จากกรณีตำรวจ สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ควบคุมตัว 2 วัยรุ่น คือ นายพิษณุ นาคเถื่อน หรือ เล็ก อายุ 23 ปี และนายพุทธชัย หรือ เวฟ อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาลวงฆ่าโหดชิงรถ นายศุภเดช ช้อยสามนาค อายุ 37 ปี หนุ่มขับแกร็บคาร์ และนำศพฝังในป่าขับรถหนีกบดานที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับ 2 โจ๋ฆ่าแกร็บชิงรถหมกศพป่า วิตถารอัดคลิปศพโชว์เพื่อน อึ้งไอคิวดีสอบติดหมอ
วันที่ 21 ส.ค. 64 ที่วัดเทวสังฆราม (วัดเหนือ) อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นายศุภเดช ช้อยสามนาค อายุ 37 ปี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เวลา 16.00 น. ญาติได้เดินทางไปรับร่างที่นิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ มีการบรรจุร่างเอาไว้ในโลงเย็น โยงสายสิญจน์เพื่อมีการรดน้ำศพ
ภายหลังพิธีรดน้ำศพเสร็จสิ้น เวลาประมาณ 17.00 น. ญาติคนตาย น้อยชาย และลูกสาวคนตาย ยืนอยู่หน้าโลงศพ ทำพิธีขอขมาศพ อนที่ลูกสาวกับน้องชายคนตายเดินไปที่โลง นำดอกไม้มาลัยไปวาง เคาะโลงบอก 3 ครั้ง
นางบุญญาพร ช้อยสามนาค อายุ 65 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตอนนี้คดีอยู่ในระหว่างการนำตัวคนร้ายฝากขัง และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อวานนี้ตัวเองก็ได้มีโอกาสเดินทางไปดูการทำแผน ยอมรับว่าพบเห็นพฤติกรรมการก่อเหตุที่นายเล็กและนายเวฟ มีการทำร้ายร่างกาย กระทำต่อลูกชาย ยอมรับว่าทำใจไม่ได้ เพราะเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ถ้าหากเป็นเหตุการณ์แค่เพียงจี้ปล้น และชิงเอารถไปใช้ แต่ไม่มีการทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิต ตนเองก็ยังพอทำใจได้ เหตุการณ์ครั้งนี้มีการทำร้ายถึงขั้นตาย จึงยากที่จะให้อภัย ที่สำคัญตนเจอกับตัวของผู้ต้องหา เจ้าตัวก็ไม่ได้เข้ามาขอโทษหรือพูดอะไรกับทางครอบ ตนเองก็ได้แต่ยืนมองเท่านั้น
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคำกล่าวอ้างที่ว่ามีปัญหากับคนในครอบครัว คนรอบข้าง มีปัญหาเรื่องแฟน ก็ไม่ใช่สาเหตุที่ควรจะมาฆ่าลูกชายของตัวเอง เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน วันนี้ทราบว่ามีการฝากขังต่อศาลแล้ว ตนเองก็มองว่ายังไม่สาสมแก่ใจ หากเป็นไปได้ตัวเองก็อยากให้รับเวรกรรมที่ทำเอาไว้กับลูกชาย ให้ตกนรก และตายตกตามกันไป ในมุมหนึ่งก็อยากจะให้อภัย เพราะที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนชอบทำบุญเข้าวัด ตนเองก็อยากให้ลูกชายได้รับบุญกุศลนี้ไปด้วยกัน ให้ลูกชายไปสู่สุคติ เพราะอย่างน้อยถ้าเป็นการให้อภัยแล้ว ลูกชายไปสงบ ตนเองก็คงจะต้องให้อภัยผู้ต้องหา ที่เหลือก็ให้ไปรับเวรกรรมที่ก่อเอาไว้ในคุก
ส่วนกรณีเรื่องที่มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวบางคนไปตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีการส่งคลิปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นชู้สาว หรือประเด็นเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นนางนกต่อ ตนเองก็ยังไม่ทราบว่าใครไปตั้งข้อสังเกตแบบนั้น แต่ส่วนตัวก็บอกว่าเป็นมุมที่ดีที่มีคนช่วยแจ้งเบาะแสแล้วเจอร่างรวมทั้งรถของลูกชาย ที่เหลือก็ให้ว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
นางสาวเอ (นามสมมติ) อดีตแฟนสาวของนายพิษณุ หรือ เล็ก คนที่แชตส่งข้อมูลไปให้ตำรวจ และแจ้งเบาะแสให้กับญาติคนตาย นำไปสู่เบาะแสการนำจับ 2 ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า จากที่เลิกรากับนายเล็ก หลังการคบหากันได้ 3 ปี ตนเองก็ไม่ได้ติดต่อกัน ต่างคนต่างแยกย้าย ตนก็ไปมีแฟนใหม่
จนกระทั่งก่อนวันจับกุม นายเล็กได้มีการส่งคลิปที่เกี่ยวกับภาพศพพร้อมได้มีการส่งภาพโพสต์ของญาติคนตายที่มีการโพสต์ตามหารถ มีการส่งเข้ามาในแชตข้อความของตน เมื่อตนเองเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏอยู่ในแชต จึงได้โทรไปหาญาติคนตาย และให้ข้อมูลเกี่ยวกับเบาะแสของตัวนายเล็ก จากนั้นญาติของผู้ตายก็ได้เอาเบอร์โทรศัพท์ของตนเองส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่จะมีการให้ข้อมูลกัน
เจตนาที่ตนเองต้องการให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะว่าคนก่อเหตุมีการส่งคลิปที่เกี่ยวกับสภาพศพ อีกทั้งยังมีการส่งโพสต์ประกาศตามหาของญาติมาให้ในแชตข้อความ จึงทำให้ตนสงสัย ขอยืนยันว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้ตาย แต่ทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองดีเท่านั้น ดังนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตว่าตนเองเป็นนกต่อ
นางสาวเอ เล่าต่อว่า ทีแรกที่ตัวเองเห็นคลิปที่เป็นศพก็ไม่รู้ว่าเป็นศพใคร นึกว่านายเล็กไปนำรูปมาจากที่อื่น ต้องการที่จะข่มขู่ให้ตนเองหวาดกลัว เพราะที่ผ่านมานิสัยของนายเล็กก็เป็นคนพยายามใช้วิธีการแบบนี้ เพื่อให้ตนเองและแฟนใหม่กลัว ที่ผ่านมาหลังจากที่ตนเลิกกับนายเล็กและมีแฟนใหม่ นายเล็กก็ยังคงตามตอแยและหึงหวง ข่มขู่หวังจะฆ่าตนเอง ฆ่าคนในครอบครัว จะทำร้ายและฆ่าแฟนใหม่
ตนก็คิดว่าเป็นเพียงแค่อารมณ์ของคนที่ข่มขู่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะกล้าลงมือก่อเหตุจริง ล่าสุดข่มขู่ตนเองว่า "ในเดือนเกิดที่ใกล้จะมาถึง จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ให้ระวังตัวให้ดี จะมีอะไรไม่เหมือนเดิม หรือหนักกว่าทุกครั้งที่เคยกระทำเอาไว้ ให้เตรียมตัวรับเอาไว้ให้ดี ไม่ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหนก็ตาม" ซึ่งเดือหน้าเป็นวันเกิดของตนเอง
ส่วนกรณีแชตที่นายเล็กส่งมาขู่และบอกตน ทำนองว่าสิ่งที่กูใช้ความรุนแรงและอยู่ในอาการแบบนี้เป็นเพราะพ่อเคยถูกยิงตายต่อหน้า นั้น ตอนที่คบหากันยอมรับว่านายเล็กไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ช่วงที่คบหากันระยะแรก นายเล็กบอกว่าพ่อเสียชีวิต จึงขอกลับไปที่บ้านต่างจังหวัด แต่ไม่ได้บอกว่าพ่อโดนยิงตาย ทราบว่าเป็นการเสียชีวิตจากโรคประจำตัว แต่ในทางกลับกันเท่าที่ตนเองรู้ คือนายเล็กบอกว่าไม่ค่อยชอบคนในครอบครัว ต้องการย้ายไปอยู่ข้างนอก เพราะพ่อเป็นคนขวางและกีดกันไม่ให้เรียนต่อแพทย์ เนื่องจากเจ้าตัวสอบติด แต่กลับไม่ได้รับโอกาส เพราะพ่อห้ามไม่ให้เรียน
อย่างไรก็ตาม ตนเองต้องหนีไปอยู่บ้านต่างจังหวัด ไม่บอกให้ใครรู้ว่าตัวเองหนีไปอยู่ที่ไหน เพราะกลัวว่านายเล็กจะตามไปเจอ ที่สำคัญนายโหน่ง แฟนใหม่ ที่เพิ่งคบหากัน ก็ถูกตามไล่ทำร้าย ตามก่อความรำคาญให้กับคนในครอบครัว จนต้องหนีไปบวชเป็นพระ ดังนั้นเมื่อทราบว่านายเล็กถูกจับกุม วันนี้ ตนเองก็คงจะออกมาใช้ชีวิตได้มากขึ้น ลดความกลัวได้บ้างเล็กน้อย
ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดใน อ.ท่าม่วง ที่พระโหน่ง (นามสมติ) อายุ 23 ปี คนที่ถูกนายเล็ก ผู้ต้องหา ตามล่าตัวหวังทำร้าย เล่าว่า ตนเองตัดสินใจหนีบวชมาได้ประมาณเกือบ 1 ปี เพราะไม่อยากเจอกับปัญหาที่ถูกนายพิษณุตามข่มขู่ทำร้าย ขู่ฆ่าคนในครอบครัว จึงหนีบวช อีกทั้งต้องการบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศล และต้องการให้นายเล็กยอมให้อภัย ที่เข้าใจผิดว่าตนเองไปแย่งแฟนของนายเล็กมาครอบครอง
เนื่องจากที่ผ่านมา ตนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านตามปกติ รู้จักพร้อมกับคบหากับนางสาวเอ มราตอนนั้นได้มีการเลิกลากับนายเล็กไปแล้ว ตัวเองก็ไปรู้จักและคบหากัน นายเล็กเกิดความไม่พอใจ ไม่ต้องการให้แฟนสาวไปมีคนอื่น ตามหาเรื่อง และก่อความรำคาญทุกวัน โดยการสั่งอาหารจากไรเดอร์ ส่งมาที่บ้านแล้วให้มีการเก็บเงินปลายทาง ทั้งที่บ้านของตนเองไม่ได้เป็นคนสั่ง อีกทั้งยังมีการสั่งอาหารหรือสิ่งของจากร้านสะดวกซื้อ ให้มีการเก็บเงินปลายทาง โดยตนเองและนางสาวเอก็ไม่ได้เป็นคนสั่ง แต่เกิดจากพฤติกรรมของนายเล็ก
หลังจากนั้น นายเล็กก็เริ่มที่จะก่อความเดือดร้อน รวมทั้งเริ่มมีการใช้ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มีการนัดหมายให้ตนเองออกไปเจอ เพื่อมีการทำร้ายร่างกาย จนกระทั่งเลือดตกยางออก ตบตีนางสาวเอให้ได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการส่งแชตข้อความข่มขู่จะตามทำร้าย ทั้งตนเอง แฟนสาว รวมทั้งจะมีการทำร้ายคนในครอบครัว ถึงขั้นจะยิงหรือฆ่าให้ตาย ทุกวันตนเองก็จะได้รับแชตข้อความที่ส่งมาจากจากนายเล็ก
ช่วงประมาณเดือน พ.ย. 63 ก่อนที่ตัวเองจะตัดสินใจมาบวชเป็นพระ พบว่ากลางดึกเวลาประมาณ 04.00 น. เห็นนายเล็กซ้อนรถมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านหลังเก่า นำขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่บรรจุน้ำมันพร้อมกับสายเชื้อเพลิงจุดให้เกิดประกายไฟ หวังเผารถกระบะสีเทาที่จอดอยู่หน้าบ้าน ทำให้ล้อฝั่งคนขับติดไฟลุกไหม้ แต่ก็ดับไฟได้ทัน ตนจึงได้นำกล้องวงจรปิดแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ หลังจากนั้น ตนเองจึงได้ตัดสินใจบวชหนีปัญหา ต้องการหาความสงบให้กับชีวิต ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน คนในครอบครัวของตนเอง พ่อแม่ก็ได้ย้ายบ้านหนีไปอาศัยอยู่ที่อื่นแล้ว
ช่วงระหว่างที่ตัวเองบวชเป็นพระ เดือน ก.ค. 64 นายเล็กได้ย้อนกลับไปก่อเหตุ ใช้แกลลอนน้ำมันสาดน้ำมันท่วมรถบรรทุก 6 ล้อ และรถกระบะสีดำ จุดไฟเผาทำให้ผ้าคลุมรถเสียหาย ของที่บรรทุกอยู่ท้ายรถเสียหาย ส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับทำมาหากิน อุปกรณ์เครื่องขยายเสียง ได้รับความเสียหายบางส่วน
จนกระทั่งมาถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ นายเล็กทำเกินกว่าเหตุ ไม่คิดว่าจะไปปล้นรถของแกร็บคาร์ แล้วมีการทำร้ายร่างกายคนอื่นจนกระทั่งถึงแก่ความตาย อีกมุมหนึ่งก็บอกว่าเป็นเรื่องที่โชคดี ที่นายเล็กถูกจับกุมตัวไปก่อน ไม่เช่นนั้นนายเล็กก็อาจจะมาทำตามที่ขู่เอาไว้ โดยมีการทำร้ายร่างกายตนเองหรือแฟนสาว ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องถึงแก่ชีวิต แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาตนเองตัดสินใจที่จะบวช และขอให้นายเล็กยกโทษให้อยู่แล้ว เหตุการณ์ที่ผ่านมาตัวเองก็ไปถือโทษโกรธนายเล็ก เรื่องที่แล้วก็ให้แล้วกันไป
ทีมข่าวได้รับกล้องวงจรปิดภาพวินาทีที่เห็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีฟ้า ทะเบียน กบ 218 กาญจนบุรี ของคนตาย ขับย้อนกลับไปที่ห้องพักของนายพิษณุ หรือ เล็ก ผู้ต้องหา โดยกล้องวงจรปิด วันที่ 16 ส.ค. เวลา 21.20 น. รถของคนตายซึ่งมีนายเวฟ เป็นคนขับ นายเล็กนั่งประกบกับคนตายด้านหลัง ขับเข้าไปเพื่อลาและขอโทษเพื่อนในห้องพัก ก่อนจะขับออกไปจากซอย ผ่านกล้องตัวเดิม เวลา 21.23 น. สังเกตว่าการขับผ่านเข้าออกลักษณะขับช้า ๆ
ทีมข่าวเดินทางไปบ้านของนายพิษณุ นาคเถื่อน หรือ เล็ก อายุ 23 ปี ผู้ต้องหา นางสาวชมพู่ (นามสมมติ) น้องสาวของนายเล็ก กล่าวว่า ปมที่นายเล็กไปบอกกับอดีตแฟนสาวว่าเขาเกลียดครอบครัวที่ไม่ส่งเสียให้เรียนต่อ ทำให้ต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอกบ้านนั้น ตัวเองไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน แต่ก็พอทราบว่าพี่ชายได้ย้ายออกจากบ้าน ประมาณ 5 ปี ส่วนสาเหตุที่พี่ชายย้ายออกไป ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามาจากเรื่องอะไร ส่วนแม่ของตัวเองหลังจากทราบข่าวก็รู้สึกเครียด แต่แม่ก็ยังไม่ได้เดินทางไปเยี่ยมพี่ชาย เนื่องจากติดสถานการณ์โควิด-19 ตัวเองก็สงสารแม่ที่มาเจอเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่ ถึงได้ก่อเหตุ
ส่วนที่นายเล็ก พูดถึงเรื่องที่พ่อโดนยิงต่อหน้าเมื่อหลายปีก่อนนั้น ตัวเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ครอบครัวตัวเองก็ไม่เคยมีใครเล่าถึงเรื่องนี้ให้ตัวเองฟัง สำหรับพี่ชายตัวเองเป็นคนเรียนเก่ง โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ และฟิสิกส์ ตอนที่เขาอาศัยอยู่บ้านกับตัวเอง เขาก็จะสอนตัวเองทำการบ้านเป็นประจำ ที่ผ่านมาพี่ชายก็ไม่เคยเล่าเรื่องปัญหาการเงินให้กับตัวเองฟัง กรณีที่พี่ชายมีการอัดคลิปหลังก่อเหตุเสร็จ พร้อมกับพูดว่า "อโหสิกรรมให้ด้วย" พอตัวเองนั่งดูข่าวแล้วเห็นคลิปดังกล่าวนั้น ยอมรับว่าตกใจมาก คิดว่าพี่ชายตัวเองทำอะไรลงไป ซึ่งตัวเองก็ให้เขารับโทษในสิ่งที่เขาทำ
นายทองดำ รัตนวิชัย เพื่อนบ้านที่มีบ้านอยู่ติดกันกับบ้านของนายเวฟ บอกว่า สำหรับนายเวฟ ที่ผ่านมาตัวเองก็ไม่ค่อยได้เจอเขา เพราะเขาไม่ค่อยกลับมาบ้าน แต่ยอมรับว่านายเวฟมีนิสัยดื้อซนตามประสาวัยรุ่นอยู่บ้าง ตัวเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย ส่วนทางด้านนายเล็ก ผู้ต้องหาอีกราย ตัวเองก็ค่อนข้างอยู่บ้านห่างไกลจากเขา จึงไม่ค่อยรู้เรื่องของครอบครัวเขาว่าเป็นมาอย่างไร