วันที่ 20 ส.ค. 64 กรณีตำรวจ สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ควบคุมตัว 2 วัยรุ่น คือ นายพิษณุ นาคเถื่อน หรือ เล็ก อายุ 23 ปี และนายพุทธชัย หรือ เวฟ อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาลวงฆ่าโหดชิงรถ นายศุภเดช ช้อยสามนาค อายุ 37 ปี หนุ่มขับแกร็บคาร์ และนำศพฝังในป่าก่อนขับรถหนีกบดานที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมนำรูปถ่ายของนายศุภเดช และรถยนต์คันที่นายศุภเดชใช้ในการขับแกร็บคาร์ เพื่อหาเบาะแส กระทั่งได้รับเบาะแสจากพลเมืองดี พบเห็นชายวัยรุ่น 2 คน ลักษณะต้องสงสัยขับรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิสีฟ้า ลักษณะคล้ายรถของนายศุภเดช มาเที่ยวเล่นพักผ่อน บริเวณอ่างเก็บน้ำปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรเมืองกาญจนบุรี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดำเนินการเข้าตรวจสอบ และจับกุมชายวัยรุ่นทั้ง 2 คน ตรวจสอบพบว่าเป็นรถของนายศุภเดชจริง คนร้ายได้ใช้ปากกาเมจิกดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากหมายเลข กบ 218 กาญจนบุรี เปลี่ยนเป็น กบ 248 กาญจนบุรี
จากการตรวจค้นตัวผู้ต้องสงสัย พบมีดพับ คาดว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุอีก 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมเค้นสอบ กระทั่งให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือสังหารนายศุภเดช และชิงรถหลบหนีจริง
โดยศพของนายศุภเดช ได้นำขึ้นรถขับนำเอาไปฝังไว้ในป่าลึก พื้นที่บ้านหนองสามพราน ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เดินทางไปตรวจสอบยังจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนบอก และพบศพของนายศุภเดชถูกฝังอยู่จริง
ตรวจสอบสภาพศพพบว่าเริ่มเน่าเปื่อย มีหนอนชอนไชทั้งร่าง แต่ยังพบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคม เข้าที่บริเวณบ่าซ้าย และหน้าอกขวา เป็นแผลขนาดใหญ่ จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวช เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาดำเนินคดี ที่สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า ก่อนจะส่งตัวฝากขัง และดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายพิษณุ ผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนเองมีพื้นเพเป็นชาวจังหวัดอยุธยา แต่เดินทางมาอยู่ที่กาญจนบุรี ได้นานหลายเดือนแล้ว ที่ผ่านมาได้เรียกใช้บริการแกร็บคาร์มาประมาณ 5 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งก็จะเป็นรถของนายศุภเดชที่มารับตน ในวันเกิดเหตุ ตนก็ได้ใช้แอปฯเรียกรถแกร็บคาร์มารับ เป็นรถของนายศุภเดชมารับตนเช่นเคย
โดยตนได้ขึ้นไปบนรถ พร้อมกับนายพุทธชัย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมก่อเหตุ จากนั้นได้พยายามพูดขอยืมรถจากนายศุภเดชไปใช้หางานทำที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่นายศุภเดชไม่ยอม และเกิดการต่อว่ามีปากเสียงกัน ก่อนที่ตนและนายพุทธชัยจะร่วมกันใช้มีดแทงนายศุภเดชจนเสียชีวิต นำศพไปฝังในป่า ก่อนขับรถหนีไปอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นางบุญญาพร ช้อยสามนาค อายุ 65 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าลูกชายของตนจะต้องมาจบชีวิตลงด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ ที่ผ่านมาลูกชายตนขับแกร็บคาร์ หารายได้ส่งเสียลูกสาว และดูแลตนเองมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหากับผู้โดยสารมาก่อน ตนเองอยากจะถามผู้ก่อเหตุว่า "ทำไมถึงต้องลงมือฆ่ากันอย่างโหดร้ายเช่นนี้"
นายดวง (นามสมมติ) เพื่อนของ 2 ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ในคืนวันที่ 16 ส.ค. เวลาประมาณ 21.00 น. นายพิษณุ นาคเถื่อน หรือ เล็ก อายุ 23 ปี และนายพุทธชัย หรือ เวฟ อายุ 17 ปี ได้ขับรถรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีฟ้า ทะเบียน กบ 218 กาญจนบุรี เข้ามาที่ห้องพัก ปกติเจ้าตัวไม่ได้ใช้รถยี่ห้อดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์ไซค์ หรือรถของเพื่อน แต่วันนั้นได้ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าห้องพัก พร้อมทั้งมาพูดลักษณะสั่งลา มาขอโทษเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเพื่อน "ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด"
ยอมรับว่าตนเองก็ตกใจ เพราะโดยปกติไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ ก็คงคิดว่าคงจะมาลาเพื่อจะกลับบ้านที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงไม่ได้มีอะไรผิดสังเกตมาก ซึ่งจังหวะที่นายเวฟลงจากรถมาลา ตอนนั้นไม่เห็นนายเล็ก แต่ตนเองสังเกตเห็นว่าแขนเสื้อของนายเวฟมีลักษณะเปื้อนเลือด จึงได้ถามว่าไปทำอะไรกันมา ทีแรกก็เข้าใจว่าไปขับรถประสบอุบัติเหตุ แต่นายเวฟไม่ยอมตอบ เดินไปที่ประตูฝั่งคนโดยสาร และให้ตัวเองไปดูว่าใครอยู่ในรถบ้าง ตอนนั้นยอมรับว่าในรถค่อนข้างมืด จึงมองไม่ออกว่ามีใครนั่งอยู่ในรถ แต่เท่าที่สังเกตมีประมาณ 3 คน นายเวฟ เป็นคนขับ ส่วนนายเล็กนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง มีลักษณะกอดหรือนั่งเคียงข้างกับผู้ชายใส่เสื้อสีดำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร หลังจากนั้น นายเวฟก็ได้ปิดประตูรถบอกกับตัวเองว่ากำลังจะเดินทางไปที่อื่น แต่ไม่ยอมบอกว่าไปไหน
กระทั่งมาดูข่าวช่วงหลัง มีญาติของผู้ตายโพสต์ตามหารถ ก็ตรงกับรถที่ทั้งคู่ขับเข้ามาในคืนวันที่ 16 ส.ค. จากนั้นจึงเดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีการส่งภาพของ 2 คน ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นเบาะแสในการตามหา แต่ในวันนั้นมีการส่งภาพผิด ตั้งใจที่จะส่งภาพไปให้เจ้าหน้าที่ แต่ดันส่งผิดไปให้ตัวของผู้ต้องหา ผู้ต้องหาถามกลับมาว่า "จะส่งภาพไปหาใครครับ"
ตัวเองก็ตกใจ พูดอะไรไม่ถูก ผู้ต้องหาจึงได้ส่งภาพวิดีโอภาพถ่ายของศพกลับมาให้ตนเอง บอกว่า "หากวันหนึ่งจวนตัว หรือมีตำรวจมาถาม พี่ก็ส่งภาพนี้ไปให้เขาดูแล้วกัน" จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเชื่อมโยงและรู้ตัวคนก่อเหตุได้โดยทันที หลังจากที่วันนี้ทุกอย่างมีความคืบหน้า ตนเองจึงนึกออกว่าเลือดที่ติดตามตัวของ 2 คน เป็นเลือดของคนตายที่นั่งอยู่ในรถมาในวันที่มาลา
หากย้อนกลับไปก่อนที่ 2 คนจะก่อเหตุ 1 เดือนมีการก่อเหตุขโมยพระเครื่องในห้องนอนของตนเอง 2 องค์ คือหลวงปู่ทิม หลวงปู่หลิว เพราะนายเล็กเป็นคนเล่นพระ สะสมพระ และรู้เรื่องพระ จึงได้มีการก่อเหตุขโมยพระเพื่อไปขาย จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก เพราะเจ้าตัวไม่มีก็จ่ายค่าห้อง จึงได้ย้ายหนีโดยไม่มีการย้อนกลับมาที่ห้องเช่าอีก กระทั่งได้คืนวันที่ 16 ส.ค. ที่ย้อนกลับมาก็เพราะต้องการขอโทษที่เคยขโมยพระของตนเองไป พร้อมมาลาด้วย ซึ่งมีคลิปที่เจ้าตัวไปเที่ยวทะเลตามปกติ ก่อนจะโดนจับได้
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ห้องเช่าที่นายเล็ก และนายเวฟ เคยเช่าอาศัยอยู่ช่วงก่อนหน้านี้ ประมาณ 2-3 เดือน ก่อนที่จะก่อเหตุฆ่านายศุภเดช พบว่าห้องเช่าดังกล่าวปิดเงียบ เนื่องจากไม่มีคนมาเช่าอาศัยอยู่ต่อ เจ้าของยังไม่ได้รับค่าเช่าจากผู้ต้องหา
นายต้า (นามสมมติ) เพื่อนข้างห้อง เปิดเผยว่า ตนเองทราบว่าผู้ต้องหา คือนายเล็ก มาเช่าอยู่อาศัยที่ห้องเช่าดังกล่าวรายเดือน เดือนละ 3,000-4,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ แต่ตนเองสังเกตเห็นว่าหลังจากที่นายเล็กมาอาศัยอยู่ ก็ไม่ได้เห็นออกไปทำการทำงานหรือมีอาชีพ ส่วนใหญ่ก็จะเล่นเกมอยู่บ้าน สนใจแต่เรื่องพระเครื่อง ก่อนที่จะไปก่อเหตุฆ่านายศุภเดช ก็ยังเคยมีประวัติขโมยพระเครื่องของคนที่เช่าอยู่ในห้องเช่า แต่ตนเองก็ไม่รู้ว่านอกจากนั้นแล้ว มีอาชีพการงานทำอะไรบ้าง เพียงแค่รู้ว่าเป็นคนจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาอยู่อาศัยที่ จ.กาญจนบุรี นานแล้ว ลักษณะย้ายที่พักไปเรื่อย ๆ
เคยมีครั้งหนึ่งตัวเองได้พูดคุยสอบถามกับทางนายเล็ก เขาพาคนนอกเข้ามาอยู่อาศัยด้วย ทราบว่าคือนายเวฟ หนึ่งในคนที่ร่วมก่อเหตุด้วยกันในครั้งนี้ ตอนนั้นเจ้าตัวอ้างว่าเป็นน้องที่มาอยู่อาศัยด้วย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองก็คาดไม่ถึงว่าเด็กวัยรุ่นอายุแค่นี้ จะไปก่อเหตุฆ่าคนได้ เพราะโดยปกติก็เห็นเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ได้มีเรื่องมีราวกับใครในห้องพัก
ทีมข่าวเดินทางมายังหมู่ 7 ตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบ้านของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน และทั้ง 2 คนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน บ้านของนายพุทธชัย หรือ เวฟ เป็นร้านค้า
นางสาวจิ๋ว (นามสมมติ) พี่สาวผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ทุกคนในบ้านเพิ่งจะทราบเรื่องในวันนี้ รู้สึกตกใจ และทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่าทุกคนเสียใจ โดยเฉพาะแม่ เมื่อรู้ข่าวและมีคนมาสอบถามเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำใจไม่ได้ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมาเวฟก็เป็นเด็กดี ช่วยเหลืองานที่บ้านมาโดยตลอด ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน และไม่เคยมาปรึกษาว่ามีความทุกข์ร้อนหรือเครียดเรื่องใดด้วย ตนเองไม่ทราบว่าน้องชายออกไปก่อเหตุเมื่อใด เพราะตนเองก็เพิ่งจะกลับมาจากต่างจังหวัดวันนี้
หลังจากนี้จะประกันตัวหรือเดินทางไปเยี่ยมหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ เพราะอยู่ระหว่างครอบครัวปรึกษาหารือกัน และยังไม่พร้อมให้ข้อมูลอื่น ๆ
ส่วนบ้านของนายพิษณุ หรือ เล็ก ปิดเงียบ ทีมข่าวพยายามเรียก แต่ไม่มีใครตอบรับ ได้ข้อมูลจากคนรอบข้างว่าแม่ของนายพิษณุได้เดินทางไปทำงานในช่วงกลางคืน นายไพบูลย์ เชื้อวงษ์ อายุ 45 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อวันนี้ช่วงสายได้ข่าว่าทั้งสองคนไปก่อเหตุขโมยรถเท่านั้น ก็ยังคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ต่อมาทราบอีกว่า ทั้งคู่ฆ่าผู้อื่นด้วย ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
ตนเองเห็นทั้งคู่มาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นเด็กในชุมชน ทั้งคู่นิสัยดี เป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะด้วย เจอผู้ใหญ่ก็จะยกมือไหว้ทุกคน ไม่เคยมีความก้าวร้าวมาก่อน ที่ผ่านมาทราบว่านายพิษณุเคยสอบเข้าคณะแพทย์ได้สำเร็จด้วย แต่ไม่มีทุนทรัพย์เรียน จึงกลับมาอยู่ที่บ้าน กับแม่และน้องสาว ก่อนที่จะไปอยู่ที่อื่น และไม่เจออีกเลยมาประมาณ 2 ปีแล้ว ส่วนนายพุทธชัยก็ช่วยที่บ้านส่งน้ำแข็ง หายไปจากหมู่บ้านได้ 2 สัปดาห์ แต่ก็ไม่ได้เอะใจว่าหายไปไหน ส่วนเรื่องเพื่อนก็ไม่เห็นว่าจะมีกลุ่มวัยรุ่นมาหาที่บ้าน หรือพากันไปก่อเรื่องแต่อย่างใด ทั้งคู่อยู่แบบเงียบ ๆ ไม่สร้างความวุ่นวายให้ใคร ตนเองไม่คิดว่าทั้งคู่จะก่อเหตุได้
