จากกรณี วันที่ 13 ก.ย. 64 เวลา 15.00 น. ร.ต.อ.เอกประเสริฐ ทิณรัตน์ รองสว.สอบสวน สภ.จังหาร ได้แจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกาย โดยลูกชาย ผู้ก่อเหตุ เมาแต่เช้า ถูกพ่อดุด่าสอนตักเตือน กลับฉุนเฉียวจับพ่อทุ่มลงพื้น คว้าท่อนไม้ฟาดไม่ยั้ง ก่อนหยิบจอบตีซ้ำจนพ่อ นอนแน่นิ่งดับไปต่อหน้าต่อตา เหตุเกิดที่หมู่ 13 บ้านเม็ก ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด
วันที่ 15 ก.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณบ้าน หมู่ 13 บ้านเม็ก ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด คนในครอบครัว เพื่อนบ้าน ได้เดินทางมาร่วมฟังสวดแผ่เมตตาส่งบุญให้กับผู้เสียชีวิต ในช่วงเวลา 08.30 น.
เวลา 09.00 น. ตำรวจ สภ.จังหาร นำโดย พ.ต.อ.ธันย์พศิน เพ็งพี ผกก.สภ.จังหาร, ร.ต.อ.เอกประเสริฐ ทิณรัตน์ รองสว.สอบสวน พร้อมชุดสืบสวน-ชุดปราบปราม สภ.จังหาร คุมตัวนายทองอิน จันทร์แดง อายุ 44 ปี ผู้ก่อเหตุ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุ
ตำรวจนำชี้เพียง 1 จุด คือจุดที่ผู้ก่อเหตุใช้ไม้ จอบ ฟาดตีบริเวณศีรษะของผู้เสียชีวิตจนนอนจมกองเลือด อยู่ที่ใต้ถุนบ้านจุดเกิดเหตุดังกล่าว หลังจากทำการชี้จุดเสร็จสิ้น ทางตำรวจได้จุดธูปให้ผู้ก่อเหตุทำการขอขมาศพพ่อผู้เสียชีวิตที่บริเวณหน้าโลงศพ
โดยผู้ก่อเหตุผู้เสียงเบา ๆ ว่า "ขอโทษ" พร้อมปักธูป ก่อนตำรวจจะนำตัวผู้ก่อเหตุขึ้นรถนำกลับ สภ. เพื่อเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในความผิดฐานฆ่าบุพการี
ซึ่งในระหว่างที่ตำรวจคุมตัวผู้ก่อเหตุขึ้นรถ ทีมข่าวพยายามสอบถามผู้ก่อเหตุถึงปมเหตุที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูด หรือให้ข้อมูลใด ๆ นอกจากนี้ ในขณะที่ตำรวจคุมตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นางอ๋อย พี่สาวผู้ก่อเหตุ ได้แต่นั่งร้องไห้ เสมือนจะขาดใจอยู่ข้าง
ก่อนที่นางอ๋อยและเพื่อนบ้าน จะช่วยกันพยุ่ง นางน้อย แม่ผู้ก่อเหตุหลบเข้าไปในบ้าน เกรงว่านางน้อยจะช็อก เนื่องจากรับไม่ได้ที่ต้องมาเห็นลูกชายอยู่ในสภาพดังกล่าว
ตำรวจระบุว่าหลังได้แจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายมีผู้เสียชีวิต สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ขณะมีอาการเมาสุรา พูดจาวกวน หลังจากก่อเหตุได้ไปนั่งอยู่บนเปลบริเวณบ้านพี่สาวที่อยู่ติดกันกับจุดเกิดเหตุ จากการสอบถามนายทองอิน ผู้ก่อเหตุ ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือใช้ไม้ และจอบตีหัวผู้เป็นพ่อจนเสียชีวิตจริง สาเหตุเกิดจากโมโหที่ผู้ตายมักจะบ่นอยู่เป็นประจำ เรื่องดื่มเหล้าเมายา ไม่ทำงานทำการ ประกอบกับนายทองอินได้ดื่มสุรามาก่อนเกิดเหตุจึงเกิดความมึนเมา ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว
นางอ๋อย อินธิสอน อายุ 53 ปี ลูกสาวผู้ตาย พี่สาวคนก่อเหตุ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าสภาพจิตใจก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ความรู้สึกลึก ๆ ก็ยังคงอยู่ในสภาพจิตใจย่ำแย่ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และต้องมีผู้สูญเสีย สำหรับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันนี้ตั้งแต่หลังเกิดเรื่อง ตนได้เคยพูดกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่าไม่อยากให้มีการนำตัวน้องชายมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านจุดเกิดเหตุ เพราะเกรงว่าแม่ของตนจะเกิดอาการช็อก เพราะทำใจไม่ได้หากเห็นหน้าน้องชาย
ทั้งนี้ ในฐานะพี่สาวผู้ก่อเหตุตนอยากบอกว่า ยอมรับว่าใจแค้นกับการกระทำที่เกิดขึ้นของน้อง แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารน้อง จึงอยากขออโหสิกรรมให้ แต่ในส่วนความผิดก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
สุดท้ายนี้ ตนอยากฝากทุกๆคนให้ดูเคสนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ ถ้ามีการยุ่งเกี่ยวกับสุรา ยาเสพติด หากเลิกได้ควรเลิกยุ่งเกี่ยวโดยเร็ว จะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์สูญเสียเหมือนครอบครัวของตนซ้ำอีก