เมื่อวันที่ 12 ส.ค.64 สำนักข่าวบีบีซี รายงาน แคว้นซิซิลี ของอิตาลี อุณหภูมิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 48.8 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจทำลายสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในยุโรป ที่เคยถูกบันทึกไว้ที่ 48 องศา ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อปี ค.ศ.1977
อุณหภูมิที่พุ่งสูงนี้ เป็นผลพวงมาจากคลื่นความร้อนซึ่งเกิดจาก แอนไทไซโคลน ชื่อว่า "ลูซิเฟอร์" จะเคลื่อนจากทวีปแอฟริกาพาดผ่านอิตาลี ส่งผลให้อุณหภูมิในหลายพื้นที่ของประเทศสูงขึ้น รวมถึงเมืองหลวงอย่างกรุงโรมด้วย
ทั้งนี้แอนไทไซโคลน เป็นปรากฏการณ์ของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสำนักงานอากาศแห่งชาติ (National Weather Service) ของสหรัฐอเมริกา นิยามว่า เป็น "ลมที่สัญจรเป็นวงกว้างรอบๆ บริเวณกลางความกดอากาศที่มีระดับสูง โดยหมุนเวียนขวาไปทางซีกโลกเหนือ แล้วหมุนเวียนซ้ายไปทางซีกโลกใต้"
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอิตาลี ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน เตือนให้ประชาชนระวังอันตรายทางสุขภาพจากคลื่นความร้อนนี้ด้วย
นอกจากนี้อิตาลี ยังต้องเผชิญเหตุไฟป่าจากคลื่นความร้อนดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ระบุว่า พบไฟป่าแล้วมากกว่า 300 จุดในเวลาเพียง 12 ชม.บริเวณแคว้นซิซิลีและแคว้นกาลาเบรีย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังดับไฟกันตลอดทั้งคืน โดยมีผู้เสียชีวิตจากไฟป่าแล้ว 2 รายในแคว้ากาลาเบรีย และ 1 รายในซิซิลี
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate change) ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อากาศร้อนและแห้งมากขึ้น ซึ่งเป็นสภาพอากาศที่ทำให้ไฟป่าลุกลามได้อย่างรวดเร็ว โดยพบว่าอุณภูมิของโลกสูงขึ้นราว 1.2 องศา นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องหากประเทศทั่วโลกไม่ดำเนินนโยบายเพื่อลดการปล่อยเรือนกระจก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คลื่นความร้อน ถล่มแคนาดา อุณหภูมิพุ่ง 49.5 องศา ดับแล้วนับร้อย
- คลื่นความร้อน โจมตีสหรัฐฯ คาดอุณหภูมิพุ่งสูง 49 องศา แหล่งน้ำแห้งขอด-ปชช.แห่คลายร้อน
- ไฟป่ากรีซ ลามหนัก ย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงฉาน อพยพคนหนีต่อเนื่อง