กรณีตำรวจ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บหลายราย เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 4 ก.ย.64 โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 89/3 หมู่ 3 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างราชบุรี
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ที่บริเวณใต้ถุนบ้านพบเพียงกองเลือดหลายจุด พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก และพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่หลายจุด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ามีทั้งหมด 6 ปลอก จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่ามีทั้งหมด 4 คน เป็นหญิง 3 คน ชาย 1 คน ถูกนำตัวส่ง รพ.เจ็ดเสมียน ไปก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบด้วย
1.นายอเนก ศรีกุดทอง อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุ ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ศรีษะด้านขวา อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
2.นางสาวิตรี อายุ 40 ปี ถูกยิงที่แขนข้างซ้าย
3.นางลัดดาวัลย์ อายุ 62 ปี ถูกยิงเข้าที่แขนข้างขวา
4.น.ส.ณัฐวรรณ อายุ 18 ปี ถูกยิงเข้าที่หลังทะลุหน้าอก
ล่าสุดวันที่ 5 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ นายสมศักดิ์ เกตุหลำ อายุ 63 ปี พ่อตาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ เปิดเผยว่า นายเอก ผู้ก่อเหตุ เเต่งงานอยู่กินกับลูกสาวตนมา 10 ปีเเล้ว ซึ่งลูกสาวของตนนั้นมีอาชีพขายของ เเละขายลอตเตอรี่ออนไลน์ ทำให้นายเอก เกิดความหึงหวง จนเกิดมีปากเสียงกันหลายครั้ง แต่ตนยืนยันว่าลูกสาวไม่เคยมีเรื่องชู้สาว คาดว่านายเอกคิดไปเอง นอกจากนี้ ลูกเขยยังทำร้ายร่างกายลูกสาวของตนหลายครั้ง เเละยังพังโทรศัพท์ของลูกสาวทิ้งไปหลายเครื่อง ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 นายเอก บีบคอภรรยาของตัวเองจนเลือดออกปาก เเละวันต่อมายังส่งข้อความมาข่มขู่ว่าจะฆ่าให้ตายอีกด้วย
จากนั้นวันที่ 2 ก.ย.64 ตนจึงพาลูกสาวไปเเจ้งความที่ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี เเละพาลูกสาวไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย ซึ่งนายเอกก็พยายามตามหาฝ่ายหญิงตลอดเวลา กระทั่งวันที่ 4 ส.ค.64 ลูกเขยได้ขับรถยนต์กระบะ ทะเบียน กน-900 ราชบุรี มาจอดที่หน้าบ้าน พอเดินเข้าไปในบ้าน ก็ได้ยินเสียงปืนหลายนัด ตนจึงวิ่งออกไปดู เห็นภรรยา หลานสาว และหลานสะใภ้ ถูกยิง จนวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ซึ่งจังหวะนั้นหลานสาวได้เดินเซมาหาตนจึงอุ้มหลานสาวไปหลบหลังบ้าน โดยระหว่างที่กำลังอุ้มหลานสาว นายเอกพยายามจะยิงตนด้วย เเต่กระสุนไม่โดน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาอีก พอออกมาดูก็เห็นนายเอก นอนจมกองเลือดอยู่ จึงได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ และแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยนำคนเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาล
"จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมโกรธนายเอกมาก ๆ ผมมองว่าการที่นายเอกเสียชีวิต ถือเป็นเวรกรรมที่เขาได้กระทำแล้ว เเต่ถึงเเม้นายเอก จะตายไป ผมก็ไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด เพราะสิ่งที่เขาทำกับครอบครัวของผมมันเลวร้ายเกินไปจริง ๆ" นายสมศักดิ์ พ่อตา กล่าวทิ้งท้าย
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้วิดีโอคอล พูดคุยกับนางสาวิตรี อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บ ถูกยิงที่แขนข้างซ้าย ขณะนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยนางสาวิตรี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนนั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน 3 คน ประกอบด้วย ตน ลูกสาว เเละเเม่สามี ซึ่งระหว่างนั้นเเม่ของนายเอก ได้โทรศัพท์มาหาเเม่สามี โดยเตือนว่านายเอกโทรศัพท์มาลาตาย เเละขับรถออกไปเเล้วให้ทุกคนระวัง หากหนีได้ก็รีบหนีไปก่อน ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่คิดว่านายเอกจะลงมือก่อเหตุจริง
กระทั่งนายเอก ขับรถกระบะมาจอดหน้าบ้าน ทุกคนรู้สึกได้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเเน่ ๆ จึงลุกขึ้นเพื่อจะหลบเข้าบ้าน เเต่นายเอกก็ถือปืนลงมาจากรถ เเล้วยิงใส่ตนเป็นคนเเรก โดยที่ไม่ได้ถามอะไร ก่อนจะยิงลูกสาว เเละยิงเเม่สามี ซึ่งหลังจากถูกยิง ตนได้วิ่งหลบออกไปทางหน้าบ้าน เพื่อขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ส่วนเเม่กับลูกสาวได้วิ่งหลบไปทางหลังบ้าน
โดยที่ผ่านมา นายเอก เคยทำร้ายร่างกาย น.ส.เเก้ว ผู้เป็นภรรยาหลายครั้ง จนครอบครัวต้องพา น.ส.เเก้ว หนีไปอยู่ที่อื่น โดยนายเอก ก็จะพยายามส่งข้อความมาหา ข่มขู่ว่าจะฆ่าภรรยาให้ตาย หากเลิกก็จะจบไม่สวย เเละยังเตือนญาติว่าอย่าเข้ามายุ่ง หากใครชวนทะเลาะด้วยจะโดนยิงหน้าหงายไม่รู้ตัว จึงทำให้ญาติเเละภรรยาของนายเอก อยู่อย่างหวาดระเเวงมาโดยตลอด ตนจึงขอยืนยันว่าภรรยาของนายเอก ไม่เคยนอกใจสามี ที่ผ่านมานายเอก คิดไปเองฝ่ายเดียวทั้งนั้น
สำหรับอาการบาดเจ็บ ขณะนี้ทั้ง 3 คน ปลอดภัยเเล้ว เข้าห้องผ่าตัดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยนางสาวิตรี ถูกลูกกระสุนถากเเขน ต้องผ่าตัดศัลยกรรม ส่วนลูกสาว น.ส.ณัฐวรรณ อายุ 18 ปี ถูกกระสุนยิงเข้าที่หลัง ทะลุหน้าอก เลือดยังไหลไม่หยุด ต้องผ่าตัด และนางลัดดาวัลย์ อายุ 62 ปี ถูกยิงเข้าที่แขนข้างขวา ส่งผลให้กระดูกเเตก ต้องเข้าผ่าตัด
ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ วัดเเหลมทอง ต.หัวโพ อ.บางเเพ จ.ราชบุรี เป็นสถานที่จัดพิธีศพของนายอเนก ศรีกุดทอง หรือ เอก อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุ พบว่ามีญาติ ๆ บางส่วน เดินทางมาร่วมงานศพ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางอรวรรณ มามาศ อายุ 56 ปี เเม่ของผู้ก่อเหตุ ยังอยู่ในอาการเสียใจ ร้องไห้ตลอดเวลา โดยคุณเเม่บอกว่าลูกชายเเต่งงานอยู่กินกับลูกสะใภ้มานานเเล้ว ที่ผ่านมาลูกสะใภ้เป็นคนดีมาก ๆ ขยันทำงาน ส่วนลูกชายเเม่เป็นคนใจร้อน เเละชอบระเเวงภรรยาตัวเอง
ทั้งนี้ ลูกชายของตนมักจะมาพูดกับตนว่า "สงสัยเมียจะไปมีคนอื่น จะฆ่าให้ตาย" ซึ่งตนก็พยามดึงสติลูกชายว่า "เเก้วมันเป็นคนดี ไม่มีทางที่จะนอกใจลูกหรอก มีเเต่ลูกเองนั่นเเหล่ะที่มำตัวไม่ดี จะทำอะไรก็คิดดี ๆ คิดให้รอบคอบนะ" เเต่ทุกครั้งที่ตนกล่าวเตือน ลูกชายจะไม่ยอมฟัง ตนก็ทนทุกข์ทรมานมาโดยตลอด กลัวว่าเขาจะไปทำร้ายคนอื่น
กระทั่งวันที่ 4 ก.ย.64 ช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ลูกชายโทรศัพทฺช์มาลาตายว่า "ขอลาตายนะเเม่ รักเเม่นะ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอเกิดมาเป็นเเม่ลูกกันอีกนะ" ซึ่งตนก็พยายามขอร้องให้ลูกชายตั้งสติ เเต่เขากลับไม่ฟัง หลังจากวางสายตนก็รีบโทรศัพท์ไปหาเเม่ของน.ส.เเก้ว เพื่อเตือนว่าลูกชายของตนโทรศัพท์มาลาตายเเล้ว ให้ระวังเอาไว้ หากหนีได้ก็ให้รีบหนีไป เพราะตนกลัวว่าเขาจะเอาคนอื่นไปตายด้วย
หลังจาดนั้นประมาณ 30 นาที ปรากฏว่ามีคนโทรศัทพ์มาเเจ้งว่าลูกชายก่อเหตุยิงครอบครัวฝ่ายภรรยา ตนจึงรีบเดินทางไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ เห็นร่างลูกชายนอนจมกองเลือด หัวอกของคนเป็นแม่ตอนนั้นมันจะสลาย "ทำไมลูกถึงทำเเบบนี้ ถ้าลูกตายคนเดียวเเม่จะไม่ว่า เเต่ทำไมต้องทำร้ายคนอื่นด้วยลูก"
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกเสียใจมาก ๆ จึงฝากขอโทษไปถึงครอบครัวผู้บาดเจ็บจากการกระทำของลูกชาย "เเม่ผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี ลูกชายทำเเบบนี้เเม่ก็เสียใจ เพราะเเม่ก็รักลูกสะใภ้เหมือนกัน เเม่ห้ามเเล้ว เเต่ห้ามไม่ได้เลย"
ทีมข่าวตรวจสอบเฟซบุ๊กของ นายอเนก ศรีกุดทอง อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุ พบว่ามีการโพสต์ข้อความตัดพ้อเกี่ยวกับความรักหลายครั้ง ดังต่อไปนี้
ในวันที่ 2 กันยายน 64 มีการโพสต์ 2 ครั้ง
-โพสต์ที่ 1 โพสต์ข้อความว่า "อยู่ดี ๆ ก็โสดเว้ยเฮ้ย"
-โพสต์ที่ 2 โพสต์ข้อความว่า "ทุกอย่างคงเป็นเเค่อดีตไว้ให้จดจำ"
ในวันที่ 3 กันยายน 64
-โพสต์รูปภาพภรรยา พร้อมระบุข้อความว่า "ตามหาไม่เจอครับ ไม่รู้ผัวใหม่คนไหนมารับไป ยินดีด้วยเน้อ"
ในวันที่ 4 กันยายน 64 (วันเกิดเหตุ)
-โพสข้อความก่อนเกิดเหตุเพียง 1 ชั่วโมงว่า "หนีปัญหาเหรอ ไม่มีอะไรได้คุ้มเสียเลย ขอโทษสำหรับทุกสิ่ง แก้วเลือกที่จะเลิกแต่ไม่กล้าจะมาสู่หน้า ไปสมสู่กันให้พอ เวรกรรมมันมีจริง"