จากกรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี จับกุม นายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือ แมน อายุ 41 ปี ปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ พร้อมพวกรวม 11 คน หลังนำรถออฟโรด 6 คัน ลักลอบเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี ก่อนถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เข้าตรวจค้น โดยพบปืนไรเฟิล ติดกล้องและอุปกรณ์เก็บเสียง ปืนสั้น เครื่องกระสุน และซากหมีขอ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงควบคุมตัวทั้งหมดไปสอบปากคำเพิ่มเติม ที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง (อ่าน :
กลุ่มเพื่อนทับลาน สะท้อน “คดีหมีขอ” เกิดจากปรากฎการณ์ “เปรมชัยระบาด” แนะรัฐเพิ่มโทษ )
วันที่ 8 ต.ค. 61
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการติดตามคดี พร้อมเปิดเผยว่า คดีล่าเสือดำกับล่าหมีขอแตกต่างกัน เพราะหมีขอไปเจออุ้งตีน 4 อุ้ง ต้องตรวจสอบว่าเป็นหมีตัวเดียวกันหรือไม่ เพราะจะมีผลเรื่องการแจ้งข้อหา ถ้ามาจากคนละตัว ยังไม่เข้าข้อหาล่าสัตว์ เพราะถ้าหมีขาขาดไปขาหนึ่ง มันยังไม่ตาย แต่ถ้าทั้ง 4 ขา เป็นตัวเดียวกัน มันต้องตายแน่นอน แต่ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ ก็เป็นคดีครอบครองสัตว์ป่า ซึ่งมีโทษจำคุก 4 ปี
ตำรวจภูธรกาญจนบุรี และตำรวจภูธรไทรโยค นำรถของกลางทั้ง 6 คัน คดีปลัดด่านมะขามเตี้ย และพวกที่ถูกจับกุม หลังตรวจพบปืนไรเฟิล เครื่องกระสุน และซากหมีขอน้ำหนัก 9 ขีด ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เข้ามาเก็บไว้ที่ สภ.ไทรโยค เพื่อรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจพิสูจน์พรุ่งนี้ 8 โมงเช้า โดยจะมีทีมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจาก ตร.ภูธรภาค 7 เข้าไปตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งตลอดทั้งวัน ได้สอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 11 คน อย่างเคร่งเครียด และการประชุมชุดสืบสวน ซึ่งเป็นชุดเดียวที่คลี่คลายคดีเสือดำ และได้รับมอบหมายให้มาดูแลรับผิดชอบคดีนี้ เนื่องจาก มีประสบการณ์ทำคดีลักษณะเดียวกัน รู้ขั้นตอนและข้อกฎหมายอยู่แล้ว
โดยเบื้องต้น ข้อหาที่ตำรวจได้แจ้ง 9 ข้อหา เป็นความผิดร่วม กับทั้ง 11 คน อาทิ ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง, ร่วมกันล่าหรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง, ร่วมกันนําเครื่องมือสําหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป แม้ว่าของกลางทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น อาวุธ กระสุน มีด ซากหมีขอ จะพบอยู่ในรถคันที่ 5 ที่มีนาย อนุสรณ์ ซึ่งเป็น อส. เป็นคนขับ
ขณะที่
พลตำรวจตรีธนา ชูวงศ์ รักษาการผู้การฯ ภาค 7 เผยว่า ตอนนี้สอบปากคำผู้ต้องหาไปแล้ว 5-6 ปาก ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไปซื้ออุ้งตีนหมีขอมา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำตลอดทั้งคืน จนวันพรุ่งนี้ รวมทั้งจะต้องสอบผู้เสียหาย คือ เจ้าหน้าที่อุทยาน เนื่องจากเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ ระยะทางไกล ไม่สามารถติดต่อได้ โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ส่วนพยานหลักฐานที่พบ ทั้ง ขาหมี เขียง มีด ส่งตรวจดีเอ็นเอแล้ว อยู่ระหว่างรอผลตรวจ
ทั้งนี้ในส่วนการสอบปากคำ อส.อนุสรณ์ ที่อ้างว่าไปซื้อขาหมีมาจากชาวบ้านราคา 100 บาท นั้น ได้ส่งชุดสืบสวนติดตามหาชาวบ้านคนดังกล่าว แม้เจ้าตัวจะอ้างว่าไม่รู้จักกันมาก่อน ส่วนปืนไรเฟิล อส.อนุสรณ์ อ้างว่ายืมมาจากเพื่อน และติดอยู่ในรถ ส่วนกระสุนที่พบในรถ มีคนนำมาฝากไว้
ขณะที่ประเด็นการขออนุญาตเข้าอุทยาน ต้องรอการสอบถามจากเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ รวมถึงตรวจสอบหลักฐานรูปถ่าย ของการลงพื้นที่วันนี้ เพื่อเทียบเคียงที่ตั้งแคมป์ และตรวจพิสูจน์ว่ามีร่องรอยการล่าสัตว์ หรือมีการทานชิ้นส่วนตัวหมีเข้าไปหรือไม่สำหรับในวันพรุ่งนี้จะมีการออกหมายค้นบ้านผู้ต้องหาทั้ง 11 คน เบื้องต้นเข้าค้นบ้างแล้ว แต่ต้องรอสรุปผลการตรวจค้นอีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง ที่ ศาล จ.กาญจนบุรี โดยคัดค้านการประกันตัว
อ.ศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ต้องใช้วิจารณญาณกันเอง เลือกเชื่อส่วนไหน ไม่เชื่อส่วนไหนผิดถูกต้องรอศาลตัดสิน อีก 4-5 ปี ถ้าให้การปฎิเสธกระบวนการยุติธรรมก็เป็นแบบนี้ ปลัดท่านนี้ อาจจะหลุดไปเลย หากสำนวนคดีในชั้นสอบสวน (ตำรวจ) ระบุว่าไม่เกี่ยวข้องตามที่ให้การ แล้วอัยการเห็นควรไม่ฟ้อง นี่เป็นขั้นที่ 1 อันนี้รู้ผลเร็ว หลุดเลย ขั้นที่สอง ไปหลุดในชั้นศาลเนื่องจากพยานหลักฐานเชื่อมโยงไม่ถึง ซึ่งทั้งหมดจะต้องใช้เวลาตามกระบวนการยุติธรรม อันนี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน"
"คดีนี้น่าจะต่างกับคดีเปรมชัยพอสมควร ตรงยังไม่มีหลักฐานในพื้นที่ที่ไปล่า อันนี้มาตรวจค้นเจอในรถ ขณะออกมาแล้ว และเป็นรถคนละคัน ก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริงต่อไป"
ด้าน
นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ เลขานุการรองอัยการ หัวหน้าคณะทำงานคดีล่าสัตว์ป่าฯ คดีนายเปรมชัย เผยว่า กระบวนการสอบสวนเหมือนเพิ่งเริ่มกลัดกระดุมเม็ดแรก ขณะนี้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพนักงานสอบสวน ว่าจะรวบรวมพนักงานสอบสวนได้มากน้อยขนาดไหน หากทำอย่างรัดกุมก็จะสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งคณะ
นายสมเจตน์ กล่าวอีกว่า คดีนี้ไม่เหมือนกับคดีของนายเปรมชัย เนื่องจากกรณีนั้น พบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุชัดเจน และเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบทั้ง ดีเอ็นเอ ซากสัตว์ที่เพิ่งล่ามาใหม่ ร่องรอยของกระสุนปืนในซากเสือดำมันตรงกับปืนที่ผู้ที่เข้าไปในป่าตรงกัน จึงพิสูจน์ได้ว่ามีการล่าเสือดำเกิดขึ้น แต่เรื่องการล่าหมีขอ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามีการล่าจริงหรือไม่ เพราะยังไม่ได้มีการตรวจสอบ และเจ้าหน้าที่ตอนตรวจสอบก็พบเพียงแต่อุ้งตีนหมีอย่างเดียว จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีการล่าหมีขอ หรือ เพียงแค่ซื้อมาจากชาวบ้าน
ทั้งนี้ ในกลุ่มดังกล่าว มีปลัดอำเภอเข้าไปร่วมกลุ่ม ซึ่งจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้น อาจต้องรอการตรวจสอบว่า มีการล่าเกิดขึ้นหรือไม่ หรือปลัดอำเภอรู้เห็นว่ามีการซื้อขายกันหรือไม่ ถ้าไม่รู้ ปลัดอำเภอก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันกับพนักงานสอบสวนให้ได้ ทั้งเรื่องที่ตนเองไปร่วมกลุ่มเข้าป่า และเรื่องตอนที่ซื้อขายตัวปลัดอำเภอเองอยู่ที่ไหน หากไม่สามารถหาคำตอบได้ ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน