เมื่อวันที่ 15 ส.ค.64 เวลา 20.10 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานบรรยากาศบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง สถานการณ์ยังคงตรึงเครียด เพราะเจ้าหน้าที่พยายามจะกระชับพื้นที่โดยรอบของผู้ชุมนุม เพื่อจำกัดวงให้แคบมากที่สุด และสาดไฟเข้าไปที่บริเวณสะพานและพื้นที่สูง ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนวิ่งเข้าไปหลบอยู่ภายในซอกซอยต่าง ๆ ขณะเดียวกันจะมีเสียงดังคล้ายพลุไฟดังอยู่เป็นระยะ ๆ ส่วนบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ก็ปิดเงียบตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในช่วงเย็นที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ได้ประกาศผ่านคลับเฮาส์ว่า กลุ่มดังกล่าวไม่ใช่กลุ่มคาร์ปาร์กของวันนี้ #ม็อบ15สิงหา และยืนยันว่าไม่ใช่กลุ่มของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง อีกด้วย เนื่องจากได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบไปแล้วว่า ในวันนี้จะไม่นำมวลชนเคลื่อนผ่านบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเด็ดขาด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินเป็นหน้ากระดานของทั้ง 2 ฝั่งของถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อโอบล้อมพื้นที่ของผู้ชุมนุม และขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนทุกสำนักที่ปักหลังรายงานข่าวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เวลา 17.30 น. ที่แยกดินแดงฝั่งมุ่งหน้าไป กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 1 กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ได้รวมตัวกันขว้างปาสิ่งของขึ้นไปบนทางด่วน และตู้คอนเทนเนอร์ ที่ตั้งขวางบนถนนวิภาวดีรังสิต นอกจากนี้ ยังมีเสียงประทัดยักษ์ และพลุไฟดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนเวลา 17.45 น. เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนรถจีโน่ 1 คัน ขึ้นไปบนทางด่วน และฉีดน้ำผสมสารเคมีลงมาด้านล่าง ทำให้ผู้ชุมนุมแตกกระจายไปคนละทิศทาง
เวลาประมาณ 18.05 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำลายกล้องวงจรปิด รวมถึงจุดไฟทำลายป้อมตำรวจที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว ขณะที่ตามกำแพง และสะพานลอย มีการเขียนข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง
จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เวลา 18.06 น. นายณัฐวุฒิ ได้เดินทางมาถึงแยกราชปรารภ ขอร้องให้ผู้ชุมนุมถอยกลับ โดยให้เหตุผลว่าอาสาจะไปเจรจากับตำรวจเอง เพราะกิจกรรมได้เสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ยังมีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง ต้องการที่จะเดินทางมาบริเวณสามเหลี่ยมแยกดินแดง โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า "ขอให้เก็บชัยชนะวันนี้เอาไว้ก่อน และขอให้แยกย้ายกลับบ้าน ผมเจ็บอย่างที่พี่น้องเจ็บ วันนี้ทำให้ทุกคนเห็นแล้ว อยากเห็นทุกคนชวนเพื่อนกลับไปฉลองชัยชนะกับครอบครัว"
เมื่อนายณัฐวุฒิ ได้เดินทางมาถึงแยกดินแดง จึงพยายามที่จะเจรจาให้ผู้ชุมนุมยุติการปะทะกับเจ้าหน้าที่ และยืนยันว่า ในวันนี้ไม่ได้นัดทำกิจกรรมที่จุดนี้ “ผมขอให้พี่น้องแนวหน้าถอยออกมารวมกัน มาตั้งหลัก” และประกาศให้ผู้ชุมถอยร่นกลับทางฝั่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เวลาประมาณ 19.40 น. ผู้ชุมนุมบางส่วนจึงเริ่มทะยอยกลับ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงตรึงกำลัง กระทั่งเวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่พยายามที่จะเข้าไปในซอยต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ชุมนุมหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ ผู้ชุมนุมก็ได้ถอยร่นออกไปถึงบริเวณหน้าแฟลตดินแดง
นอกจากนี้ ไทม์ไลน์ตั้งแต่ช่วงบ่าย ๆ เวลา 13.00 น. #ม็อบ15สิงหา ได้รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณด้านหน้าร้านเเม็คโดนัลด์ มาพร้อมกับยานพาหนะส่วนตัว มีทั้งรถยนต์ เเละรถจักรยานยนต์ จากการสังเกตพบว่าผู้เข้าร่วมชุมนุมมีคนหลากหลายช่วงอายุ
ดังนั้นทางกลุ่มผู้ชุมนุม จึงเเจกสายรัดข้อมือ 2 สี เพื่อจำแนกกลุ่มอายุของผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยสีชมพูคือเยาวชน อายุระหว่าง 15-18 ปี และสีส้มคือเด็กอายุยังไม่ถึง 15 ปี โดยจะให้เด็กเเต่ละคนเขียนเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครองไว้ที่สายรัดข้อมือด้วย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด บุคคลที่อยู่ใกล้เคียงจะให้ความช่วยเหลือได้ทันที
ขณะที่เวลา 13.30 น. พบว่านายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้าการ์ดวีโว่ ได้เดินทางมายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กล่าวสั้น ๆ ว่าวันนี้ไม่ได้มาร่วมชุมนุม แต่มาให้กำลังใจเเละร่วมส่งขบวน เพราะยังติดเงื่อนไขคำสั่งของศาล จากนั้นเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มตั้งขบวน โดยหัวขบวนอยู่บริเวณเเยกคอกวัว
เวลา 15.00 น. มวลชนพากันเคลื่อนขบวนออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปตามถนนราชดำเนินกลาง ข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อเข้าสู่ถนนบรมราชชนนี แล้วกลับรถบริเวณสายใต้ใหม่ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ ก่อนกลับรถใต้สะพานพระราม 7 มุ่งหน้าไปตามถนนจรัญสนิทวงศ์ เข้าสู่ถนนบรมราชชนนี ก่อนเวลา 17.20 น. จะมุ่งหน้ากลับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
โดยมีการปราศรัยตลอดเส้นทาง เนื้อหาหลักเป็นการโจมตีรัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องให้ลาออกจากตำเเหน่งนายกยกรัฐมนตรี ทั้งนี้ตลอดเส้นทางพบว่ามีประชาชนตลอดข้างทาง ต่างโบกมือให้ เเละชูสามนิ้ว เพื่อให้การต้อนรับ
ขณะที่ บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช. นัดชุมนุม car park เวลา 14.00 น. ผู้ชุมนุมทยอยขับรถ ทั้งจักรยานยนต์และรถยนต์ เข้ามาตั้งแถวตั้งแต่แยกราชประสงค์ ยาวไปจนถึงแยกประตูน้ำ ระยะทางประมาณ 700 เมตร
โดยมีการจัดขบวนให้รถจักรยานยนต์อยู่ด้านหน้า รถยนต์ขับตามด้านหลัง ประดับสัญลักษณ์ เช่น ธงสีแดง และติดสติ๊กเกอร์ที่รถ เขียนข้อความ “ประยุทธ์ออกไป”
เวลา 14.30 น. นายณัฐวุฒิ ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เดินทางมาถึงแยกราชประสงค์ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 เส้นทาง เนื่องจากมีความกังวลว่า จะมีการสร้างสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ จึงได้เลี่ยงเส้นทางที่มีความเปราะบางทั้งหมด เมื่อผ่านโรงพยาบาลขอให้งดบีบแตร
หลังจากนี้ จะทำความเข้าใจกับมวลชนให้ยึดแนวนางสันติวิธี ไม่เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ โดยขอความร่วมมือให้แยกย้ายกันกลับบ้านหลังยุติการชุมนุมในเวลา 18.00 น. เรียกร้องไปยังทุกกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว ให้ยึดแนวทาวสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง หากวันนี้ชุมนุมยุติด้วยความสงบ ตนเชื่อว่าจะสามารถขยายมวลชนได้
เวลา 15.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนรถ ซึ่งมีนายณัฐวุฒิ ยืนบนเกาะกลางชู 3 นิ้ว โบกให้รถเคลื่อนตัวไปก่อน เมื่อถึงท้ายขบวนนายณัฐวุฒิ ได้เดินไปขึ้นรถกระบะ ก่อนขับออกไป โดยระบุว่าจะต้องไปดูหลาย ๆ จุด
โดยผู้ชุมนุมเคลื่อนรถมุ่งหน้าถนนราชดำริ เลี้ยวซ้ายแยกศาลาแดงเข้าถนนพระราม 4 ผ่านแยกคลองเตยเข้าพระโขนง เลี้ยวซ้ายแยกคลองตัน เข้าถนนเพชรบุรี เลี้ยวซ้ายแยกประตูน้ำวนกลับมาแยกราชประสงค์ ซึ่งตลอดเส้นทางมีการบีบแตร ชู 3 นิ้ว โบกธงสีแดง เพื่อแสดงสัญลักษณ์การชุมนุม โดย 2 ข้างทางมีประชาชนยืนชู 3 นิ้ว โบกไม้โบกมือจำนวนมาก กลุ่มผู้ชุมนุมหัวขบวนมาถึงแยกราชประสงค์ในเวลาประมาณ 16.00 น. บางส่วนขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวขวาต่อไปที่เส้นถนนพระราม 1 และวนกลับมาแยกราชประสงค์อีกครั้ง
โดยการชุมนุมในวันนี้ นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า อายุ 67 ปี ซึ่งถูกจับกุมในวันที่ 11 ส.ค.64 ในการชุมนุมกลุ่มทะลุฟ้า ได้มาร่วมกิจกรรมด้วย นอกจากนี้ ยังมีพระสงฆ์ที่เข้ามาร่วมชุมนุมอีกด้วย
อย่างไรก็ดี เฟซบุ๊ก Panusaya Sithijirawattanakul ของ “รุ้ง-ปนัสยา” แกนนำกลุ่มราษฎร ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ด่วน!! ลูกนัทตาบอด หลังโดนเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าที่บริเวณดวงตาเมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมา” หลังจากก็มีผู้แชร์ข้อความดังกล่าวต่อเป็นจำนวนมาก