จากคดีดัง ผู้กำกับโจ้ กับ 6 ตำรวจ คลุมถุงหัว นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หลังจากถูกจับคดียาเสพติดที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ โดย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ โจ้ ผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ รับสารภาพว่าใช้ถุงดำคลุมหัวจนตาย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 64 และสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมก่อเหตุ หลังมีคลิปวงจรปิดเผยพฤติกรรมออกมาเป็นนาทีก่อเหตุ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 64 เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้ง 7 รายแล้วนั้น
นางบวรลักษณ์ พงษ์สุกฤฏิ แม่ของ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว เผยว่า หลังคำให้การของผู้กำกับโจ้ที่มีการออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ตนเองเชื่อทั้งหมดที่ผู้กำกับพูดว่าไม่ได้มีการกระทำที่เจตนาจะให้ใครตาย ไม่ถึงขั้นเอาชีวิตใคร ถ้าไม่เป็นความจริงก็คงไม่กล้าที่จะพูดออกสื่อ หลังจากที่ลูกชายถูกนำตัวฝากขังก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยม เนื่องจากเป็นช่วงโควิด-19 เรือนจำไม่อนุญาต ได้แต่ฝากข้อความส่งกำลังใจให้อดทนและสู้เท่านั้น ช่วงนี้ก็ไม่ใช่เป็นช่วงที่จะต้องมาโจมตีหรือกันว่าร้ายให้กับใคร ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อีกครั้ง ตนเองเชื่อว่าหลังจากที่ผู้กำกับโจ้ตัดสินใจที่จะพูดความจริง ออกมาปกป้องลูกน้องรับผิดเพียงคนเดียว ลูกชายก็คงจะเห็นการออกมาให้สัมภาษณ์ดังกล่าวแล้ว ก็คงเข้าใจอะไรมากขึ้นว่าตัวของผู้กำกับโจ้ก็ไม่ได้ทอดทิ้งใคร
กรณีที่มีการแยกตัวของผู้ต้องหาทั้งหมดรวมถึงตัวของผู้กำกับโจ้ ไม่ฝากขังที่เรือนจำนครสวรรค์ แต่นำไปฝากขังที่เรือนจำพิษณุโลกแทนนั้น ไม่ได้มีอะไรที่เรียกว่าสบายใจหรือไม่สบายใจ ที่ทราบมาเรือนจำนครสวรรค์เป็นเรือนจำขนาดเล็ก และตอนนี้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การที่นำทั้งหมดไปฝากขังที่เรือนจำพิษณุโลกอย่างน้อยก็ปลอดภัยจากโรคโควิด คงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ว่าจะมีใครทำร้ายตำรวจ
สำหรับกระแสสังคมที่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติของชุดจับกุมมองว่ากลุ่มของผู้ต้องหา 5 คนแรก ไม่สามารถเจอกับเพื่อนหรือครอบครัวได้ในระหว่างการสอบปากคำ และที่สำคัญต้องมีการนอนภายในห้องขังของโรงพักเมืองนครสวรรค์ แต่ในมุมของตัวผู้กำกับโจ้และรองต้อง ไม่ได้ถูกคุมขังภายในห้องขังของโรงพัก นอนห้องแอร์ ตนเองมองว่าในคืนนั้นการควบคุมตัวผู้กำกับโจ้มาเป็นช่วงเวลากลางคืน ทำให้จึงต้องมีการสอบปากคำ และไม่ได้ถูกฝากขังเหมือนกรณีของลูกชาย อีกทั้งเชื่อว่าด้วยตำแหน่ง หรือคนเป็นระดับของผู้กำกับโรงพักเป็นผู้บังคับบัญชา ก็อาจมีเรื่องของวิธีการขั้นตอนที่แตกต่างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของอภิสิทธิ์ เพราะถือว่าเป็นการเคารพในฐานะที่เคยเป็นถึงระดับหัวหน้าสถานีเท่านั้น
สำหรับโอกาสที่ตนเองและคนในครอบครัวไม่สามารถเข้าเยี่ยมหรือให้กำลังใจในระหว่างที่มีการสอบปากคำ เป็นเพราะว่าช่วงเวลาที่ต่างกัน จึงทำให้ไม่มีช่วงเวลาที่เหมาะสม แม้ว่าตนเองจะเอนเอียงหรือพูดทำนองเข้าข้างผู้กำกับ ก็ไม่ได้หมายความว่าตนเองจะเข้าข้างใคร เพราะทุกอย่างเกิดจากความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ในวันนี้นายสิระลงพื้นที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัวของนายมาวิน และช่วงที่ผ่านมาตัวของครอบครัวนายมาวินก็เปลี่ยนคำให้การเริ่มสงสัยและติดใจการตาย ตนเองคงแสดงความคิดเห็นไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล หากเป็นไปได้ก็อยากให้ศาลพิจารณาอนุญาตให้มีการประกันตัว อย่างน้อยก็สามารถที่จะออกมาต่อสู้คดีและใช้กระบวนการในการหาหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังที่อยู่ของ ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา (ต้อง) รองสว.(ป.) สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งอาศัยอยู่ในแฟลตตำรวจ นางสาวแวว (นามสมมติ) ภรรยาของ ร.ต.ท.ธรณินทร์ กล่าวว่าหลังจาก ผกก.โจ้ ให้สัมภาษณ์ต่อว่าเขาก่อเหตุคนเดียว ตัวเองในฐานะภรรยาผู้ต้องหาก็ยังรู้สึกสบายใจ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมสามีที่เรือนจำ เพราะสามียังอยู่ในช่วงกักตัว แต่อยากบอกสามีว่าให้เขาสู้ ๆ
สำหรับมามีเป็นคนนิสัยดี ไม่เคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวนี้มาก่อน ตัวเองเหมือนขาดเสาหลักครอบครัว และต้องทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวต่อ หลังจากวันเกิดเหตุ 5 ส.ค. 64 สามีตัวเองก็มีอาการเครียด นั่งซึม ไม่พูดคุย ถามคำตอบคำ แต่ก็ไม่ได้เล่าเหตุการณ์อะไรให้ตัวเองฟัง คิดว่าสามีคงไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งนี้ ตัวเองอยากขอความยุติธรรมยากสังคมว่าอย่าเพิ่งตัดสินพิพากษาสามีจากคลิปวงจรปิดอย่างเดียว นอกจากนี้ วันนี้ตัวเองก็เริ่มเก็บข้าวของออกจากห้องของแฟลตตำรวจ หลังจากที่อาศัยอยู่กับสามีมา 10 กว่าปี ต้องเก็บเสื้อผ้าเก็บของย้ายห้องออกจากที่แฟลตไป
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายแมน (นามสมมติ) พ่อของ พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง (ต้น) สว.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ฝากขังลูกชายที่เรือนจำกลางพิษณุโลก ตัวเองก็ยังไม่ได้เยี่ยมลูกชายแต่อย่างใด และตัวเองไม่ขอออกความคิดเห็นกรณี ผกก.โจ้ ตอบผู้สื่อข่าวว่า ขอรับผิดคนเดียว ตัวเองขอให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
ทั้งนี้ สภาพจิตใจตัวเองตอนนี้ก็ยังคงย่ำแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตราบใดที่ลูกชายยังพ้นข้อกล่าวหา ส่วนที่มีรายงานว่า ผกกก.โจ้ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหานั้น ตัวเองก็ยังไม่รู้ข้อมูลเพราะไม่ได้ติดตามข่าว จึงไม่อยากออกความคิดเห็น อยากให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
ล่าสุด บริเวณห้องสอบสวนของร้อยเวร หมายเลข 3 ที่อาคารชั้น 1 ได้มีการนำฟิวเจอบอร์ดสีขาวมาปิดทับรูปภาพของ ผกก.โจ้ เมื่อวานนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าสาเหตุมาจากภาพลักษณ์ขององค์กร
ส่วนบริเวณผังรายชื่อตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ยังพบว่ามีรูปและชื่อ ผกก.โจ้ ติดอยู่ และพบว่าบริเวณระจกทางเข้าห้องสอบสวนหมายเลข 2 ยังพบว่ามีชื่อสกุล ผกก.โจ้ ติดอยู่ตามเดิม
ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ประชุมกันว่า ถ้ามีคดียาเสพติดจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาในคดีนาเสพติดที่ห้องไหน อาคารใด เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ถ้ามีคดียาเสพติด คาดว่าน่าจะมีการนำผู้ต้องหาไปสอบสวนที่ห้องสืบสวนทางด้านหลังอาคารสำนักงานของโรงพัก ส่วนห้องปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติด หรือห้อง 05 ตอนนี้ยังคงกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า จนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในห้องดังกล่าวแล้วเสร็จ