จากกรณีนายประกอบ รัตนดี พ่อของนายถนอมศักดิ์ รัตนดี หรือ แว ผู้เสียหาย ร้องศูนย์ดำรงธรรม วันที่ 20 ก.ย. 61 เวลา 18.30 น. ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจดอนฉิมพลี กระทำการเกินกว่าเหตุ โดยใช้อาวุธปืนยิงลูกชายที่ป่วยทางสมอง ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีการห้ามแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟัง (อ่าน :
พ่อชี้ ตร.เจตนาฆ่าลูกพิการสมอง – ผกก.โต้ โทรขอช่วยสยบเมา เจอคลั่งอีโต้แทง เลยยิงระงับ)
วันที่ 30 ก.ย. 61 ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา
นายประกอบ รัตนดี พ่อของนายถนอมศักดิ์ เปิดเผยว่า อาการลูกชายล่าสุดวันนี้ ยังไม่สามารถทานข้าวได้ แต่จิบน้ำได้เพียงเล็กน้อย และยังไม่สามารถเดินได้ เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ประมาณ 11 วันแล้ว ในวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเยี่ยมอาการของลูกชายด้วย พร้อมกับฝากเงินไว้กับพยาบาล 2,000 บาท แต่ยังไม่ได้คุยกันว่าจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะว่าวันนั้นตนไม่อยู่ เพียงแค่เจรจาว่าจะให้เงินทำขวัญ 20,000 บาท แต่ตนไม่ยอม แล้วถามกลับไปยังเจ้าหน้าที่ว่า "ถ้าลูกคุณโดนแบบนี้ คุณจะยอมไหม" ส่วนเรื่องค่ารักษา ตอนนี้ยังใช้สิทธิคนพิการในการรักษาอยู่
นอกจากนี้ ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกมาชี้แจงว่า ทำไมถึงต้องยิงลูกตนทั้ง ๆ ที่ตนบอกให้หยุดแล้ว ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ ตนคิดว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ทั้งนี้ นายประกอบยังเปิดเแผลบริเวณนิ้วโป้งขวามือให้ดู โดยบอกว่าหลังจากที่หมอเย็บไป 6 เข็ม ตอนนี้ได้เอาด้ายออกแล้ว และตัดหนังส่วนที่เสียทิ้งไป ตอนนี้แผลเริ่มแห้งแล้ว และได้เอาผ้าพันแผลออกแล้วด้วย
นายประกอบ กล่าวว่า ส่วนเรื่องมีด ตอนนี้การชี้แจงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวยังไม่ตรงกัน ตนยืนยันว่า ช่วงที่ตำรวจเข้าไปถึงบ้าน ลูกตนไม่ได้ถือมีด เพราะก่อนที่ตำรวจจะเข้าไปที่บ้าน ตนและพ่อบุญธรรมอีกคน ได้ขอมีดจากลูกชายออกมาแล้ว จากนั้น ก็เอามาวางไว้ที่เขียง พอตำรวจมาถึงก็ถามว่า "คนไหน" ซึ่งตนก็บอกกับตำรวจไปว่าลูกชายนอนแล้ว แต่ตำรวจนอกเครื่องแบบกลับวิ่งไปที่ที่นอนของลูกชาย แล้วพยายามปลดมุ้งออก ทำให้ลูกชายตกใจตื่น พยายามวิ่งมาหาตน แต่ตำรวจคิดว่าลูกชายจะทำร้าย ลูกชายตนจึงวิ่งออกมาด้านนอก แล้วล้มไปชนเขียงที่วางมีดอยู่ ทำให้มีดตกลงพื้น
จากนั้นไม่นาน มีคำสั่งจากตำรวจอีก 2 คน บอกว่า "ยิงมัน" ตนจึงเข้าไปห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับยกมือขึ้นทั้ง 2 ข้าง แต่ตำรวจไม่ฟัง ทำให้กระสุนโดนนิ้วโป้งมือขวา 1 นัด เป็นแผล โดยตนขอยืนยันว่า ลูกชายไม่ได้ถือมีดแน่นอน และยืนยันว่าตำรวจยิง 3 นัด นัดแรกโดนมือตน จากนั้นก็ไปโดนผนังบ้าน ส่วนนัดที่ 2 และ 3 โดนตัวลูกชาย ที่บริเวณท้องมีแผล 3 จุด ปิดผ้าก๊อซอยู่
จากนั้น นายประกอบ พาทีมข่าวขึ้นไปพบกับนายถนอมศักดิ์ รัตนดี ผู้เสียหาย สีหน้าของนายถนอมศักดิ์ ไม่โทรมเหมือนวันแรกที่ผ่านมา อาการดีขึ้นตามลำดับ โดยแพทย์จัดยากันชักและยาระงับประสาทให้ โดยทานอย่างละ 1 เม็ด 2 เวลา เช้าและบ่าย
จากนั้น ทีมข่าวลงพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้าง โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
นายแกะ (นามสมมติ) คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า วันเกิดเหตุตนเป็นคนกล่อมนายถนอมศักดิ์ให้นอนด้วยตัวเอง ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง เมื่อตำรวจมาถึงก็วิ่งพุ่งเข้าไปที่มุ้งของนายถนอมศักดิ์ทันที และพยายามปลุก จากนั้นนายถนอมศักดิ์ก็เกิดอาการตกใจ และพยายามวิ่งออกมาหาพ่อ แต่ตำรวจคิดว่าจะต่อสู้ จึงใช้ปืนลั่นไกใส่ โดยยืนยันว่าเสียงปืนที่ยิงออกมานั้น 3 นัด ไม่ใช่ 2 นัด ตามที่ตำรวจอ้าง และยืนยันว่านายถนอมศักดิ์ไม่ได้ถือมีด
นายโรจน์ (นามสมมติ) คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า วันเกิดเหตุตนอาบน้ำอยู่ด้านหน้าอาคาร แต่จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังอาคาร ขณะนั้นมีรถตำรวจขับเข้ามา แล้วถามตนว่า "มัน (นายถนอมศักดิ์) อยู่ไหน" ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง จากนั้นตนก็บอกตำรวจกลับไปว่า "เขานอนแล้ว อย่าไปทำอะไรเขานะ เขาสติไม่ดี" แต่ตำรวจไม่ฟัง แล้ววิ่งไปหลังอาคาร ไม่นานตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด จากนั้นก็รีบวิ่งไปดู ปรากฏว่าเห็นนายถนอมศักดิ์ถูกใส่กุญแจมือนอนจมกองเลือดอยู่ สำหรับตนคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่ทำเกินกว่าเหตุ เพราะปกติแล้วนายถนอมศักดิ์ไม่เคยทำร้ายใคร ถึงจะไม่ได้กินยา ก็ไม่เคยทำร้ายใคร อย่างมากก็แค่ด่า เพราะแรงจะเดินยังไม่มี ส่วนเรื่องมีด ตนก็ยืนยันได้ว่าไม่ได้ถือ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉิมพลี ยืนยันว่า เรื่องปืนยิงไปแค่ 2 นัด ส่วนเรื่องมีด ผู้เสียหายได้นำมีดไปไว้ข้างตัวใกล้กับที่นอนก่อนจะเกิดเรื่อง ส่วนความคืบหน้าคดี ตอนนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอ และได้เรียกตำรวจทั้ง 4 นาย มาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ต้องรออาการของนายถนอมศักดิ์ให้ดีขึ้น หลังจากนั้นก็จะเรียกมาสอบปากคำต่อไป ส่วนค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากสิทธิคนพิการ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอย่างเต็มที่ และดูแลให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
ด้าน
นายเราะมาน คล้อละมัย คนที่ได้ยินเสียงปืนในคืนเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ในคืนเกิดเหตุ ตนละหมาดอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงปืนประมาณ 3 นัด จึงรีบเดินมาดู พบว่าตำรวจหามร่างของนายแวไปขึ้นรถกระบะ โดยลักษณะการขนย้ายร่างนั้น ยกแบบหิ้วแขนขาทั้ง 4 ข้าง และไม่ให้พ่อของนายแวขึ้นรถไปด้วย แต่ตนก็เห็นว่าพ่อของนายแววิ่งตามรถตำรวจไป และขอขึ้นรถไปกับนายแวด้วย หลังจากตนได้ทราบเรื่อง ตนคิดว่าตำรวจนั้นทำเกินกว่าเหตุจริง และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่