รวบ อดีตตำรวจ เรียกรับเงินผู้ต้องหา 1 แสนบาท คาโรงพัก อ้างช่วยคดีฉ้อโกง

11 ส.ค. 64

กรณี อดีตตำรวจ เรียกรับเงินผู้ต้องหา ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป.นำกำลังบุกสภ.เมืองนนทบุรี จับกุม อดีตนายตำรวจ รายหนึ่ง ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยจับกุมได้พร้อมเงินสดจำนวน 1 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินล่อซื้อ ที่ตำรวจได้มีการวางแผนร่วมกันกับผู้ร้องเรียน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงซื้อ-ขายที่ดิน 8 ล้านบาท โดยยทันทีที่ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมอดีตตำรวจนายนี้ ได้แสดงท่าทีขัดขืน พร้อมพยายามปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกรับเงินจากผู้ต้องหา แต่ยอมรับว่า ดูแลสำนวนคดีนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว

จากนั้นตำรวจฝ่ายสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้ตรวจสอบเงินล่อซื้อ เป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 100 ใบ ว่าตรงตามบันทึกประจำวัน ที่ผู้ร้องเรียน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงซื้อ-ขายที่ดิน 8 ล้านบาท ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนที่แจ้งสิทธิ จะทำการจับกุมอดีตตำรวจ ใน 2 ข้อหา คือ แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานกระทำการเป็นเจ้าพนักงานทั้งที่ตัวเองไม่มีอำนาจ , ฉ้อโกงโดยพยายามแสดงตัวเป็นคนอื่น โดย อดีตตำรวจ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ระบุเพียงว่า รับราชการตำรวจ อยู่ที่สภ.เมืองนนทบุรีมา 20 ปี ก่อนเกษียณอายุราชการมาได้ 6 ปีแล้ว

ระหว่างจับกุม อดีตตำรวจนายนี้ ได้พยายามโต้แย้งกับชุดจับกุมและนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ตลอดเวลา รวมทั้งพยายามบอกให้ชุดจับกุมเชิญนายอัจฉริยะ ออกจากห้องสอบสวน พร้อมทั้งพยายามที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ บอกว่า จะไปห้องขัง เนื่องจากชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาแล้ว

ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม บอกว่า คดีนี้ สืบเนื่องจากทางชมรมได้รับร้องเรียนจากผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงซื้อ-ขายที่ดิน 8 ล้านบาท ว่า มีการเรียกรับสินบน เพื่อช่วยเหลือทางคดี ให้พ้นผิด โดยผู้กระทำผิดแอบอ้างเป็นตำรวจ มารับทำสำนวนคดี ต่อมาจึงได้ประสานพาเข้าร้องเรียนกับพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. และตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เพื่อสืบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด จากนั้นตำรวจฝ่ายสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี จึงได้ร่วมกันกับตำรวจ ปปป. วางแผนล่อซื้อ และนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว

โดยนายอัจฉริยะ บอกว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม เพราะหากคดีถูกนำขึ้นสู่ศาล จะถือว่าเป็นสำนวนที่ไม่เป็นธรรม และทำให้ผู้ต้องหารอดพ้นจากการกระทำผิดได้

พันตำรวจเอกยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนนทบุรี เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะทำการสอบสวนพันตำรวจโทปรีชา ที่ตกเป็นผู้ต้องหา อย่างละเอียด เพื่อหาความเชื่อมโยงทางคดี ว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง นอกจากนี้ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรนนทบุรี ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตำรวจในสังกัดสภ.เมืองนนทบุรี ซึ่งรวมถึงร้อยตำรวจเอกธวัช ยั่งยืน เจ้าของสำนวนคดี ว่า มีส่วนร่วมในการกระทำผิดหรือไม่

ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก http://policenews.co.th 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- ไล่ออก! จนท.สสจ. กำแพงเพชร โกงค่าเสี่ยงภัยโควิด 12.7 ล้าน โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง
- แก๊งหวย 3 สาวรับแล้วสนิทกัน ปัดฮั้วโกง 6 ล้าน ทนาย "ชิดชนก" มีไม้เด็ดสู้ชิงสลากคืน (คลิป)
- พิษโควิดบีบสาวตกงานโดนโกงเป็นหนี้ พ่อติดเชื้อซ้ำ ทิ้งจ.ม.สั่งเสียก่อนผูกคอดับ (คลิป)

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ