กรณีหน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลช่องลม อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร รับแจ้งขอความช่วยเหลือว่ามีชาวบ้านหมดสติขาดอากาศหายใจในบ่อสูบน้ำ จำนวน 2 คน เหตุเกิดในทุ่งนา เขตติดต่อระหว่างบ้านเกศกาสร หมู่ 2 ต.ช่องลม กับหมู่ 1 ต.ประชาสุขสันต์ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร จึงรุดเดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยนายเชาวลิต เสถียร นายกเทศมนตรีตำบลช่องลม และหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตำบลช่องลม
โดยที่เกิดเหตุพบว่าชาวบ้านได้นำทั้ง 2 คน ขึ้นมาจากบ่อน้ำแล้ว จึงช่วยกันปฐมพยาบาล และนำส่ง รพ.ลานกระบือ แต่เสียชีวิตระหว่างทาง ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายชัยวิชิต ทิพแสง อายุ 52 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 ต.ช่องลม อ.ลานกระบือ และนายสุนทร รังสร้อย อายุ 44 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 ต.ช่องลม อ.ลานกระบือ
ล่าสุดวันที่ 24 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ 113 หมู่ที่ 7 ต.ช่องลม อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นบ้านของนายชัยวิชิตฯ หนึ่งในผู้ตาย ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน โดยทางครอบครัวได้นำร่างของนายชัยวิชิต จัดบำเพ็ญกุศลศพที่ชั้น 1 ของบ้าน และมีชาวบ้านมาร่วมงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
นางวรรณภา ทิพแสง อายุ 49 ปี ภรรยานายชัยวิชิต กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.64) เวลา 08.00 น. นายสุนทร ที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำบาดาลมารับสามีของตนไปขุดบ่อน้ำบาดาล กระทั่งเวลา 13.00 น. ภรรยาของนายสุนทร มาเรียกตนที่บ้าน พร้อมกับแจ้งว่านายชัยวิชิต เป็นลมหมดสติภายในบ่อบาดาล ตนจึงรีบเดินทางไปยังบ่อบาดาลดังกล่าว
เมื่อไปถึงพบว่ามีชาวบ้าน 5 คน กำลังยืนมุงดูที่ปากบ่อบาดาล ตนจึงรีบเดินไปชะโงกดูว่าสามีเป็นอย่างไร พร้อมขอให้ชาวบ้านช่วย แต่ชาวบ้านคนดังกล่าวปฏิเสธ อ้างว่าก่อนที่ตนจะมาถึงมีชาวบ้านได้ลงไปช่วยแล้ว 1 คน แต่ไม่สามารถช่วยได้ เพราะใต้บ่อบาดาลอากาศร้อนมาก ๆ จึงขึ้นมาก่อน
กระทั่งตนทนไม่ไหว จึงใช้เชือกผูกตัวเองไว้ และขอร้องให้ชาวบ้านดึงเชือกไว้ข้างบน ก่อนที่ตนจะไต่บันไดลงไป แต่ไม่สามารถลงไปช่วยสามีได้ เพราะเชือกที่รัดตัวของตนนั้นสั้นเกินไป จากนั้นจึงรีบไต่บันไดกลับขึ้นมา ภายหลังได้มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามา และโชคดีที่มีเพื่อนของนายชัยวิชิต ลงไปช่วย ขณะนั้นตนมีความหวังว่าสามีต้องรอด แต่เมื่อนำตัวขึ้นมาแล้วตนก็ใจสลาย เพราะนายชัยวิชิตไม่ได้หายใจแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะเร่งดำเนินการช่วยปั๊มหัวใจ ซึ่งตนเข้าใจว่านายชัยวิชิต น่าจะเสียชีวิตนานแล้ว เพราะระยะเวลาในการช่วยเหลือค่อนข้างยาวนาน 2 ชั่วโมง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้ติดใจเอาความอะไร ตนเข้าใจชาวบ้านที่ไม่ลงไปช่วย เพราะเขาก็รักชีวิตของเขา ที่ผ่านมาสามีของตนเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น ตนมองว่านายชัยวิชิต ไม่ได้เก่งเรื่องการขุดเจาะบ่อบาดาล แต่ชอบเข้าช่วยเหลือผู้อื่น นอกจากนี้ นายชัยวิชิต เป็นคนดี เพื่อนเยอะ และเป็นเสาหลักของครอบครัว ตนยอมรับว่านายชัยวิชิต มักจะเป็นลมบ่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายชัยวิชิต จะเสียชีวิต มีนกแสกบินผ่านบ้านของตนติดต่อกัน 3 วัน และตนยังฝันว่าบ้านของตนนั้น ได้จัดงานสังสรรค์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นลางบอกเหตุหรือไม่ ขณะนี้ตนก็ยังทำใจไม่ได้ ขอให้สามีไปสู่ภพภูมิที่ดี ทางครอบครัวจะจัดพิธีฌาปนกิจศพนายชัยวิชิต ในวันเสาร์ที่ 28 ส.ค.64
ต่อมาทีมข่าว เดินทางไปยังบ้านของนายสุนทร บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และมีผู้เฒ่าผู้แก่ช่วยกันจัดเตรียมงานศพ โดยมีนางบัวลอย รังสร้อย อายุ 40 ปี ภรรยาของนายสุนทร เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.64) ตนและสามี พร้อมกับนายชัยวิชิต ได้ช่วยกันขุดบ่อบาดาล หลังจากขุดมาแล้ว 3 วัน
เมื่อนายชัยวิชิต ทานข้าวอิ่มแล้ว จึงได้ลงไปในบ่อบาดาล ขณะนั้นตนและสามีก็ยังได้ยินเสียงตลอด แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเสียงของนายชัยวิชิต กลับหายไป สามีของตนจึงชะโงกหน้าไปดู พบว่านายชัยวิชิต นอนหมดสติแล้ว จึงตะโกนบอกให้ตนรู้ และให้รีบไปเรียกชาวบ้านมาช่วยเหลือ ส่สนนายสุนทร จะลงไปช่วยเหลือ
หลังจากนั้น ตนก็รีบขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากทุ่งนา เพื่อขอความช่วยเหลือชาวบ้าน พร้อมกับไปบอกภรรยาของนายชัยวิชิต และรีบหาเชือกไปช่วยเหลือ จากนั้นตนก็รีบกลับไปที่บ่อบาดาล แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าสามีของตนได้หมดสติไปอีกคน นอนหงายท้องแน่นิ่งใต้บ่อบาดาล ตนยอมรับว่าขณะนั้นตกใจมาก ๆ ส่วนตัวมองว่าสามีทำถูกต้องแล้วที่ลงไปช่วยเหลือนายชัยวิชิต เพราะมีหลายคนบอกว่าทำไมสามีต้องลงไปช่วย ถ้าไม่ลงไปช่วยก็คงไม่ตายแบบนี้
ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครกล้าลงไปช่วยเหลือ เนื่องจากว่าข้างล่างบ่อบาดาลไม่มีอากาศหายใจ กระทั่งมีหญิงคนหนึ่งนึกได้ว่ามีชาวบ้านที่ชำนาญเรื่องบ่อบาดาล เขาจึงโทรศัพท์ไปหา เมื่อเขามาถึงจึงรีบลงบ่อบ่าดาลทันที โดยได้ใช้ผ้ามัดตัวนายสุนทรขึ้นมาก่อน แล้วตามต่อด้วยนายชัยวิชัย
เมื่อนำตัวนายสุนทรขึ้นมาได้ ตนหัวใจสลายอีกครั้ง เพราะนายสุนทรหัวใจหยุดเต้นแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ช่วยเหลือนั้น ตนมีความหวังตลอดว่านายสุนทร ต้องรอด แต่ด้วยระยะเวลาที่นานเกินไป อาจทำให้เขาเสียชีวิต ขณะเดียวกันตนทำได้เพียงเรียกชื่อของนายสุนทร เท่านั้น
สำหรับลักษณะนิสัยของนายสุนทร เป็นคนอัธยาศัยดี มีแต่คนรัก และเป็นเสาหลักของครอบครัว ขณะนี้ยังไม่ได้วางแผนชีวิตว่าจะทำอย่างไรต่อไป และยังไม่สามารถยอมรับหรือทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ส่วนนายชัยวิชิต ก็เป็นคนดีช่วยเหลือผู้อื่น และชำนาญการขุดบ่อบาดาล นอกจากนี้ ครอบครัวของตนและครอบครัวของนายชัยวิชิต ก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร ทางครอบครัวของนายชัยวิชิต ก็ได้มาหาครอบครัวของตน พยายามปลอบใจและบอกให้สู้ไปด้วยกัน ส่วนตัวแล้วไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร อย่างไรก็ตาม ตนขอแนะนำว่าหากชาวบ้านจะขุดบ่อบาดาล ควรพาคนไปจำนวนมาก และต้องมีอุปกรณ์ที่ปลอดภัยด้วย
