จากกรณีเมื่อเวลา 00.40 น. ของวันที่ 27 ส.ค. 64 พ.ต.ต.มนตรี เอกศิริ สว.(สอบสวน) สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่กระท่อมนาบ้านวังแสงหมู่ 14 ต.หายโศก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.จันทร์ทวี ชาวชายโขง รองผกก. (สอบสวน) แพทย์เวร รพ.บ้านผือ และอาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมจุดบ้านผือ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมนา ยกพื้นสูง พบศพนางบุญมี บุดดานอก หรือ ยายทุม อายุ 65 ปี และนายพูนทรัพย์ บุดดานอก หรือ ขุน อายุ 32 ปี แม่และลูกนอนจมกองเลือดอยู่บนกระท่อมนา ใกล้กันพบมีดพร้าเปื้อนเลือด 2 เล่ม วางอยู่ใกล้ศพ
จากการชันสูตรพบนางบุญมี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลม บริเวณหน้าท้องหลายแผล ส่วนนายพูนทรัพย์ถูกฟันด้วยมีดพร้า บริเวณศีรษะ เป็นบาดแผลฉกรรจ์ และถูกแทงด้วยมีดปลายแหลม บริเวณหน้าท้อง 1 แผล มีนายสุริยนต์ วงศ์ชัย อายุ 73 ปี สามีนางบุญมี ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ และยอมรับว่าแทงนายพูนทรัพย์ลูกเลี้ยงตาย เพื่อช่วยชีวิตภรรยา
นายสุริยนต์ ให้การว่า ตนเป็นสามีนางบุญมี อยู่กินได้ 2 ปีกว่า เป็นพ่อเลี้ยงนายพูนทรัพย์ ซึ่งพวกตนอยู่ออกมาอยู่ที่เถียงนา 2 คนเพื่อทำไร่อ้อยหลายสิบไร่ และเลี้ยงวัว 7 ตัว ส่วนนายพูนทรัพย์ไม่ทำมาหากิน ขอเงินแม่ไปซื้อยามาเสพ และมักจะทะเลาะมีปากเสียงกับแม่ประจำ เพราะต้องการให้แม่แบ่งที่ดินและวัวให้ แต่นางบุญมียังไม่ยอมแบ่งให้ลูก เพราะเกรงว่าจะนำไปขายซื้อยาเสพ จึงทำให้นายพูนทรัพย์ไม่พอใจ และมีปากเสียงทะเลาะมีปากเสียงกันประจำ
ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 22.30 น. คืนที่ผ่านมา นายพูนทรัพย์ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาหาแม่ และขึ้นไปบนกระท่อมนา ขอแบ่งสมบัติ ส่วนตนอยู่ในห้องน้ำด้านหน้าบ้าน ไม่นานได้ยินเสียงแม่ลูกโต้เถียงกันไม่นาน ก็ได้ยินเสียงนางบุญมีร้องโหยหวน ด้วยความเจ็บปวด ตนจึงวิ่งขึ้นไปดูก็พบนายพูนทรัพย์ใช้มีดปลายแหลมจ้วงแทงแม่ ตนเข้าไปช่วย และใช้มีดพร้าฟันหัวนายพูนทรัพย์ แต่มีดได้แฉลบถูกนางบุญมีด้วย ตนเข้าแย่งมีดแหลมมาแล้วแทงซ้ำที่ท้องหลายครั้ง จนนายพูนทรัพย์นอนแน่นิ่ง เสียชีวิต
ตนก็ลงมาล้างคราบเลือด แล้วก็เดินไปเอากระเป๋าเสื้อที่ห้อยอยู่ต้นไม้หน้าบ้าน และขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้าน ตนคิดได้ว่าเมียอาจจะยังไม่ตาย จะนำไปส่งโรงพยาบาล จึงขี่จักรยานยนต์ย้อนกลับมาดูเมีย แต่ก็เสียชีวิตแล้ว จึงยืนรอมอบ ตำรวจจึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ชนะเกียรติ วงศ์แสงเทียน ผกก.สภ.บ้านผือ นำกำลังควบคุมตัวนายสุริยนต์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กระท่อมนา โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 30 นาที แล้วควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางสาววรัธยา บุดดานอก อายุ 40 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต พี่สาวคนโตของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ทุกคนในครอบครัวตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครที่เห็นเหตุการณ์ที่แท้จริง เนื่องจากเกิดขึ้นบริเวณเถียงนา ซึ่งใกลจากหมู่บ้าน ปมสาเหตุก็คือนายพูนทรัพย์ ผู้เสียชีวิต กับนายสุริยนต์ วงศ์ชัย อายุ 73 ปี ผู้ก่อเหตุ เป็นพ่อเลี้ยง มักมีปัญหากันเนื่องจากไม่ชอบหน้ากัน โดยไม่มีใครทราบสาเหตุ แต่ก็ไม่เคยรุนแรงถึงการลงไม้ลงมือ ตัวของนายพูนทรัพย์ก็มักมีปากเสียงกับแม่ ตั้งแต่เริ่มมีการเสพยาเสพติดตั้งแต่ปี 2560
ซึ่งก่อนหน้านี้ นายพูนทรัพย์ออกไปอยู่กับครอบครัว แล้วก็เพิ่งเลิกกัน จนกลับมาอยู่กับครอบครัวได้ประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีการทำงานทำ วันเกิดเหตุคาดว่านายพูนทรัพย์ไปขอให้แบ่งเงินค่าเช่าที่ดิน 2 งาน ที่แม่เคยพูดว่าจะแบ่งให้คนละ 2 งาน แต่เปลี่ยนใจไม่ให้แล้ว นายพูนทรัพย์เข้าใจว่าเงินค่าเช่าที่ดินจะต้องเป็นของตัวเองจึงเข้าไปขอเงิน พอไม่ได้เงิน ก็จะเอาวัวที่เลี้ยงไว้ ไปขาย 1 ตัว จะเอาเงินไปซื้อยาเสพติด แล้วก็น่าจะมีปากเสียงกันก่อนที่จะลงไม้ลงมือกัน
จากการสันนิษฐาน ตนคาดว่านายพูนทรัพย์น่าจะมีปัญหากับนายสุริยนต์ก่อน แล้วนายสุริยนต์ก็แทงนายพูนทรัพย์ จากนั้นนางบุญมีคงรับไม่ได้เห็นลูกชายโดนแทง แล้วจะเข้าไปห้าม จึงโดนแทงจากข้างหลัง ทำให้เสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนตัวคาดคิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะนายสุริยนต์ตนก็ไม่รู้นิสัย ส่วนนายพูนทรัพย์เป็นคนดี แต่แค่มีเรื่องยาเสพติดเข้ามา ทำให้เกิดความรุนแรง