เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ควนเนียง ได้รับแจ้งเหตุพบศพบุคคลเป็นชายไม่ทราบชื่อ และนามสกุล นอนเสียชีวิตในคูน้ำ พื้นที่ ม.10 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา
ตำรวจ ชป.2 กก.สส.2 ร่วม สภ.ควนเนียง, ศพฐ 9, แพทย์ รพ.ควนเนียง ร่วมตรวจที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบ พบศพเพศชาย อายุประมาณ 30-35 ปี ศพมีสภาพเน่าเปื่อยไม่สามารถระบุใบหน้าได้ มีตำหนิรูปพรรณ รอยสักรูปดอกไม้ บริเวณต้นขาด้านขวาแ ละข้อเท้าด้านซ้าย ไม่พบเอกสารติดตัว คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 15-20 วัน ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ และการถูกทำร้ายร่างกาย
พบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง สีดำ จำนวน 1 เครื่ง รองเท้าแตะ สีขาว จำนวน 1 คู่ จึงได้นำศพผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อตรวจยืนยันตัวบุคคล และสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป เบื้องต้น จากการสอบถามผู้นำท้องถิ่น และบุคคลในหมู่บ้านและบริเวณรอบใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ทราบว่าไม่มีบุคคลสูญหาย สภ.ควนเนียง ยังไม่ได้รับแจ้งบุคคลหายในพื้นที่
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาจากการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์มือถือที่พบในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้ตายคือ นายปฐมพร ดิสสระ อายุ 26 ปี เป็นคนภูมิลำเนาใกล้กับที่เกิดเหตุ และมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว
นางปณิดา ดิสสระ อายุ 50 ปี แม่ของผู้ตาย บอกว่า ลูกชายมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัวชนให้กับนายธีรพงศ์ หรือ บอย หนูแทน โดยคอกวัวอยู่ที่ ม.7 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง และได้เช่าบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับคอกวัวดังกล่าว ก่อนพบศพตนได้โทรศัพท์ติดต่อกับลูกชายครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 2 ส.ค.64 เวลาประมาณ 08.00 น. ให้ลูกชายกลับมาเอาข้าวที่ทำไว้ให้ ลูกชายได้พูดคำสุดท้ายกับตนว่า "เดี๋ยวผมจะต้องเข้าไปนอนที่ขนำในป่านะแม่ ถ้าผมรู้ว่าขยำอยู่ที่ไหนจะโทรบอกแม่ให้เอาที่นอนไปให้"
หลังจากนั้นลูกชายก็ขาดการติดต่อไป ซึ่งตนได้โทรติดต่อหาลูกชายหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนทราบว่าพบศพลูกชายนอนตายในคูน้ำใกล้บ้าน ก่อนหน้านี้ถ้าหากลูกชายจะออกจากบ้าน ก็จะโทรติดต่อกันตลอด และไม่เคยหายไปแบบนี้ ยอมรับว่าลูกชายเสพยาเสพติด แต่ก็มีร่างกายแข็งแรง ไม่เคยมีเรื่องกับใคร เป็นไปไม่ได้ว่าลูกชายจะไปนอนตายแบบนี้
ซึ่งเมื่อวานนี้ ตนได้ไปยืนยันตัวตนแล้วว่าศพที่พบเป็นศพของลูกชาย เพราะจำรอยสักของลูกชายได้ วันนี้จะรับศพลูกชายมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดควนเนียง เชื่อว่าลูกชายถูกฆ่าแล้วเอาศพไปทิ้งเพื่ออำพรางคดี
ทีมข่าวได้เดินทางต่อไปที่คอกวัวของนายบอย ที่ผู้ตายรับจ้างเลี้ยงวัว น.ส.จันจิรา ทองสะอาด อายุ 38 ปี ภรรยาเจ้าของคอกวัว บอกว่า วันนี้เมื่อช่วงเช้าตำรวจได้เชิญตัวไปสอบปากคำแล้วที่โรงพัก สอบปากคำเรื่องไทม์ไลน์เวลาของนายปฐมพร
ที่เข้า-ออกที่คอกวัวของสามี ตนก็บอกกับตำรวจไปแล้วว่าเจอนายปฐมพรที่คอกวัวครั้งสุดท้าย 3 ส.ค. เวลาประมาณ 16.00 น. นายปฐมพรไม่ได้มาเลี้ยงวัวที่นี่ประจำ ตั้งแต่โควิดระบาด สามีก็ได้เลิกจ้างให้คนมาเลี้ยงวัว เพราะว่าขาดรายได้ไม่มีเงินจ้าง ตอนนี้เลี้ยงกันเองในครอบครัว
ส่วนประเด็นที่บอกว่าทางคอกวัว ลูกน้องหายไปทำไม ไม่มีการตามหา หรือไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้าน ยอมรับว่าไม่ได้คิดว่านายปฐมพร จะหายตัวไปแล้วไปตาย คิดว่าเขาคงจะไปเลี้ยงวัวที่อื่น แล้วอีกอย่างคนหายไปทั้งคน ทำไมทางครอบครัวเขาถึงไม่ออกมาตามหา
สำหรับเรื่องเสพยาก็รู้ว่านายปฐมพรเสพยามาก่อนที่จะมาเลี้ยงวัวที่นี่อยู่แล้ว แต่นายปฐมพรถึงจะเสพยาแต่เขาก็ไม่เคยมีปัญหากับคนเลี้ยงวัวด้วยกัน ซึ่งพอรู้ว่ามีคนไปพบศพนายปฐมพรนอนตายอยู่ในคูน้ำก็รู้สึกตกใจ เพราะที่ผ่านมาสามีก็เอ็นดูนายปฐมพรมาโดยตลอด ถึงจะเลิกจ้างไปแล้ว เวลานายปฐมพรไม่มีเงิน สามีก็ให้เงินไปใช้ตลอด
ด้านนายประดิษฐ์ บุญฤทธิ์ อายุ 59 ปี ชาวสวนที่ทำสวนอยู่ใกล้กับจุดพบศพ บอกว่า ก่อนจะพบศพ ตนขี่รถผ่านได้กลิ่นเหม็นเน่า ตรงจุดนี้มาเป็นสัปดาห์แล้ว แต่ไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นกลิ่นเหม็นของศพหมา ชาวบ้านแถวนี้ก็ได้กลิ่นกันหลายคน แต่ไม่ได้มีใครสนใจ เพราะหมามาตายแถวนี้เป็นประจำ
ส่วนตัวเชื่อว่านายปฐมพรไม่ได้เดินมาตายเอง น่าจะตายมาจากที่อื่น แล้วมีคนเอาศพมาทิ้ง เพราะว่าช่วงเวลาที่นายปฐมพรหายตัวไปพื้นที่นี้ไม่มีอะไรผิดปกติ
ส่วนเฟซบุ๊กของผู้ตาย มีการโพสต์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการแชร์แอปพลิเคชั่นติ๊กตอก และมีการเปลี่ยนหน้าปกโพรไฟล์เฟซบุ๊ก ในวันที่ 31 ก.ค. 64
ส่วนเรื่องทางคดีขณะนี้ทางตำรวจยังคงแกะรอยตามกล้องวงจรปิดในพื้นที่ และยังไม่ตัดประเด็นไหนทิ้ง ซึ่งทางตำรวจมุ่งเป้าไปที่การฆาตกรรมแล้วจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่จุดพบศพดังกล่าว