กรณี พระมหาไพรวัลย์ กับ พระมหาสมปอง ไลฟ์สด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ร่างคำร้องส่งไปยังมหาเถรสมาคม (มส.) ผ่านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อขอให้มีบัญชาสอบสวนเอาผิดภิกษุอลัชชี (ผู้ไม่ละอาย) ที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดีย โดยไลฟ์สดเอาธรรมะมาสอนเป็นเรื่องตลกขบขันนั้น
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำคำร้องส่งไปยังมหาเถรสมาคมผ่าน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอให้มีบัญชาสอบสวนเอาผิดภิกษุอลัชชี (ผู้ไม่ละอาย) ที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียโดยไลฟ์สดเอาธรรมะมาสอนเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่พอมีคนสนใจเข้ามาดูมาก ๆ รวมทั้งมีเพจที่มาคอมเมนต์ขายสินค้า มาโปรโมตแบรนด์ตัวเอง กลับมาทวงถามให้จ่ายค่ามาใช้พื้นที่ พฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นว่ามิใช่วัตรปฎิบัติของภิกษุ ที่มุ่งแสวงหาปรมัติอันเป็นทางหลุดพ้นจากกิเลสสงสารเพื่อถึงการดับทุกข์ โดยมีพระวินัยบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้ภิกษุทุก ๆ รูปที่บวชมาในพระศาสนาต้องปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยบัญญัติทุกรูป
นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และโฆษก พศ. เปิดเผยถึงกรณี พระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปอง ไลฟ์สนทนาแบบสอดแทรกมุกตลกเฮฮานั้น สำนักพุทธฯ มองว่าเป็นการเหมาะสมหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ หรือเจ้าอาวาส ที่เป็นผู้บังคับบัญชาขั้นต้นของพระทั้ง 2 รูป อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 38 ว่า เจ้าอาวาสมีหน้าที่อบรมบ่มนิสัยบรรพชิตและคฤหัสถ์ ให้ตั้งอยู่บนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และหากบรรพชิตและคฤหัสถ์ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสสามารถขับไปเสียจากวัดได้
แม้ว่าปรากฎการณ์ครั้งนี้ หลายคนจะเห็นว่าการแสดงธรรมเช่นนี้เป็นวิธีการใหม่ รูปแบบใหม่ เป็นนวัตกรรมหนึ่งในการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาออกสู่สังคม ตนมองว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว เพราะสังคมเราต้องการให้พระนำหลักธรรมคำสอนสู่สังคม เพื่อให้ทุกคนมีหลักธรรมประจำใจในการดำรงชีวิต ไม่ให้เกิดความผิดพลาดและสร้างความเดือนร้อนต่อสังคม แต่สิ่งสำคัญในความเป็นพระภิกษุสงฆ์ คือ ความสำรวมในความเป็นสงฆ์ ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนสามารถพิจารณาได้เองว่าพระทั้ง 2 รูป ที่เผยแผ่พุทธศาสนาผ่านไลฟ์นั้น มีความเหมาะสมหรือไม่ ตนไม่สามารถวิเคราะห์แทนประชาชนได้ เพราะเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่มีวิจารณญาณว่าการแสดงลักษณะนี้ อยู่ในความสำรวมของพระสงฆ์หรือไม่
พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ญาโณทโย) รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง กล่าวว่า อาตมารับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว มีทั้งกระแสที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ยอมรับว่าวิธีการสอนธรรมะของพระทั้ง 2 รูป มีความเหมาะสมกับกระแสโลกในยุคปัจจุบัน หลายวัดงดกิจนิมนต์และงดรับบิณฑบาต ไปเรียนหนังสือก็ไม่ได้ ต้องเรียนผ่านออนไลน์ ดังนั้นการเทศนาบรรยายธรรมของพระทั้ง 2 รูปก็อาจเป็นแนวทางใหม่ ให้คนหันมาสนใจธรรมะ โดยไม่ต้องไปรวมตัวเป็นกลุ่มกัน เน้นไปยังกลุ่มวัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว เพื่อให้คนกลุ่มนี้สนใจก่อนในเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม พระทั้ง 2 รูปอาจแสดงออกขาดความสำรวมบ้าง ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องความผิดร้ายแรง สามารถกล่าวตักเตือนให้ระมัดระวังได้ ทั้งนี้ วิธีการแบบที่ทั้ง 2 รูปกำลังทำอยู่ ต้องทำใจยอมรับว่ามีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ล่าสุดวันที่ 6 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ติดต่อสัมภาษณ์พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเทศน์ชื่อดัง กล่าวว่า อาตมาไม่มีความกังวลเรื่องที่นายศรีสุวรรณ ออกมาร้องเรียน เพราะส่วนตัวได้คุยกันแล้ว มุมหนึ่งเขาก็น่ารัก แต่อาจมีความเห็นไม่ตรงกัน สำหรับตัวแทนของ พศ. ก็ได้คุยกันแล้วเช่นกัน เขาก็พูดดี ไม่ได้ตัดสินอะไร แต่ขอให้ชาวพุทธเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนหน่วยงานใดจะเรียกไปตรวจสอบ อาตมาก็ยินดีเช่นกัน เพราะอาตมาเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำไปไม่ได้มีความผิดร้ายแรง แต่ขณะนี้ยังไม่มีผู้ใหญ่จากหน่วยงานไหนเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนตัว มีแต่เตือนผ่านสื่อเท่าที่ทุก ๆ คนทราบกันเท่านั้น อาตมามองว่าการเตือนเป็นเรื่องดี เพราะถือว่าไม่ได้ปล่อยตนลอยแพ อยากทำอะไรก็ทำ
ทั้งนี้การไลฟ์สดในครั้งหน้า อาตมาอาจจะลดระดับความสนุกสนานลง เพื่อให้กลมกล่อม ส่วนประเด็นที่ว่า ช่วงของการไลฟ์สดเริ่มต้นทำไมต้องสนุกมาก เพราะอาตมาต้องการจะดึงคนให้ได้ก่อน อีกอย่างขณะนี้คนไทยเครียดกันจนจะตายหมดแล้ว เพราะฉะนั้นอยากมอบความสุขให้กับทุกคน โดยจุดประสงค์ของการไลฟ์สด อาตมาก็ต้องการจะพูดคุยเพื่อลดช่องว่าระหว่างพระกับฆราวาส ไม่ได้ตั้งใจจะสอนธรรมะอย่างเดียว อาตมาขอพูดตรง ๆ เลยว่า ความไม่สำรวมและความไม่สุภาพ ขอมีบ้างบางครั้ง อยากวิงวอนให้ทุกคนก้าวข้ามจุดนี้เพื่อให้คนเข้าถึงสาระ แต่ก่อนมีกฎว่ายืนเทศน์ไม่ได้ ก็ยังมีพระบางรูปขอก้าวข้ามกฎนี้ เพราะอาตมาก็มองว่าการที่อาตมาไม่สำรวม ไม่ได้ผิดมากมายอะไร
ในส่วนของเลขบัญชี อาตมายืนยันก็จะยังจะขึ้นไว้เหมือนเดิม เพราะแอดมินยังต้องเรียนหนังสืออยู่ ถ้าอยากให้เอาออกก็ได้ แต่ต้องมาส่งเสียแอดมินจนเรียนให้จบ สำหรับเงินที่ได้มาก็เอาไปช่วยคนเยอะมาก ๆ ตั้งแต่มีโควิด-19 แล้ว สามารถไปเช็กเงินดูได้
สำหรับที่คนสงสัยว่า อาตมาอ่านคอมเมนต์ของแอดมินเพจกิจการห้างร้านต่าง ๆ หรือไม่ อาตมาก็แค่พูดแซวเฉย ๆ ไม่ได้รับเงินจากแฟนเพจนั้น ๆ มาให้พูดอย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายเรื่องความคิดเห็นทางด้านการเมือง อาตมาขออ้างคำพูดของนายศรีสุวรรณ จรรยา ที่เขาบอกว่า พระสามารถพูดได้ หากเป็นการสอนให้สามัคคีกัน แต่อาตมาก็จะพยายามพูดให้น้อยลง และจากนี้ยืนยันว่าจะไลฟ์สดเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะทุก ๆ วันศุกร์จะไลฟ์สดคู่กับพระมหาสมปองเช่นเดิม
กรณีนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความถึงกรณีการไลฟ์สดของ 2 พระนักเทศน์ชื่อดัง โดยมีการเปรียบเทียบว่าคล้ายการแสดงออกของนางวรวรรณ แซ่อึ้ง อายุ 67 ปี หรือ ป้าเป้า ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของกลุ่มแนวร่วมคณะราษฎร เพราะป้าเป้า จะปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่การชุมนุมแทบทุกครั้ง โดยระบุใจความสำคัญว่า พระ 2 ท่าน เหมือน “ป้าเป้า” ที่ทำตัวไม่เหมาะสม
ทนายวันชัย สอนศิริ โพสต์ว่า "ป้าเป้าคนสูงวัย ชาวบ้านธรรมดา ๆ ด่าพลเอกประยุทธ์ ด่ารัฐบาลไม่ยั้ง ด่าแบบสุด ๆ ด่าชนิดที่ว่าไม่สนใจว่าจะเป็นหน้าอินทร์หน้าพรหม แก้ผ้าด่า เปิดผ้าด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ที่ใครไม่กล้าด่า แต่ป้าเป้ากล้าด่าจนป้าเป้าดังระเบิดระเบ้อ ในที่ชุมนุมทุกครั้งก็จะมีปาเป้าเป็นคนหนึ่งที่ปราศรัยได้ถึงอกถึงใจติดเทรนด์ทวิตเตอร์
มหาสมปองกับมหาไพรวัลย์ ก็กำลังติดเทรนด์ทวิตเตอร์แบบที่ใคร ๆ ก็ยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น พระสงฆ์องค์เจ้าก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปคนละแง่คนละมุม ทั้งดีและไม่ดี เหมาะสมและไม่เหมาะสม ส่วนตัวผมเข้าไปดูเห็นแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับป้าเป้า เพราะคนทั่วไปไม่กล้าทำแบบป้าเป้า ป้าเป้าเลยเด่นดังขึ้นมา พระสงฆ์องค์เจ้าที่นุ่งเหลืองห่มเหลืองโดยทั่วไปก็ไม่มีใครกล้าทำเหมือนมหา 2 องค์ ไลฟ์สด เล่นมุขเล่นแก๊ก ตลกโปกฮา หัวเราะร่วนน้ำหูน้ำตาไหล พูดจาเหน็บแนม กระแนะกระแหน เสียดสี ประชดประชันนายกฯบ้าง คนนั้นคนนี้บ้าง โดยเฉพาะนายกฯ โดนเกือบทุกเม็ดทุกดอก แต่คนละลีลากับป้าเป้า ป้าเป้าแกเล่นตรง ๆ แต่มหา 2 องค์เหน็บไปเหน็บมา ผสมกับมุขแก๊กกลบเกลื่อน
อย่างที่ว่า...พระโดยทั่วไปเขาไม่ทำกันเมื่อมหา 2 องค์กล้าทำ กล้าเล่น กล้าแสดง มันก็เลยกลายเป็นของแปลกใหม่ เลยติดเทรนด์ทวิตเตอร์ขึ้นมาทันที คนนุ่งเหลืองห่มเหลือง ทำ พูด แสดง ไม่เหมือนพระก็แปลกสิ...คนก็เลยดูของแปลก มหา 2 องค์จะภูมิใจที่ดังถึงขั้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์หรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าที่ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ป้าเป้าติดมาก่อนหน้านี้นั่นแหละ..."
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พบกับนางวรวรรณ หรือ ป้าเป้า แม้ค้าหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เปิดเผยว่า การที่เห็นตนเข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองทุก ๆ ครั้ง ตนขอย้ำว่าส่วนใหญ่มาขายของหาเลี้ยงตัวเอง ที่ผ่านมาแม้เด็ก ๆ จะผลักดันให้ตนเป็นแกนนำ แต่ตนก็ไม่รับ ดังนั้นใครอยากด่า อะไรตนก็ว่าไป แต่หากใครข้องใจให้มาถาม เพราะตนให้ความร่วมมือทั้งหมด และไม่เคยได้เงินจากใครทั้งนั้น ต่อให้ใครมีกินมากกว่าตนก็ไม่เคยอิจฉา ส่วนตนบางครั้งขายของได้เงินก็ทำกับข้าวมาแจกจ่ายเพื่อแบ่งปันให้คนอื่น
ส่วนเรื่อง 2 พระนักเทศน์ชื่อดังนั้น ตนก็ไม่เคยได้ดู เพราะไม่มีเวลา วัน ๆ ขายของเลิกทุกวันเวลา 21.00 น. เช้าก็ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อจะไปขายของ จะเอาเวลาที่ไหนไปดู ร่วมถึงตนนับถือศาสนาพุทธ พระจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน แต่ตนอยากให้ดูบ้านเมืองตอนนี้ดีกว่าว่าจะไปไหวหรือไม่ ตนก็ได้แต่ออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้จนโดนคดีมา 20 คดีแล้ว แต่ตนก็ไม่หวั่น เพราะตนเป็นประชาชนผู้เสียภาษีตนจึงมีสิทธิ์จะพูดได้
ดังนั้น ตนจึงไม่ค่อยรู้จักใคร แม้แต่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา เป็นใครตนก็ยังไม่รู้จัก และตนไม่ได้สนใจใคร ตนสนใจแต่บ้านเมืองว่าอยู่ดีหรือไม่ จะมีกินหรือไม่ ใครที่ด่าตนพาดพิงตนก็ไม่สน เพราะคนที่ด่าไม่ได้มาให้กิน ถ้าวันนี้เราได้ผู้นำดี เขาก็จะพาเราไปในทางที่ดีได้
“อั๋น ภูวนาท” ที่มักจะออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสังคมอยู่เสมอ ก็ได้ออกมาแชร์โพสต์จากสำนักข่าว พร้อมข้อความสุดแซ่บผ่านไอจีสตอรี่ว่า “ร้องเรียนมากมายหลายคดี ได้ตามความคืบหน้าของคดีที่ตนยื่นร้องเรียนไปมากน้อยเพียงใด?”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กมธ.ศาสนาฯ นิมนต์ พระมหาไพรวัลย์ - พระมหาสมปอง ชี้แจงปมไลฟ์ 9 ก.ย.นี้
- ไลฟ์ล่าสุด พระมหาไพรวัลย์ แจงทุกดราม่า ขอบคุณสำนักพุทธฯ ชี้ ไม่ผิดวินัยรุนแรง
- จึ้งมาก! พระมหาไพรวัลย์ โพสต์เปิดใจหลังไลฟ์ร่วม พระมหาสมปอง คนดู 2 แสน ติดเทรนด์ออนไลน์