กรณีตำรวจ สภ.กงหรง จ.พัทลุง ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่ช่างเชื่อมเหล็กเสียชีวิตที่บ้านพัก พ.ต.อ.เชาวลิต เพชรศรีเปีย รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ ขวัญศรี ผกก.สภ.กงหรา, พ.ต.ท.สุพัฒน์ ทองเขียว สารวัตร(สอบสวน) สภ.กงหรา และตำรวจชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุ
เมื่อไปถึงพบศพนายสุริยัน ปาทะกาญจน์ อายุ 26 ปี นั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ สีเทาแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ที่บ้านเลขที่ 107 ม.7 บ้านสิมขา ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง กระสุนปืนถูกบริเวณขากรรไกรใต้หูซ้ายจำนวน 1 นัด เป็นรูพรุน และกระสุนยังไปถูกเสาบริเวณหน้าบ้าน ทะลุไปถูกต้นกล้วยที่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร และพบยาบ้าที่ตัวผู้เสียชีวิต จำนวน 8 เม็ด และพบหมอนรองกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 3 ชิ้น จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และยึดปืนลูกซองยาวซึ่งอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุไปตรวจสอบด้วย
น.ส.นัจวา ขำนุรักษ์ อายุ 28 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า เวลาประมาณ 18.30 น. ก่อนเกิดเหตุขณะที่เลี้ยงลูกอยู่ภายในบ้าน อ้างว่าได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของสามีขี่เข้ามาจอดหน้าบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงปืน 1 นัดตามมาติด ๆ จึงรีบวิ่งมาดูที่หน้าต่าง พบว่าสามีถูกยิงรถล้มแล้ว
นอกจากนี้ ตำรวจได้เชิญตัวคนในครอบครัว 3 คน ไปสอบปากคำและตรวจเขม่าดินปืน พร้อมเก็บดีเอ็นดีประกอบคดี ได้แก่ นายหัม เหรียญนุ้ย อายุ 70 ปี ตาของน.ส.นัจวา, นายมูห่ำหมัดสิดดิก ขำนุรักษ์ อายุ 49 ปี พ่อของน.ส.นัจวา และนายลุกมาน ขำนุรักษ์ อายุ 23 ปี น้องชายของน.ส.นัจวา
ล่าสุดวันที่ 25 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 107 ม.7 บ้านสิมขา ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง พบว่าเป็นบ้านกึ่ง 2 ชั้น จุดที่นายสุริยันถูกยิงเสียชีวิตอยู่ที่เชิงบันได้หน้าบ้านชั้น 1 ซึ่งญาติได้ช่วยกันล้างคราบเลือดออกไปหมดแล้ว
ทีมข่าวสังเกตว่ารูกระสุนที่ทะลุออกจากผู้เสียชีวิตเข้าที่เสาบ้านนั้น มีทิศทางที่ยิงจากในบ้าน เนื่องจากรูกระสุนที่เสาฝั่งในบ้านมีลักษณะโค้งมนและเล็ก ส่วนรูกระสุนที่เสาฝั่งนอกบ้านนั้น มีรูใหญ่และขอบแตกกระจาย ชี้ได้ว่ารูกระสุนที่เป็นรูใหญ่เป็นฝั่งที่ทะลุออก ขณะเดียวกัน ทีมข่าวสังเกตบริเวณข้างบ้านและหลังบ้านเป็นสวนยางและสวนผลไม้ ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุอยู่ห่างไกลจากในหมู่บ้าน
เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.สุพัฒน์ ทองเขียว สารวัตร (สอบสวน) สภ.กงหรา, ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งจากการสันนิษฐานวิถีกระสุนของตำรวจ น่าเชื่อว่าผู้ก่อเหตุยืนอยู่ที่ชั้น 1 ของบ้าน โดยกระสุนทะลุหัวของนายสุริยัน และเข้าที่เสาบ้าน ก่อนจะทะลุไปถูกต้นกล้วยที่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร ทำให้ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายจะต้องอยู่ในบ้าน ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวประกอบด้วย นายสุริยัน ปาทะกาญจน์ ผู้เสียชีวิต, น.ส.นัจวา ขำนุรักษ์ ภรรยาผู้เสียชีวิต, ลูกชายวัย 4 ขวบและลูกสาววัย 8 เดือนของผู้เสียชีวิต, นายหัม เหรียญนุ้ย ผู้เป็นตาของน.ส.นัจวา และนางฉะ ผู้เป็นยายของน.ส.นัจวา
จากการลงพื้นที่พบว่าต้นกล้วยที่มีกระสุนฝังอยู่นั้น ถูกตัดออกจากกอแล้ว และนำไปทิ้งหลังบ้านห่างจากบ้านไปประมาณ 20 เมตร โดยถูกตัดเป็น 3 ท่อน และไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนตัดต้นกล้วยดังกล่าว ซึ่งตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้สแกนต้นกล้วยดังกล่าว พบตะกั่วจากหัวกระสุนฝังอยู่ในต้นกล้วย 1 เม็ด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ ขวัญศรี ผกก.สภ.กงหรา ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งหลักฐาน และตรวจเขม่าดินปืนผู้ที่น่าจะเกี่ยวข้อง ซึ่งยังต้องรอผลอีกระยะหนึ่ง จึงจะสามารถออกหมายจับได้ จากการสอบปากคำคนที่อยู่ในบ้านและครอบครัวของภรรยาต่างปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ตอนนี้ได้สอบปากคำญาติไปทั้งหมด 5 ปาก ตำรวจมุ่งปมขัดแย้งส่วนตัวและยาเสพติด เนื่องจากทราบว่าผู้เสียชีวิตมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ศพของนายสุริยัน ญาติได้ทำพิธีฝังตามศาสนาอิสลาม เนื่องจากนายสุริยัน มีภูมิลำเนาเป็นคนจ.ตาก ทำให้ครอบครัวภรรยา ไม่สามารถติดต่อญาติของผู้เสียชีวิตได้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายมูห่ำหมัดสิดดิก ขำนุรักษ์ อายุ 49 ปี พ่อตาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ในขณะเกิดเหตุนั้น ตนอยู่ที่บ้านอีกหลังในหมู่บ้านพูด ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร กระทั่งเวลา 19.00 น. น.ส.นัจวา ลูกสาวโทรศัพท์มาและร้องไห้โวยวาย พร้อมบอกว่านายสุริยัน ถูกยิงเสียชีวิต ตนจึงรีบเข้าไปในที่เกิดเหตุทันที
ทั้งนี้ ตนไม่รู้ว่านายสุริยัน จะไปมีเรื่องบาดหมางกับใครหรือไม่ เพราะเขาเป็นช่างเชื่อมเหล็กอยู่ อ.เขาชัยสน ตอนเช้าก็ไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับบ้าน ซึ่งตลอดเกือบ 4 ปี ที่นายสุริยันคบหากับลูกสาวของตน ก็ไม่ค่อยได้เจอกับเขามากนัก ตนยอมรับว่าเคยได้ยินข่าวลูกเขยชอบทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิง แต่ไม่รุนแรง ซึ่งตนก็ไม่เคยเห็นกับตา และตนก็เคยตักเตือนนายสุริยันว่าอย่าทำร้ายกัน เขาก็เคยรับปากว่าจะไม่ทำร้ายกันอีก อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ และไม่รู้สึกสงสัยใคร เพราะตนไม่รู้ว่าลูกเขยไปมีปัญหากับใคร และเขามีพฤติกรรมยาเสพติดด้วย
ทีมข่าวได้พบกับ นายหัม เหรียญนุ้ย อายุ 70 ปี ผู้เป็นตาของน.ส.นัจวา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.64) เวลาประมาณ 18.30-19.00 น. ซึ่งตนจำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ แต่ตนและนางฉะ ภรรยาของตนได้ละหมาดอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน กระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และได้ยินเสียงน.ส.นัจวา กรีดร้อง ตนและนางฉะจึงวิ่งลงมาดูและพบว่านายสุริยัน ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าก่อนหน้านี้ นายสุริยัน มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มักจะทุบตี น.ส.นัจวา และมักจะขอเงินไปซื้อยาเสพติด แต่น.ส.นัจวา ไม่ยอมให้เงิน ตนที่ทนดูไม่ได้เพราะเห็นหลานสาวถูกทำร้ายร่างกาย ก็เคยตักเตือนนายสุริยันไปแล้วว่า อย่าทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งเขาก็รับปาก แต่ตนก็ยังเห็นว่าเขาทำร้ายภรรยา บางครั้งตนก็รู้สึกโมโห แต่ก็ไม่ได้คิดทำร้ายหรือฆ่าเขา เพราะเข้าใจว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อคืนนี้ตนก็ได้ให้การกับตำรวจไปตามตรง และปฏิเสธว่าไม่ใช่คนยิง
สำหรับปืนลูกซองยาวที่ตำรวจยึดเอาไปตรวจสอบนั้น ตนยอมรับว่าเป็นเจ้าของจริง ซึ่งปืนก็เป็นปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงตนก็ยินดีให้ตำรวจเอาไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เวลาที่นายสุริยัน กลับเข้ามาที่บ้าน ก็มักจะมีวัยรุ่นและเพื่อน ๆ ของเขาตามมาด้วย ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าคนร้ายจะแฝงตัวอยู่ในคนรู้จักของนายสุริยันหรือไม่
ในวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางเข้าไปที่บ้านหลังที่เกิดเหตุหลายครั้ง แต่ น.ส.นัจวา ภรรยาผู้เสียชีวิต ก็ไม่ยอมออกมาพูดคุยและหลบหน้าสื่อมวลชนตลอดเวลา รวมถึงญาติคนอื่น ๆ ก็อ้างว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น สอดคล้องกับข้อมูลของตำรวจชุดสืบสวน สภ.กงหรา ที่ระบุว่า ขณะนี้ในเชิงสืบสวนคดีมีความชัดเจนหลายอย่างแล้ว และคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิด ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจเขม่าดินปืนที่เก็บจากญาติว่ารอยเขม่าติดอยู่ที่ใคร ก็จะมีความชัดเจนและรู้ว่าใครเป็นคนร้าย ก่อนจะสามารถออกหมายจับได้