เปิดภาพแก๊งโหด ก่อนฆ่าผัวเมียมอญต่อหน้าลูก กะฟันให้คอขาด วิงวอนยังไม่หยุด (คลิป)

6 ต.ค. 61
จากกรณีเมื่อช่วงดึกวันที่ 4 ค.ต. 61 กลุ่มคนร้ายจำนวน 6 คน  ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อก บุกทำร้ายร่างกายนายเม็ด และนางชะเอม สองสามีภรรยาชาวไทยเชื้อสายมอญ ทำงานรับจ้างและเปิดร้านขายของชำอยู่ใน ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยนายเม็ดถูกกลุ่มคนร้าย ทำร้ายร่างกายด้วยไม้และอาวุธมีคมจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วน นางชะเอม ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ลูกสาววัย 13 ปี รอดตายอย่างหวุดหวิด เพราะแอบอยู่หลังประตูนั้น (อ่าน : อุกอาจ! 6 คนร้าย บุกบ้านคนไทยเชื้อสายมอญ ฆ่าพ่อต่อหน้าลูก แม่เจ็บสาหัส)
เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ
วันที่ 5 ต.ค. 61 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ที่ ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบว่าบ้านของผู้ตายเปิดเป็นร้านขายของชำ ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว สีเขียว ตำรวจได้นำเชือกมากั้นไว้รอบบ้าน และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าพื้นที่
หน้าร้านขายของชำของนายเม็ด
โดยบ้านของผู้ตายจะอยู่ติดริมถนน ข้างบ้านมีซอยเข้าไปด้านใน พบว่าเป็นบ้านของญาติผู้ตายที่อยู่รวมกันประมาณ 4-5 หลังคาเรือน โดยหลังแรกเปิดเป็นห้องเช่า ซึ่งเป็นธุรกิจของญาติผู้ตาย ส่วนหลังที่ 2-4 เป็นบ้านญาติของผู้ตาย
นายพันธุ์ เพิ่มสุข ญาติของผู้ตาย
นายพันธุ์ เพิ่มสุข ญาติของผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อคืนเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะตนหลับอยู่ภรรยามาปลุกให้ไปที่บ้านของนายเม็ดและนางชะเอม ระหว่างเดินไปเห็นชายฉกรรจ์เดินออกจากบ้านของทั้งคู่ และเมื่อไปถึงพบว่านายเม็ดเสียชีวิตไปแล้ว สภาพศพนายเม็ดมีร่องรอยถูกโดนแทงด้วยอาวุธมีคม คือ เหล็กขูดชาร์ป จำนวน 16 จุด ที่บริเวณท้ายทอยมีรอยโดนฟัน ซึ่งคาดว่าผู้ตายเสียเลือดมากจนเสียชีวิตทันที ส่วนนางชะเอมอาการค่อนข้างสาหัส ได้ยังสามารถส่งร้องด้วยความเจ็บปวดได้ ส่วน ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ลูกสาววัย 13 ปี ที่รอดชีวิตมาได้ และเป็นผู้วิ่งมาขอความช่วยเหลือที่ห้องเช่า ด้วยอาการตกใจ โดยเล่าเพียงว่ามีคนเอาไม้มาตีพ่อและเอามีดแทง
บรรยากาศภายในซอยห้องเช่า
ทั้งนี้ ครอบครัวของผู้ตายย้ายมาพักอาศัยที่ห้องเช่าแห่งนี้นานเกือบ 10 ปีแล้ว รู้เพียงแค่นายเม็ดมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง เมื่อสัปดาห์ก่อนก็เพิ่งไปรับเหมาปูกระเบื้องอยู่ที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม อยู่นานร่วมสัปดาห์จึงกลับมาบ้าน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่านายเม็ดมีปัญหาอะไรกับคนที่ทำงานหรือไม่ แต่ปกตินายเม็ดไม่เคยไปทำงานแล้วหายไปหลายวันเช่นนั้นมาก่อน ส่วนนิสัยใจคอของผู้ตายนั้นเป็นคนชอบดื่มสุรา เวลาเมาก็จะส่งเสียงอาละวาดบ้าง นายพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  แต่จากเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนตัวปักใจเชื่อว่าคนร้ายตั้งใจมาเอาชีวิตทั้งสามีและภรรยา เพราะตอนเกิดเหตุ คนร้ายก็บุกเข้าไปทำร้ายนายเม็ดถึงในห้อง โชคดีที่เด็กหญิงเอและหลานผู้ตายวัย 2 ขวบ หลบอยู่หลังประตู ทำให้ไม่ประสบเหตุด้วย ทรัพย์สินในห้องคนร้ายก็ไม่ได้ขนไป
บรรยากาศพิธีเชิญวิญญาณหน้าร้านขายของชำ
ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. ครอบครัวของนายเม็ดได้เชิญพระจากวัดหัวนามาทำพิธีอันเชิญดวงวิญญาณจากบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นครอบครัวได้เดินทางไปที่วัดหัวนา เพื่อเตรียมทำพิธีสวดอภิธรรมศพนายเม็ด ผู้เสียชีวิต โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
บรรยากาศงานศพของนายเม็ด
และเมื่อเวลา 19.30 น. ครอบครัวจึงได้เริ่มพิธีสวดอภิธรรมศพนายเม็ด บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีญาติสนิทที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และจ.สมุทรปราการ เพื่อร่วมงาน ซึ่งด.ญ.เอได้มาร่วมงานศพของพ่อ โดยอยู่ในอาการเสียใจ โดยครอบครัวคาดว่าจะตั้งสวดอภิธรรมที่วัดไว้เป็นเวลา 3 วัน
นางแวว (นามสมมติ) หลานของผู้เสียชีวิต
โดยนางแวว (นามสมมติ) หลานของผู้ตาย เปิดเผยว่า นายเม็ดน้าชายของตนนั้น เป็นคนนิสัยดีขยันทำมาหากิน แม้ว่าจะเป็นคนชอบดื่มสุรา แต่พอดื่มเสร็จแล้วก็จะเข้าห้องนอน ประมาณ 20.00 น. ก็จะปิดบ้านแล้วตนยืนยันว่าน้าชายไม่เคยมีเรื่องกับใคร ก่อนหน้านี้ที่น้าชายไปรับเหมาก่อสร้างใน อ.กำแพงแสนเป็นเวลา 7 วันนั้น ตนเองได้สอบถามกับนางชะเอม น้าสาวซึ่งเป็นแฟนผู้ตายแล้ว น้าสาวก็ยืนยันว่าไม่น่าจะใช่ปมปัญหา เพราะเถ้าแก่หัวหน้างานก็เป็นคนที่ทำงานร่วมกันมาถึง 10 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหากัน ทั้งนี้ ครอบครัวยังไม่มั่นใจว่าปมปัญหาที่นำมาสู่การสังหารนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งต้องรอให้นางชะเอมเป็นคนให้ข้อมูล
ภาพจำลองเหตุการณ์ขณะทำร้าย สองสามีภรรยา
นางแวว เล่าต่อว่า วันเกิดเหตุตนได้ยินคนพูดกันว่ามีคนฟันกัน ตนจึงวิ่งออกมาดู พบว่าเป็นน้าผู้ชายและน้าสาวของตนถูกฟัน โดยสภาพของน้าชะเอมมีเลือดท่วมตัว แต่ยังพอมีสติบอกได้ว่ารู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหวแล้ว ส่วนน้าเม็ดอยู่ในห้องนอนไม่ได้สติแล้ว มีบาดแผลที่ศีรษะและตามร่างกาย ซึ่งจากการสอบถาม ด.ญ.เอ ระบุว่าคนร้ายใช้อาวุธมีดและเหล็กขูดชาร์ปในการก่อเหตุ ซึ่งเหล็กได้แทงอวัยวะน้าเม็ดกว่า 14 แผล ตนจึงเรียกรถพยาบาลมาให้ความช่วยเหลือ กระทั่งน้าเม็ดเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนน้าชะเอมตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องผ่าตัดที่บริเวณข้างใบหู เพราะคนร้ายตั้งใจจะฟันคอ แต่น้าชะเอมเอาเก้าอี้มาบังไว้ อาวุธจึงเฉียดใบหู ซึ่งต้องรอการผ่าตัดอีกครั้ง โดยขณะนี้น้าชะเอมสามารถสื่อสารพูดคุยได้ แต่จดจำใบหน้าคนร้ายไม่ได้ เพราะกลุ่มคนร้ายใส่หมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า
ห้องเช่าที่ ด.ญ.เอ ขอความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นถูกยืนยันจากหลานว่ามาด้วยกัน 7 คน โดยแบ่งหน้าที่กัน เฝ้าหน้าบ้าน 2 คน เข้ามามาทำร้ายน้าชะเอม 1 คน และรุมทำร้ายนายเม็ดอีก 4 คน โดยคนร้ายไม่ได้สนใจเด็ก แต่ตั้งใจมาเอาชีวิตน้าทั้ง 2 คน อีกทั้ง ด.ญ. เอ บอกว่า น้าชะเอมพยายามยื่นเงินและทองให้ แต่คนร้ายกลับไม่เอา แต่หวังเอาชีวิตแทน นางแวว ยังกล่าวต่อว่าตอนนี้ครอบครัวยังไม่ทราบว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องใด แต่คงไม่ใช่ปัญหาเรื่องแก๊งทวงหนี้ เพราะครอบครัวไม่เคยไปกู้ยืมเงินใคร หรือมีปัญหาเรื่องเงิน ซึ่งขณะนี้กำลังรอภาพจากกล้องวงจรปิดของตำรวจ โดยยังไม่มั่นใจว่าคนร้ายหลบหนีไปทิศทางไหน เพราะถนนในชุมชนมีเส้นทางเข้าออกหลายทาง ตอนนี้ครอบครัวก็ขอวอนให้จับคนร้ายได้โดยเร็ว ตนเองก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก อยากจะรู้ว่าทำไมกลุ่มคนร้ายต้องมาก่อเหตุกับน้าของตนขนาดนี้ ตอนเห็นน้าตัวเองสิ้นลมหายใจ ตนเองแทบพูดไม่ออก ไม่คิดว่าต้องมาเจอภาพแบบนี้กับตัว
ภาพจากกล้องวงจรปิด พบรถต้องสงสัยเป็นผู้ก่อเหตุ
จากนั้นทีมข่าวจึงเดินทางสำรวจบริเวณรอบบ้านนายเม็ดและนางชะเอม พบว่าที่หน้าปากซอยทางเข้าบ้าน มีกล้องวงจรปิดของทางหลวงจำนวน 1 ตัว กล้องบริเวณถนน 3 แยก อีก 1 ตัว และกล้องที่หน้าบ้านของคนในชุมชนอีก 2 ตัว ส่วนบริเวณในซอยบ้านของผู้ตาย ไม่พบว่ามีกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าสลับกับบ้านเรือนคน โดยภาพจากกล้องวงจรปิดของคนในชุมชน พบว่าสามารถจับภาพของกลุ่มผู้ต้องสงสัยประมาณ 6 คัน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปตามเส้นทางถนนวัดหัวนา-วัดถ้ำขุนไกร รถจักรยานยนต์ทั้งหมดขับขี่มาในเวลาไล่เลี่ยกัน ในเวลาประมาณ 21.17 น. ตามเวลากล้องวงจรปิด ซึ่งกล้องวงจรปิดจะเดินเร็วกว่าเวลาปกติไป 21 นาที จึงคาดว่ากลุ่มของผู้ต้องสงสัยขับขี่ผ่านจุดนี้ไปในเวลาประมาณ 21.38 น. ตามเวลาจริง โดยเส้นทางที่ขับขี่ออกจากจุดนี้ไปนั้น สามารถมุ่งหน้าไปทาง ต.แก่งเสี้ยน และ อ.บ่อพลอยได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ