จากกรณี สภ.แกลง จ.ระยอง รับแจ้งมีเหตุมียิงกันและมีผู้บาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดบริเวณห้องเช่าหลังคาแดง หมู่ 2 ต.ทุ่งควายกิน ผู้บาดเจ็บคือ นายวินัย เพียรดี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดกระสุนเข้าที่บริเวณราวนมขวาอาการสาหัส และนำส่งโรงพยาบาลแกลง
ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุเดินกลับเข้าบ้าน ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากนั้นตำรวจจึงไปบ้านเช่า ซึ่งคนร้ายพักอาศัยอยู่ และตัดกุญแจประตูบ้านเข้าไปตรวจค้นหาหลักฐาน พบโทรศัพท์มือถือของคนร้าย สมุดเล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ ทำให้ทราบว่าผู้ก่อเหตุ ชื่อ นายจักรธน ณัฏภัควดี อายุ 47 ปี
วัที่ 13 ส.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ฟ้องเช่าหลังคาแดง หมู่ 2 ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง โดยในที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้านของกลุ่มเด็กชายเก่ง คู่กรณีกับผู้ก่อเหตุ เมื่อคืนนี้กลุ่มผู้ปกครอง และเพื่อนบ้านกำลังนั่งสังสรรค์กันอยู่ที่หน้าบ้านบริเวณม้าหินอ่อน ส่วนบ้านของผู้ก่อเหตุ อยู่ท้ายซอยห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ประตูบ้านดังกล่าวล็อกไว้
นายสาโรจน์ เที่ยงขุน อายุ 43 ปี เพื่อนในวงเหล้า เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 19.00 น. ตนกำลังนั่งสังสรรค์ และดื่มเหล้ากันอยู่ตรงม้าหินอ่อน หน้าบ้านเด็กคู่กรณีกับผู้ก่อเหตุ ขณะนั้นผู้ก่อเหตุได้เดินมาจากท้ายซอย และเดินตามกลุ่มเด็กที่มีการปั่นจักรยานขวางรถของคนก่อเหตุมาก่อนหน้านี้ พร้อมกับถืออาวุธปืนมาด้วย
จากนั้นได้เข้ามาตะโกนถามกลุ่มเด็กที่เดินตามมาว่าใครด่าพ่อแม่เขา นายวินัยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตนจึงลุกขึ้นไปบอกว่า "ใจเย็นก่อน ค่อย ๆ คุยกัน" ผู้ก่อเหตุได้คว้าปืนยิงทันที โดยที่ไม่ได้ถามอะไร ยิงเสร็จก็วิ่งหนีกลับไปเอารถจักรยานยนต์ที่บ้าน และหลบหนีไป
ก่อนที่จะเกิดเหตุน่าจะมีเรื่องกับกลุ่มเด็ก ๆ มาก่อน แต่ตนไม่ทราบว่า มีปัญหาอะไรกัน เพราะไม่เห็นตอนที่ตะโกนด่ากัน แต่เท่าที่ทราบ เด็ก ๆ ได้ด่าถึงพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุจริง และเคยอยู่บ้านตรงข้ามกันมาก่อน อาจจะมีปัญหากันมานานแล้ว ส่วนตัวอยู่บ้านบ้านที่เกิดเหตุ และเพิ่งจะย้ายมาอยู่ สำหรับผู้ก่อเหตุ ตนไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่เคยเห็นขี่รถผ่าน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่งจะรู้จักเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนยังรู้สึกตกใจอยู่ เพราะอุกอาจมาก และถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้จับได้โดยเร็วเร็ว
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 คน เป็นเด็กผู้หญิง 3 คน เด็กผู้ชาย 3 คน และผู้ใหญ่อีก 3 คน ขณะที่ทีมข่าวทางผู้ใหญ่ ผู้ปกครองไม่อยู่ ระหว่างที่ลงพื้นที่พบว่ากลุ่มเด็กคู่กรณีอายุประมาณ 12 ปี ได้ถือปืนอัดลม และนำมายิงเล่น ซึ่งปืนกระบอกนี้เพิ่งจะซื้อมาเมื่อเช้านี้หลังจากเกิดเหตุ
นางสาวปณิตตา งามเสงี่ยม อายุ 16 ปี พี่สาวของกลุ่มเด็กคู่กรณี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 19.00 น. ตนไปเดินคุยโทรศัพท์แถวท้ายซอย และน้องชายของตน อายุประมาณ 12 ปี กับเด็ก ๆ รวม 3 คน ได้ขี่รถจักรยานตามไปด้วย และได้มีการยกล้อกัน ซึ่งผู้ก่อเหตุกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพอดี และรถของน้องชายได้เข้าไปขวาง ผู้ก่อเหตุเลยตะโกน "เฮ้ย" ก่อนจะขี่รถเข้าไปบ้านไป
จากนั้นได้เดินตามมาที่บ้านของตน พร้อมกับถือปืนมาด้วย และตะโกนถามว่า "เด็กคนไหนด่ากูว่าเ-ี้ย อย่ามาด่าพ่อแม่" ก่อนจะใช้ปืนจ่อหัวน้องชายของตน เพื่อนของแม่ที่นั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าบ้านได้เข้ามาดึงกลุ่มเด็ก ๆ กลับเข้าไปในบ้าน ส่วนนายวินัย ผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมานั่งดื่มเหล้าที่บ้าน ได้เข้ามาบอกว่า "ใจเย็น ๆ มีอะไรค่อยคุยกัน" แต่ผู้ก่อเหตุคว้าปืนขึ้นยิงใส่ ลักษณะเหมือนยิงไปเรื่อย แบบไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นผู้ก่อเหตุได้วิ่งกลับไปที่บ้าน ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางเขาดิน ผู้ก่อเหตุเป็นคนสติไม่ดี เหมือนกินยาควบคุมอารมณ์อยู่ แต่ไม่เคยเห็นว่ามีปืน สำหรับสภาพจิตใจของเด็ก ๆ ปกติ เพราะไม่ได้กลัว และยังซ่าเหมือนเดิม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนกลัวว่าผู้ก่อเหตุจะกลับมายิงน้องชาย อายุ 12 ปีอีก เพราะผู้ก่อเหตุเกลียดน้องชายของตนอยู่แล้ว เนื่องจากเมื่อก่อนตอนที่น้องชายของตนไปเล่นหน้าบ้าน ผู้ก่อเหตุมักจะตะโกนบอกว่า "เฮ้ย เบา ๆ หน่อย" ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้จับโดยเร็ว เพราะกลัวว่าจะกลับมาเอาคืนอีก
นายเพลิน กุดรังนอก อายุ 57 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ 2 ปี และอยู่คนเดียว ไม่มีญาติพี่น้อง และไม่เคยเห็นว่ามีใครมาหา อีกทั้งไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ส่วนใหญ่จะคุยกับกลุ่มของตน เวลาคุยกับตน และผู้ใหญ่คนอื่น ๆ พูดคุยดี และนอบน้อมดี โดยผู้ก่อเหตุทำอาชีพซื้อที่ดินและซื้อบ้านเพื่อนำมาทำรีโนเวตขายต่อ เมื่อก่อนดื่มเหล้าบ่อย แต่ช่วงหลั งๆ ไม่ค่อยกินแล้ว เพราะมีโรคประจำตัว โรคความดัน
ทั้งนี้ ตนไม่เห็นตอนที่ก่อเหตุ แต่หลังจากก่อเหตุกลับมาเอารถจักรยานยนต์แล้วหลบหนีออกไป จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ย้อนกลับมา ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กคู่กรณี เพราะเด็กมีนิสัยก้าวร้าว และแก่แดด วันที่เกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานขวาง และมีการด่าทอผู้ใหญ่ รวมถึงไปด่าพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุ