จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมาเกิดเหตุทะเลาะวิวาทของกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่กราดยิงด้วยปืนอาก้า ภายในซอยราชปรารภจนกระทั่งมีชาวต่างชาติถูกยิงได้รับบาดเจ็บ บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าดัง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ยืนยันมีผู้บาดเจ็บ 4 รายและผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน หัวกระสุนตกอยู่หลายปลอกทั้งอาก้าและปืนสั้น ต่อมานายปรีชา ศักดิ์อุดมไพศาล อายุ 28 ปี หรือ ตั้ม ตึกแดง ซึ่งในขณะนี้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับแล้วทั้งหมด 6 ราย และอยู่ในการติดตามตัวอีก 5 รายซึ่งกำลังหลบหนีอยู่นั้น ( อ่าน :
โจ๋แก๊งยิงอาก้าถล่มประตูน้ำ ดอดมอบตัวกลางดึก 1 จ่อออกหมายจับอีก 4 ราย )
วันที่ 10 ต.ค. 61 เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.พญาไท ควบคุมตัว "นายปรีชา ศักดิ์อุดมไพศาล หรือ ตั้ม อายุ 28 ปี" ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทจนกระทั่งยิงปืนปะทะกัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยผู้ต้องหาสวมหมวกกันน็อค เสื้อยืดดำ เสื้อเกราะกันกระสุน กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ สวมกุญแจมือ ที่บริเวณจุดเกิดเหตุลานจอดรถทัวร์ ภายในซอยราชปรารภ 2
การทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เริ่มต้นโดยนำตัว นายตั้ม (ผู้ต้องหา) ไปชี้จุดแรกที่บริเวณร้านโต๊ะสนุกเกอร์ ที่ นายยา (คู่กรณี) เข้ามาหาเรื่องจนกระทั่งมีปากเสียงกันก่อนจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน
จุดที่สอง คือ บริเวณศาลพระภูมิ ใต้ต้นโพธิ์หน้าร้านโต๊ะสนุกเกอร์ ซึ่งเป็นจุดที่นายตั้ม นำปืนมาซ่อนทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า โดยส่วนใหญ่ตามร้านสนุกเกอร์มักจะซ่อนอาวุธปืนไว้ที่สถานที่ใกล้เคียง ก่อนนำตัวชี้เส้นทางจากร้านโต๊ะสนุกเกอร์ไปบ้านของนายพรเทพ หรือนายเพชร
จุดที่สาม คือ บริเวณหน้าร้านอาหารหัวมุมทางเดินไปบ้านนายเพชร ในซอยราชปรารภ 2 ซึ่งนายตั้มให้การว่าจุดนี้ ตนและกลุ่มเพื่อนอีก 6-7 คนเดินมาสั่งอาหารไปกินวันเกิด ระหว่างนั้นมองเห็นกลุ่มของนายเพชรที่ยืนอยู่หัวมุมโค้งภายใน ซอยราชปรารภ 2 พร้อมกวักมือเรียกให้เข้าไปหา หลังจากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นจากกลุ่มของนายเพชร ก่อนที่ตนจะใช้อาวุธปืนที่พกมาด้วยยิงสวนกลับไป
จุดที่สี่ คือ บริเวณหัวมุมทางโค้งทางเดินไปบ้านนายเพชร จุดนี้เป็นจุดที่กลุ่มของนายตั้มมองเห็นฝั่งนายเพชร ออกมาพร้อมกับปืนอาก้า จึงหลบอยู่หลังเคาท์เตอร์หน้าร้านครัวประตูน้ำเพื่อเป็นเกาะป้องกันก่อน ยิงปะทะสาดกันไปมากับกลุ่มนายเพชร จนกระทั่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
จุดที่ห้า คือ นำตัวไปชี้จุดที่บ้านของนายเพชร ภายในซอยราชปรารถ 2 ซึ่งนายตั้มให้การว่า ตัดสินใจเข้าไปถามที่บ้านว่ามีใครอยู่หรือไม่ เพราะต้องการเจรจาไกล่เกลี่ยให้จบเรื่อง ก่อนที่นายเพชรจะตะโกนออกมาว่า ให้ไปรอที่ลานกว้าง และพูดว่า "กูลูกผู้ชายพอ ไม่ใช่ตุ๊ด"
จุดที่หก คือ บริเวณเต็นท์รอรถทัวร์ของนักท่องเที่ยว ซึ่งนายตั้มให้การว่า ขณะก่อเหตุแล้ว มองเห็นนักท่องเที่ยวถูกยิงจนล้มลงที่บริเวณเต็นท์ดังกล่าว ก่อนที่จะรีบกลับไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างโต๊ะสนุกเกอร์
จุดที่เจ็ด คือ ร้านก๋วยเตี๋ยว ข้างโต๊ะสนุกเกอร์ เป็นจุดที่นายตั้มใช้เปลี่ยนกระสุนปืนและนำปืนมาเก็บหลังก่อเหตุ
จุดสุดท้าย คือ จุดที่นายตั้มเดินหลบหนีออกทางประตูด้านหลังโต๊ะสนุกเกอร์ ทะลุไปซอยราชปรารภ 4 ซึ่งขณะนั้นนายตั้มให้การว่า ขณะเดียวกันกลุ่มของนายเพชร เดินลัดเลาะจากซอยราชปรารภ 2 มาทะลุซอยราชปรารภ 4 ก่อนยิงปะทะกันอีกครั้ง จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวลาวได้รับบาดเจ็บ 1 รายนั่นเอง
ซึ่งในระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ไม่มีเหตุการณ์ชุลมุนหรือการรุมประชาทันฑ์แต่อย่างใด มีเพียงนักท่องเที่ยวชาวไทยและอินเดียที่มายืนดูการทำแผนของเจ้าหน้าที่เท่านั้น
พล.ต.ต. คัชชา ธาตุศาสตร์ รอง ผบช.น.ระบุว่า นายตั้มให้การว่าฝั่งของนายพรเทพหรือเพชร ไปหาเรื่องตนเองก่อน จากนั้นจึงมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย และตกลงกันว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกัน ก่อนจะมีปากเสียงพร้อมใช้อาวุธปืนยิงปะทะกันจนมีนักท่องเที่ยวได้รับลูกหลง การมามอบตัวของนายตั้ม เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าต้องการป้องกันตัว และในส่วนของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นนายตั้มอ้างว่า ซื้อปืนมานานแล้ว โดยในขณะนี้ตำรวจไม่พบอาวุธปืนอาก้า ส่วนนายบำเพ็ญ หรือม็อก พุ่มพวง อายุ 44 ปี พ่อของนายพรเทพ ที่ออกมาช่วยลูกและใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มกลุ่มนายปรีชา จนลูกหลงไปถูกนักท่องเที่ยวเสียชีวิตนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหลบหนี แต่ตำรวจยืนยันว่าในเหตุการณ์นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล
ทั้งนี้ สำหรับวัยรุ่นที่ก่อเหตุมีทั้งหมด 25 คน จับได้แล้ว 6 คน ออกหมายจับแล้ว 11 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ ส่วนผลชันสูตรศพ จากนิติเวช รพ.ตำรวจ ระบุว่าผู้เสียชีวิตจากกระสุนปืนแรงดันต่ำ แต่ไม่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตถูกอาวุธปืนชนิดใด