เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. ตำรวจได้รับแจ้งเหตุลูกฆ่าแม่เสียชีวิตคาบ้าน พื้นที่หมู่ 4 ต.หนองยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในที่เกิดเหตุ เป็นบ้านเพิงไม้ชั้นเดียว ภายในบ้านพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย สภาพบริเวณใบหน้าไม่สามารถจดจำเค้าโครงเดิมได้ ลำตัวและขาทั้ง 2 ข้าง มีบาดแผลฉีกขาดจากของมีคม จำนวน 17 แผล ทราบชื่อคือนางนพรัตน์ ไพศาลศิลป์ อายุ 67 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง ส่วนนก่อเหตุเป็นลูกของนางนพรัตน์ชื่อ นายโหนก อายุ 44 ปี เป็นผู้ป่วยจิตเวช
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังที่เกิดเหตุลักษณะบ้านอยู่ในสวนชะอม เป็นเพิงพักสองหลังหลัง ที่เกิดเหตุคือหลังของนางนพรัตน์ โดยยังพบคราบเลือดอยู่ภายในบ้าน ไฟเปิดอยู่ ไม่มีใครอยู่ภายในบ้านพัก
ผู้ก่อเหตุพูดจาวกวน กล่าวว่า ที่ฆ่าแม่เพราะอยากจะไปใช้ชีวิตหลังจากนี้ในคุก อยากเข้าคุก เพราะเบื่อที่จะอยู่แบบนี้แล้ว
นางสาวทองเพรช เติมไธสง อายุ 42 ปี ลูกสะใภ้ผู้ตาย เปิดเผยว่าวั นนี้เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่ตนเองกำลังจะออกไปทำธุระ สามีได้บอกว่าเกิดเรื่องที่บ้านกระต๊อบของแม่ และรีบขี่รถจักรยานยนต์ออกไปพร้อมกับลูกชายทันที แต่ตนเองไม่ได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงยังไม่ทราบว่าแม่เสียชีวิต หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปนาน แต่ตนเองยังไม่ได้โทรศัพท์สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งลูกชายขี่รถจักรยานยนต์กลับมามีสีหน้าไม่ดี แล้วบอกว่า "น้าโหนกใช้ครกทุบหัวย่าเสียชีวิตแล้ว" ตนเองตกใจและยังถามว่าจริงหรือ ลูกชายบอกว่าจริง
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการควบคุมตัวนายโหนกเอาไว้แล้ว และอยู่ในอาการไม่สงบ คือลุกนั่งตลอดเวลา และยังทราบว่าก่อนหน้านี้ที่ตนเองจะเดินทางมาถึง ยังเกิดอาการคลั่ง มีการแย่งปืนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย แต่ไม่ได้ใส่ลูกกระสุนไว้จึงควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้
ตนเองพยายามเข้าไปดูสภาพศพ พบว่าแม่มีบาดแผลถูกแทงตามร่างกาย และใบหน้าบุบทั้งหมด เนื่องจากถูกครกกระแทกอย่างรุนแรง ตนเองรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เห็นเพียงแต่ในข่าวไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง ที่ผ่านมานางนพรัตน์ผู้ตายป่วยเป็นโรคชรา เป็นผู้ป่วยติดเตียงมาได้ประมาณ 4-6 เดือนแล้ว และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มีนายโหนกซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กทำหน้าที่ในการดูแลตลอดมา ที่ผ่านมานายโหนกก็จะรักแม่เป็นอย่างมาก พากันไปไหนมาไหนตลอด โดยใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง
นายโหนกป่วยมีอาการทางจิตมานานกว่า 10 ปี และมักจะไม่ค่อยทานยา รวมถึงมีอาการติดยาเสพติดร่วมด้วย จึงเกิดอาการเห็นภาพหลอน คิดว่าแม่เป็นปอบ ตนเองยืนยันว่าผู้ตายไม่ได้มีปอบเข้าสิงตามที่นายโหนกคิด แต่เนื่องจากมีอาการหลอนจึงคิดไปเอง
ด้านนายนริตย์ ยะคะเรศ อายุ 46 ปี ลูกชายคนโตของผู้ตาย เล่าว่า วันนี้ตนเองป่วย กินยานอนอยู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านโทรศัพท์มาหา เวลาประมาณ 13.00 น. ให้มาที่บ้านด้วย เมื่อมาถึงก็เห็นน้องชายนั่งหน้าบ้าน และให้ไปดูแม่ที่อยู่ในกระต๊อบ แม่ไปเห็นสภาพของแม่ ตนเองก็หมดแรง ไม่คิดว่าจะทำกับแม่แบบนี้ เพราะที่ผ่านมาน้องชายเป็นคนจิตใจดี แต่น้องชายมีอาการทางจิตเวชด้วย เป็นคนดี ไม่โผงผาง มาเจอน้องชายวันนี้เหมือนไม่ใช่น้องที่เคยรู้จัก ยอมรับว่าแค้นน้องชาย แต่ก็ไม่อยากทำร้าย เพราะเป็นน้องชายแท้ ๆ
แม่ตนเองป่วยมาประมาณ 4 เดือน เพราะตกต้นสะเดา กระดูกเชิงกรานร้าวเดินไม่ได้ และพอจะลุกนั่งได้บ้าง ตนเองและลูกชายจะแวะเวียนมาดูประจำ ตนเองไม่อยากจะโทษน้องชาย เพราะมองว่าต้องมีคนพยายามเข้ามาที่บ้าน คาดว่าเป็นเพื่อนน้องชาย มีการมาส่งยาเสพติดให้ มองว่าน้องชายหลอนยาจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และติดใจชายคนนี้ เพราะที่ผ่านมาตนเองเคยเห็นพฤติกรรมมักจะเข้ามาหาน้องชายที่บ้าน จึงอยากจะให้ตำรวจขยายผลจับกุมให้เร็วที่สุด