กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าตรวจสอบร่างของ น.ส.จิราพร พันวงษา หรือ น้อยหน่า อายุ 27 ปี ที่นอนหงายเสียชีวิตในลักษณะร่างกายเปลือย อยู่บนเตียงภายในห้องพักชั้น 2 ของอะพาร์ทเมนต์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยภายในห้องไม่มีร่องรอยการรื้อค้นหรือต่อสู้ พบเพียงถุงยางอนามัยใช้แล้ว และยังไม่ได้ใช้อยู่ภายในห้องเท่านั้น หลังรับจากจากผู้ดูแลว่ามีหญิงหมดสติอยู่ในห้องพักดังกล่าว
ล่าสุด วันที่ 6 ก.ย. 64 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายเอกพจน์ ครองยุติ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาได้แล้ว พร้อมคุมตัวนายเอกพจน์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่อะพาร์ตเมนต์จุดเกิดเหตุแล้วนั้น
ทีมข่าวเดินทางมายังบ้านป่าน หมู่ 8 ตำบลสีชมพู่ อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของผู้ต้องหา ชาวบ้านและผู้นำชุมชน บอกว่าผู้ต้องหาไม่เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เนื่องจากแยกกับแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อไปทำงานรับจ้าง เพิ่งย้ายมาอยู่กับแม่หลังจากที่ออกจากเรือนจำในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ได้เพียง 2 เดือน ก็ย้ายกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ กระทั่งก่อเหตุฆาตกรรมขึ้น
นายคำดี สังสีโว อายุ 57 ปี กำนันตำบลสีชมพู บอกว่าเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเด็กหญิงวัย 13 ปี ถูกกระทำชำเราที่กระท่อมปลายนา เด็กหญิงได้บอกกับเพื่อนของตัวเอง ซึ่งเพื่อนได้นำเรื่องไปบอกผู้ปกครองจนเรื่องถูกส่งมาถึงตน ตนจึงได้เรียกครอบครัวของเด็กหญิงมาพูดคุย ครอบครัวเด็กหญิงมีแต่คนแก่และแม่ที่สติไม่ค่อยสมประกอบ ตนก็ได้พาเด็กหญิงไปแจ้งความ และพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พร้อมทั้งได้มีการประสานผู้ใหญ่บ้านให้สอดส่องนายเอกพจน์เอาไว้
ปรากฏว่าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตรวจไม่พบคราบอสุจิภายในช่องคลอด ทำให้ทางครอบครัวกังวลในหลักฐาน สุดท้ายด้วยความล่าช้า ทำให้นายเอกพจน์เดินทางหลบหนีไปยังกรุงเทพฯ แล้วคดีก็เงียบลง ไม่มีการแจ้งความเอาผิดกับนายเอกพจน์ ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับเด็กหญิง เล่าให้ฟังว่ารู้จักกับนายเอกพจน์ผ่านเฟซบุ๊ก นายเอกพจน์ได้ล่อลวงเด็กไปไปพบเจอถึง 4 ครั้งไปพบที่กระท่อมปลายนา ใช้มีดข่มขู่เด็กในการขอมีเพศสัมพันธ์ พร้อมบอกจะให้เงินจำนวน 1,000 บาท แต่สุดท้ายเด็กหญิงก็ไม่ได้เงิน อีกทั้งยังโดนขู่ว่าห้ามบอกใครและห้ามแจ้งความ ไม่อย่างนั้นจะฆ่าทิ้ง
ขณะนี้เด็กหญิงกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่จิตใจยังไม่ค่อยสู้ดี ทางครอบครัวคงต้องดูแลกันต่อไป โดยตนขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ สุดท้าย ตนอยากให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษในคดีนี้เพิ่มเติม ตนเสียดายและเสียใจที่คดีนี้ไม่กลายเป็นคดี ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่มีผู้เสียชีวิตล่าสุดที่ จ.สมุทรปราการ
นางหม่อม อายุ 49 ปี แม่ของผู้ต้องหา บอกว่า ลูกชายตนเกิดที่จังหวัดภูเก็ตจนอายุได้ประมาณ 15 ปี ลูกชายตนก็ได้ออกไปทำงานที่กรุงเทพฯ เช่น รับจ้าง พ่อครัวทำซูชิ ส่วนตนก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ขอนแก่น ทำให้ตนไม่ได้เลี้ยงดู ไม่ค่อยได้ใส่ใจลูกชาย นาน ๆ ลูกชายจะส่งเงินมาให้ 1,000 บาทในช่วง 2-3 เดือน หรือเดินทางมาเยี่ยมสักครั้ง
กระทั่งลูกชายถูกจับติดคุกในคดีข่มขืนในปี 2559 ซึ่งตนทราบเรื่องจากเรือนจำที่ส่งจดหมายมาแจ้ง มีโอกาสไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำ ลูกชายตนอ้างว่าผู้เสียหายคือแฟนสาว แต่ทะเลาะกันทำให้ถูกแจ้งจับ จากนั้นเมื่อออกมาจากเรือนจำเดือนเมษายนที่ผ่านมา ลูกชายก็ได้กลับมาอาศัยอยู่กับตนที่จังหวัดขอนแก่น มีสีหน้ายิ้มแย้ม รับปากกับตนว่าจะกลับตัว ตนจึงได้บอกกับลูกชายว่า "คิดเอานะลูก โตแล้ว อายุก็เยอะแล้ว" อีกทั้งผู้ก่อเหตุมีลูก 2 คน ที่ทิ้งไว้ให้แม่เลี้ยง ส่วนลูกชายอาศัยอยู่กับตนได้ไม่นาน ประมาณเกือบ 2 เดือน ลูกชายก็ขอย้ายกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ สุดท้ายตนก็ทราบจากข่าวว่าลูกชายถูกจับในคดีฆ่าคนตาย
ทั้งนี้ ตนคาดว่าลูกชายน่าจะมึนเมาหรือเสพยาเสพติดไปก่อนก่อเหตุหรือไม่ จึงพลั้งมือก่อเหตุ เพราะเท่าที่ผ่านมาลูกชายไม่ใช่คนอารมณ์รุนแรง ตนยอมรับว่าลูกชายเป็นคนเจ้าชู้ มักติดพันกับผู้หญิงหลายคน แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนไม่เคยพบเห็นว่าลูกชายใช้กำลังกับผู้หญิง และลูกชายไม่เคยมีทีท่าจะโกรธใครหรือภูมิใจในความเป็นชาย ตามที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าผู้ตายดูถูกว่าอวัยวะเพศชายเล็ก ร่างกายสกปรก ขณะนี้ตนได้รับความอับอาย เนื่องจากตนเป็นแม่ของผู้ต้องหา "ใจก็สงสารด้วยความเป็นแม่ แต่ทำแบบนี้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม แม่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แม่ก็ยากจน" หากตนมีเงินตนคงจะได้เดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำ แต่คงไม่มีการประกันตัว
อย่างไรก็ตาม ตนก็ต้องขอโทษครอบครัวผู้ตายแทนลูกชายด้วย "ไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกชั่ว แม่ทุกคนอยากให้ลูกได้ดี"
ทีมข่าวเดินทางมาที่หอพักของ น.ส.นก แฟนของนายเอกพจน์ ผู้ต้องหา เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมนายเอกพจน์ นางอุไร เถียรอ่ำ เจ้าของหอพัก ระบุว่า น.ส.นก ออกไปจากห้องตั้งแต่ช่วงบ่าย และยังไม่กลับเข้ามา โดยเจ้าตัวบอกว่าจะไปหาเพื่อน คาดว่าคงเครียดและไปอยู่กับเพื่อนสักพัก ส่วนตัวคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะ น.ส.นก ไม่ได้รู้เรื่องด้วย เคยคบกับผู้ต้องหาแต่ห่างกันมาเป็นเดือนแล้ว คิดว่าไม่น่าจะรู้รายละเอียด และคงไม่รู้ว่าฝ่ายชายมีพฤติกรรมโหดตามที่มีข่าว ทั้งนี้ น.ส.นก เพิ่งกลับมาจากการสอบปากคำที่ สภ.เมืองสมุทรปราการเมื่อเวลา 04.00 น. ที่ผ่านมา
นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล เจ้าของแฟนเพจคุณหมอสตอรี่ ให้ข้อมูลว่า จากพฤติกรรมของผู้ก่ออาชญากรรมรายดังกล่าว มาจากหลายสาเหตุ การเลี้ยงดูในวัยเด็ก อาจถูกปล่อยปละละเลย คนในครอบครัวใช้ความรุนแรง
อีกสาเหตุคือปมในใจที่โกรธ เกลียดผู้หญิง และไม่มั่นใจในตัวเอง เช่น เรื่องเพศ นอกจากนี้ อาจมีพฤติกรรมเลียนเแบบจากความรุนแรงในละคร หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมก็เป็นไปได้