ลุงขับวอลโว่ขอขมา 3 ศพ "พ่อแม่ลูก" แจงมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า ญาติแยกโลงผัว - เมียทำพิธี (คลิป)

จากกรณีอุบัติเหตุรถเก๋ง ทะเบียน กข 5000 มหาสารคาม ชนกับรถจักรยานยนต์บนถนนเลี่ยงเมืองตัดใหม่ สายกาฬสินธุ์ – มุกดาหาร บริเวณบ้านเหล่าค้อ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เป็นพ่อ แม่ และลูกวัย 8 เดือน เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 11 ก.ย.64 ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.64 เวลา 13.00 น. ที่บ้านเลขที่ 187 หมู่ 5 บ้านแกเปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนายวิจิตร วงค์ตาผา อายุ 46 ปี บิดานายพงษ์นเรศ วงค์ตาผา อายุ 25 ปี ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ มีญาติพี่น้องเดินทางมาไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต.เชียงเครือ และอสม. ตั้งจุดคัดกรองโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายศพไปประกอบพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณี ซึ่งเผาบนเชิงตะกอนที่วัดประจำหมู่บ้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ส่วนศพของน.ส.ธิดารัตน์ วงจันทร์เรือง อายุ 19 ปี และลูกสาววัย 8 เดือน ญาติได้นำศพไปประกอบพิธีที่บ้านเกิดใน ต.นาจำปา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์

นายวิจิตร บิดานายพงษ์นเรศ กล่าวว่า หลังจากลูกชายพร้อมลูกสะใภ้ น.ส.ธิดารัตน์ วงจันทร์เรือง อายุ 19 ปี ชาว อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ และหลานสาวอายุ 8 เดือน เสียชีวิต จากอุบัติเหตุ ขณะขี่จักรยานยนต์จะเข้าหมู่บ้าน บนถนนสายเลี่ยงเมือง ใกล้ทางแยกเข้าบ้านแกเปะ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.64  โดยถูกรถเก๋งของคู่กรณีชนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุดังกล่าว ทางญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงกันแยกศพไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยศพนายพงษ์นเรศ ตั้งศพสวดอภิธรรม 1 คืน ส่วนศพของ น.ส.ธิดารัตน์และหลานสาววัย 8 เดือน ได้แยกไปประกอบพิธีที่บ้านเกิด ต.นาจำปา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของลูกสะใภ้

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ทางฝ่ายคู่กรณี ได้ส่งตัวแทนมาแสดงความเสียใจ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจัดงานศพจำนวนหนึ่ง ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะได้คุยกันในลำดับต่อไป ซึ่งคงจะเป็นหลังจากจัดงานฌาปนกิจศพลูกชาย รวมทั้งลูกสะใภ้และหลานสาวเสร็จเรียบร้อยก่อน คาดว่าคงจะไม่มีปัญหาใด ๆ เพราะเห็นทางตัวแทนฝ่ายคู่กรณีก็พูดเจรจากันด้วยดี

อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.ภาคภูมิ ภูสมนึก รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าของคดี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งยังรอการสอบปากคำนายสุธี พิสิฐพยัต อายุ 66 ปี เจ้าของรถเก๋ง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล คาดว่าจะนัดเข้ามาสอบปากคำในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.64)

ส่วนญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ก็ยังอยู่ระหว่างการจัดงานศพ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีร่องรอยการเฉี่ยวชนที่เลนขวา สภาพรถทั้ง 2 คันพังเสียหาย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบพยานแวดล้อมต่าง ๆ และผู้เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียด ซึ่งจะต้องดำเนินการไปตามหลักฐานและต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

นายกฤติยชญ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ลูกสาว ลูกเขย และหลานสาววัย 8 เดือน ได้เดินทางไปที่บ้านของคุณปู่ กระทั่งระหว่างจะเดินทางกลับบ้าน ทั้ง 3 คนได้ประสบอุบัติเหตุ หลังเกิดเหตุมีญาติโทรศัพท์มาแจ้งข่าว ทำให้ตอนนั้นตนแทบช็อก เพราะมีลูกสาวเพียง 1 คน ที่พอเป็นเสาหลักของครอบครัว ทีแรกตนก็ดีใจเพราะรับแจ้งว่าหลานสาววัย 8 เดือน มีชีวิตรอด อยางน้อยก็จะมีหลานสาวไว้คอยเป็นตัวแทนพ่อแม่ของเขา แต่ดีใจไม่นานก็มาทราบว่าหลานสาวก็เสียชีวิตเป็นศพที่ 3 

สำหรับธิดารัตน์ ลูกสาวของตนเป็นคนร่าเริง ส่วนหลานก็เป็นที่รักของคนในครอบครัว ช่วงเย็นวันนี้ตอนที่เผาศพลูกสาวและหลานสาว ก็มีญาติของคู่กรณีมาร่วมงานศพและแสดงความเสียใจ ส่วนคู่กรณีมาไม่ได้เนื่องจากยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล