคนอาจจะให้การที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองก็ได้ แต่สิ่งที่โกหกไม่ได้คือพยานหลักฐานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ "ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก แต่คนที่จะรับโทษทางกฎหมายควรรับโทษเท่าที่ตัวเองกระทำ"