จากกรณี วันที่ 18 ส.ค. 64 ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กก.ดส.บช.น. ร่วมเข้าจับกุมนายมาโนช กลิ่นพยอม อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม หลังก่อเหตุพาตัวนางสาวเจน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ออกจากบ้านพัก ย่านราษฎร์บูรณะหายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. 64 เวลา 11.18น. โดยสามารถจับกุมได้ที่หน้าบ้านใน ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นางสาวจิน (นามสมมติ) แม่ของนางสาวเจน แจ้งตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ให้ช่วยติดตามบุตรสาวที่หายออกจากบ้าน ครั้งสุดท้ายลูกสาวบอกว่า "จะออกไปซื้อของที่ปากซอยประชาอุทิศ 13" ก่อนจะหายตัวไป และไม่สามารถติดต่อได้ นอกจากนี้ได้แชร์ข้อมูลผ่านไลน์เพื่อเป็นอีกช่องทางในการติดตามตัวอีกด้วยนั้น
วันที่ 19 ส.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในวันที่ 13 ส.ค. 64 เวลา 11.17น. มีรถของนายมาโนช สวมใส่เสื้อสีขาวกางเกงขาสั้น สวมใส่หมวกกันน็อก ขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดรออยู่ข้างร้านซักรีด บริเวณปากซอยประชาอุทิศ 13 หลังจากนั้น นางสาวเจน ผู้เสียหาย เดินมาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดรอ สังเกตว่ามีการเตรียมสัมภาระและกระเป๋าเป้เดินทางมาด้วย จากนั้นขี่ออกจากซอยที่จอดรถไป
นางสาวจิน (นามสมมติ) อายุ 50 ปี แม่บุญธรรมของนางสาวเจน ให้ข้อมูลว่า หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น ลูกสาวยังอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมสวัสดิภาพเด็กและสตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการประเมินสภาพจิตใจ โดยที่ผ่านมายอมรับว่าลูกสาวเป็นคนตั้งใจเรียน มารยาทดี อ่อนน้อมถ่อมตน และประกอบกับช่วงโควิด-19 เรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน เห็นลูกสาวเรียนและใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนตามปกติ ระยะหลังพบว่าพฤติกรรมของลูกสาวเปลี่ยนไป เริ่มอารมณ์ฉุนเฉียว มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่ยอมให้คนในบ้านยุ่งเกี่ยวกับโทรศัพท์
จนกระทั่งวันที่ 13 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 11.18 น. ลูกสาวบอกคนที่บ้านว่าจะออกไปซื้อของบริเวณปากซอยประชาอุทิศ 13 หลังจากที่ลูกสาวออกจากบ้านไป ก็พบว่าหายเงียบ และไม่กลับเข้ามาบ้าน ตนเองจึงได้ออกตามหา และมีการโพสต์เฟซบุ๊กตามหาลูก จนกระทั่งไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันคนหาย และไปขอดูกล้องวงจรปิดของสำนักงานเขตก็พบว่าลูกสาวขึ้นรถของชายปริศนาที่จอดรออยู่บริเวณข้างร้านซักอบรีด และหายตัวไป ยอมรับว่าตกใจ เพราะคิดไม่ถึง ตนเองโทรประมาณ 20 กว่าครั้งก็ไม่รับสาย ตนทราบภายหลังว่าลูกสาวรู้จักกับชายคนดังกล่าวผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่
ทั้งนี้ แม้ว่าลูกสาวจะอ้างว่าเต็มใจไปกับนายมาโนช ตนเองก็ไม่เชื่อหรือปักใจเชื่อแบบนั้น เพราะคนอายุ 33 ปี จะพาเด็กอายุ 16 ปีออกจากบ้านถือเป็นเรื่องที่ยาก เชื่อว่ามีการล่อลวงหรือออกอุบายเพื่อให้เด็กตายใจ ไม่ว่าเด็กจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ก็คือการพรากผู้เยาว์ ตอนนี้สภาพจิตใจของลูกและตนเองค่อนข้างแย่ เพราะตนเองถูกลูกปฏิเสธ ไม่อยากให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้น อ้างว่าเกิดจากการเต็มใจ ลูกสาวขอให้ตนเองไม่ดำเนินคดีกับนายมาโนช แต่ตนเองต้องปกป้องลูก จะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของนายมาโนช ผู้ต้องหาในคดี ผู้ใดพรากผู้เยาว์กว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย
นางสาวอิง (นามสมมติ) อายุ 43 ปี พี่สาวของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปในวันเกิดเหตุ ตนเองเห็นว่านายมาโนช น้องชาย ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้าน ย้อนกลับเข้ามาช่วงบ่าย มีผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ตนเองก็ถามว่าเป็นใครมาจากไหน นายมาโนชบอกว่าไปรับน้องมาเที่ยว แต่ผ่านไปหลายวันตนเองก็ยังเห็นผู้เสียหายาศัยอยู่ที่บ้าน ไม่ยอมกลับ ตนเองก็สงสัยจึงได้สอบถามเจ้าตัวว่าทำไมถึงไม่กลับบ้าน เจ้าตัวก็บอกว่า ตอนนี้อายุ 19 ปี ตอนออกจากบ้านก็มีการขออนุญาตคนในบ้านแล้ว ตนเองก็ไม่คิดอะไร คิดว่าอาจจะเป็นแฟนใหม่ที่น้องชายคบหาอยู่
ระหว่างการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านในจังหวัดนครปฐม กลางวันน้องชายจะออกไปทำงานรับจ้าง ส่วนนางสาวเจนก็จะอยู่เล่นกับหลาน ๆ และลูกของน้องชาย เพราะน้องชายเคยมีแฟนแต่เลิกกัน 3 ปี มีลูกผู้หญิงด้วยกัน 1 คน อายุ 5 ขวบ ส่วนช่วงกลางคืนก็จะกลับมาอยู่อาศัยกันที่ในบ้านตามปกติ กินอยู่ก็จะนอนรวมกันบริเวณกลางบ้าน 4 คน ไม่ได้มีห้องแยก สังเกตเห็นว่าทุกคนนอนรวมกัน ก็ไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 18 ส.ค. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเคาะประตูหน้าบ้าน เชิญตัวนายมาโนชไปสอบปากคำ แล้วถูกดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม ครขอฝากเตือนคดีนี้เป็นเคสเตือนภัยสังคม การเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ หรือแม้แต่การพูดคุยสนทนาผ่านโลกออนไลน์ ก็อยากให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือมีเจตนาใดก็ตาม สุดท้ายเมื่อมีการพรากผู้เยาว์ก็ต้องถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย