จากกรณีกระทรวงยุติธรรมให้ความช่วยเหลือ
นายวรวิทย์ สินทองน้อย ผู้ที่ตกเป็นแพะซ้ำซ้อน จากคดีตกเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหาคดียิงคนตาย ซึ่
งศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้อง แต่นายวรวิทย์ กลับ ไม่ได้รับการปล่อยตัวเพราะถูก
ตำรวจอายัดในคดียาเสพติด แต่ต่อมาพิสูจน์ได้ว่านายวรวิทย์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งยาเสพติด ศาลจังหวัดเดชอุดม พิพากษายกฟ้อง และปล่อยตัวให้ได้รับอิสรภาพเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2560
ล่าสุด วันที่ 26 พฤษภาคม 2560 เวลา 18.50 น.
นายวรวิทย์ สินทองน้อย ผู้ที่ตกเป็นแพะซ้ำซ้อน ได้เล่าถึงวินาทีออกจากเรือนจำ ผ่าน
รายการต่างคนต่างคิด ว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง เพราะจะได้กลับมาอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา เรียกได้ว่าครอบครัวคอยให้กำลังใจตลอดระยะเวลา 7 ปี ทำให้ตนมีแรงฮึดสู้ และต้องขอบคุณทางกระทรวงยุติธรรมที่เข้ามาช่วยเหลือจนตนเองพ้นโทษ พร้อมเล่าเรื่องราววันเกิดเหตุ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2553 ให้ฟังว่า ตนได้ขับรถผ่านไปที่งานชกมวยการกุศลตามปกติ พอเช้าวันรุ่งขึ้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาบอกว่าเราถูกจับกุมในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นและต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งตนให้การปฏิเสธมาตลอดตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนถึงศาลฎีกา ผลสุดท้ายศาลตัดสินยกฟ้องเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 จึงให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมร่วมกันทั้งหมด 5 คน ส่วนอีก 1 ราย คือ นายไชยยันต์ สุนันทา ยังถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ เนื่องจากไม่ได้ร่วมยื่นฎีกากับกลุ่มเพื่อน
วรวิทย์ บอกอีกว่า ส่วนคดีร่วมกันสมคบคิดกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ตนเองโดน อีก 1 คดีนั้น พอได้ยินก็รู้สึก
เหมือนถูกสายฟ้าฟาด ที่พนักงานสอบสวน สภ.เดชอุดม ได้ขออายัดตัวในข้อหาค้ายาเสพติดอีก ซึ่งตนไม่เคยมีประวัติการเสพยาเสพติดมาก่อน ซึ่งขณะนั้นคิดเพียงเราต้องสู้ให้ถึงที่สุด และผลสุดท้าย ตนเองก็ได้รับการปล่อยตัว และเป็นอิสระในที่สุด พร้อมกล่าวว่าหลังจากออกมา
ไม่ได้ติดใจอะไร ไม่อยากเอาความผิดกับตำรวจและอยากอยู่อย่างสงบ หลังจากนี้ตนจะหาฤกษ์บวช และเดินหน้าประกอบอาชีพเป็นช่างทำท่อไอเสียรถยนต์ต่อไป
นายณัชพล สุพัฒนะ ประธานชมรมมิตรภาพพิทบลู หรือ
“มาร์ค พิทบลู” บอกว่า ในฐานะที่ตนเองได้เดินทางไปฟังคำตัดสินด้วยตัวเองก็รู้สึกดีใจที่วรวิทย์รอดจากการเป็นแพะ และเจ้าใจวรวิทย์ที่ไม่อยากที่จะเอาเรื่องใคร เพราะเขาได้ออกมาเจอหน้าครอบครัวก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว และไม่มีใครอยากมีปัญหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้าใจทีมงานกระทรวงยุติธรรมที่ลงไปช่วยเหลือ ในการหาหลักฐานที่ไม่ได้ง่ายเลยจริงๆ และเป็นไปไม่ได้หากประชาชนจะหาหลักฐานเอง โดยหลังจากนี้จะตั้งศูนย์ช่วยเหลือแพะและจัดหาอาชีพ เพราะเห็นว่าคดีแพะมีอยู่จำนวนมากในประเทศไทย
นายประสิทธิ์ศักดิ์ ฝอยทอง ทนายความ ที่ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ได้ตามพิสูจน์ในคดีฆ่าผู้อื่นจนศาลฎีกากลับคำพิพากษา บอกว่า คดีนี้เป็นคดีที่ยากพอสมควร และเรือนจำกลางอุบลราชธานี เป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง มีอุปกรณ์ใช้ตัดสัญญาณการใช้โทรศัพท์ ที่สำคัญระหว่างถูกควบคุม วรวิทย์ ไม่มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับคดียาเสพติดมาก่อน รวมทั้งจากการสอบถามเพื่อนบ้านก็ไม่พบพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวยาเสพติดเช่นกัน จึงได้นำพยานบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมทั้งหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์เสนอให้ศาลพิจารณา จนศาลเชื่อถือในหลักฐานและมีคำสั่งยกฟ้องและให้ปล่อยตัว วรวิทย์ พ้นจากการควบคุม