วันที่ 21 ส.ค.64 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง แผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 ระบุ จากแนวโน้มการฉีดวัคซีนเห็นได้ว่า อาจจะต้องมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หรือที่เรียกว่าบูสเตอร์โดส ให้กับประชาชน และอาจฉีดกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ยังไม่ครอบคลุมในการฉีดวัคซีน เช่น กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ซึ่งขณะนี้ผลการวิจัยจากหลายแหล่งชี้ว่ามีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก
นอกจากนี้ ผลการศึกษาวิจัยและการเก็บข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก พบว่า ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใดก็ตาม เมื่อฉีดครบ 2 เข็ม ทั้งวัคซีน mRNA หรือไวรัลเวกเตอร์ รวมถึงเชื้อตาย ภูมิคุ้มจะเริ่มตกลงเมื่อเวลาผ่านไป การฉีดวัคซีนเข็ม 3 จะช่วยกระตุ้นให้ภูมิสูงขึ้น ดังนั้นในปี 2565 ไทยจำเป็นต้องหาวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อฉีดให้ประชาชน 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และอีกกลุ่มคือเตรียมไว้สำหรับเป็นบูสเตอร์โดส
คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ จึงได้เสนอความเห็น และผ่านความเห็นชอบของ ศบค.แล้วว่าในปี 2565 ต้องมีการจัดหาวัคซีนเพิ่ม อย่างน้อย 120 ล้านโดส และต้องเป็นวัคซีนที่มีความหลากหลายในการฉีด ซึ่งขณะนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้มีการแสดงเจตจำนงค์และหารือกับผู้ผลิตวัคซีนหลายยี่ห้อ โดยเบื้องต้น ได้แสดงความต้องการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์อย่างน้อย 50 ล้านโดส และแอสตร้าเซนเนก้าอีก 50 ล้านโดส
ในขณะนี้ มีข้อมูลว่าในหลายบริษัทเริ่มมีการวิจัยผลิตวัคซีนเจนเนอร์ชัน 2 ที่มีประสิทธิภาพต่อเชื้อกลายพันธุ์มากขึ้น ซึ่งถ้าบริษัทสามารถแสดงผลวิจัยได้ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพดีและปลอดภัย เราก็จะขอให้ทางบริษัทส่งมอบวัคซีนรุ่นที่ 2 ให้กับประเทศไทย ส่วนรายละเอียดของราคาและกำหนดการส่งมอบกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วิธีย้ายจุด ฉีดวัคซีน เข็มสองจาก สถานีกลางบางซื่อ ไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน
- กรมควบคุมโรค เผย ฉีดไขว้ ซิโนแวค+แอสตร้าเซนเนก้า ภูมิคุ้มกันสูงกว่า วัคซีนชนิดเดียวกัน
- กทม.เปิดลงทะเบียน ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง ฉีดวัคซีนให้ถึงบ้าน
Advertisement