ผู้ว่าฯ โคราช เตือนประชาชน 3 อำเภอ เตรียมอพยพขนของขึ้นที่สูง ลำเชียงไกรล้นทะลักในรอบ 20 ปี ความจุเต็ม 100% ต้องเร่งระบาย พร้อมสั่งรับมือน้ำอ่างลำพระเพลิง จัดเวร เฝ้า 24 ชม. ย้ำข้าราชการห้ามหลับ
เมื่อวันที่ 9 ก.ย.64 ภาพมุมสูงแสดงให้เห็นสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา มีมวลน้ำมหาศาลเหนือแนวถนนสันกั้นน้ำมองเห็นระยะไกลสุดลูกหูลูกตาเป็นภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 20 ปี เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอ่างเก็บน้ำขนาดกลางของโคราชแห่งนี้มักประสบปัญหาภัยแล้งจนสภาพแห้งขอดมายาวนาน
ล่าสุด ได้รับอิทธิพลจากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา จนมีมวลน้ำจำนวนมากจากพื้นที่ด้านบนเขต อ.เทพารักษ์ และ อ.ด่านขุนทด ไหลมารวมกันที่อ่างลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนระดับน้ำเต็มความจุล่าสุดมีปริมาณน้ำวัดได้ 27.70 ล้านลูกบาศก์เมตร เต็มความจุ 100% ของความจุทั้งหมด 27.70 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมขังชุมชนโค้งกระพี้ ต.จันอัด อ.โนนสูง มีบ้านเรือนประชาชน 3 หลังแ ละพื้นที่ทางการเกษตรได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งทางชลประทานจึงวางแผนระบายน้ำออกเฉลี่ย 16 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 1.49 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อรับมือกับมวลน้ำด้านบนที่ไหลมาเต็มลงอ่างอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่าได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำลำเชียงไกรซึ่งครอบคลุมพื้นที่ อ.ด่านขุนทด อ.พระทองคำ อ.โนนไทย และ อ.โนนสูง เตรียมอพยพขนสิ่งของขึ้นที่สูงหลังได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมพาดผ่านทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย ที่น้ำสูงกว่าเกณฑ์กำหนดบริหารจัดการน้ำเสี่ยงต่อน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือน
ทั้งนี้มวลน้ำที่ไหลทะลักออกจากอ่างเก็บน้ำได้เอ่อล้นถนนทางเชื่อมหมู่บ้านบ้านกุดเวียน-บ้านกระดาน ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย ชาวบ้านพาลูกพาหลานมาเล่นน้ำขับรถยนต์และรถจักรยานยนต์มาจอดและเปิดเพลงเต้นกันอย่างสนุกสนานกับบรรยากาศน้ำล้นทะลักอ่างเก็บน้ำครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยมีชาวบ้านบางส่วนออกหาจับปลาเพื่อเลี้ยงชีพด้วยการใช้เบ็ดตกปลาและยกยอหาปลาในช่วงน้ำหลากอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงสถานการณ์น้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย หลังได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำลำพระเพลิงอย่างใกล้ชิดว่า ในห้วงที่ผ่านมา เกิดฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่รับน้ำเหนืออ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงจากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้มีปริมาณน้ำท่า ไหลเข้าอ่างอย่างต่อเนื่อง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง จึงได้ปรับแผนการระบายน้ำ จากเดิมต้องระบายน้ำเดือนละ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เฉพาะในเดือนกันยายนนี้ จะต้องปล่อยระบายน้ำออก 70 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทั้งนี้ ต้องปรับแผนการระบายน้ำไปตามสถานการณ์
ซึ่งล่าสุด ปริมาณน้ำในเขื่อนลำพระเพลิง อยู่ที่ 103 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 66% ของความจุเขื่อนทั้งหมด 155 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระบบเฝ้าระวัง จัดเวรยามติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดจลอด 24 ชั่วโมง เน้นการดูแลน้ำท่าและปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนประชาชนจะนอนหลับ แต่ข้าราชการ หน่วยงานภาครัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องไม่หลับ ต้องคอยเฝ้าระวัง-คอยเตือนพี่น้องประชาชนในกรณีจำเป็นหรือเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ต้องไปปลุกพี่น้องประชาชนหรือต้องอพยพ ถือเป็นการป้องกันเฝ้าระวังในเชิงรุก โดยจุดไหนเป็นจุดเสี่ยง จะต้องไปหาแนวทางป้องกันไว้ก่อน ซึ่งพื้นที่ท้ายน้ำตอนนี้ ถือว่าน่าเป็นห่วงทุกพื้นที่ ทั้ง อ.ปักธงชัย อ.วังน้ำเขียว ในจุดเดิมที่เคยเกิดน้ำท่วม ได้เน้นไปทางอำเภอแล้ว
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วง นอกจากประชาชนทั่วไปแล้ว การดูแลเด็กเล็ก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงก็ถือว่าสำคัญ โดยบ้านไหนมีกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ควรเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนย้าย หรืออพยพไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อความปลอดภัยไม่ควรปล่อยให้อยู่ตามลำพัง โดยพื้นที่ริมน้ำในช่วงนี้ ควรจะรองรับกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วยการเคลื่อนย้ายเก็บสิ่งของที่จำเป็นขึ้นที่สูง ส่วนพายุมรสุม 2 ลูกที่จะพัดผ่านเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย พบว่าจะได้รับผลกระทบเพียงแค่หางของพายุเท่านั้น