วันที่ 14 ส.ค. 64 พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์ รอง ผกก. หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันวางแผนล่อซื้อยาเสพติด จากเครือข่ายแก๊งค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ หลังได้มีการนัดติดต่อกับสายลับ ว่าจะส่งมอบยากันที่บริเวณริมถนนสาย อ.คูเมือง -อ.ลำปลายมาศ ต.คูเมือง อ.คูเมือง
เมื่อถึงเวลานัดหมาย พบรถยนต์กระบะต้องสงสัย เป็นรถยนต์กระบะชนิดแคป ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน บร 4406 บุรีรัมย์ จอดข้างทางใกล้กับป้ายบอกทาง อ.คูเมือง 7 กม. และมีคนที่นั่งข้างคนขับได้ลงจากรถ เดินไปที่บริเวณโคนเสาป้ายบอกทาง ก่อนจะรีบขึ้นรถ จากนั้นตำรวจที่ดักซุ่มอยู่ที่เห็นเหตุการณ์ แจ้งให้ชุดที่เหลือเข้าตรวจสอบ รถยนต์คันดังกล่าวได้พยายามขับรถหลบหนี ขับถอยหลังพุ่งชนรถของตำรวจพังเสียหาย ก่อนจะขับพุ่งชนรถของตำรวจอีกคันที่ดักขวางหน้า ฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ออกไป รถตำรวจเสียหายหลายคัน
ตำรวจต้องยิงล้อรถสกัดจับจนยางรถแตก และไม่สามารถไปต่อได้ เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาชาย 2 คนคือ นายภาณุวัฒน์ หรือ ชีพ สดใส อายุ 29 ปี ชาว ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เป็นคนขับรถ โดยมีนายรัฐพล ขุนรองรัมย์ อายุ 29 ปี ชาว ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นพนักงานเร่งนัดหนี้สินของบริษัทไฟแนนซ์ นั่งอยู่เบาะข้างคนขับนั้น
โดยผู้ต้องหาอ้างว่ายาบ้ารวม 6,510 เม็ด เป็นของฝ่ายพี่ชาย และไปตรวจเจอยาบ้าที่บ้านของผู้ต้องหาอีกจำนวน 6,510 เม็ด
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของ นายภาณุวัฒน์ หรือ ชีพ สดใส อายุ 29 ปี น้องชาย และนายนราธิป สดใส หรือ แชมป์ พี่ชาย ชาว ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
พ่อและแม่ของนายแชมป์และนายชีพ ไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ เนื่องจากยังอยู่ในอาการที่โศกเศร้าเสียใจ ที่ลูกชายทั้ง 2 คน ถูกจับกุมตัวไปพร้อมกัน นางสาวฝน (นามสมมติ) ภรรยาของนายชีพ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่งเครือว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 64 นายชีพ สามีตัวเองได้บอกตัวเองว่าจะไปหาปลากับเพื่อน กระทั่งวันที่ 12 ส.ค. ตัวเองได้ทราบข่าวว่าสามีถูกตำรวจจับกุมในคดียาเสพติด
ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ 13 ส.ค. 64 ตัวเองได้ไปเยี่ยมสามีที่โรงพัก สามีบอกกับตัวเองว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นครั้งแรก และสามีไม่ได้ตั้งใจจะไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ทำไปเพราะถูกนายแชมป์ พี่ชายบังคับให้ไปส่งยา ยืนยันว่าก่อนหน้านี้สามีไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน สามีเป็นคนนิ่งเงียบ ไม่เคยมีเรื่องกับใคร
ส่วนนายแชมป์ พี่ของสามีตัวเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดตอนไหน พ่อแม่ก็ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าลูกชายเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตอนนี้พ่อและแม่ของสามีก็อยู่ในอาการที่เสียใจ ร้องไห้ตลอดเวลา และตัวเองก็ต้องมาดูแลพ่อแม่ของสามีในระยะนี้ เนื่องจากก่อนนายชีพจะถูกนำตัวส่งฝากขัง สามีได้ฝากให้ตัวเองดูพ่อและแม่ของเขา ให้ตัวเองรอเขา เดี๋ยวเขาจะกลับมาหา