ตูมตาม เชิญยิ้ม ควงลูกชาย กิ๊ฟ ชวนชื่น เคลียร์ปมในใจ พร้อมคลายข้อสงสัยทำไมต้องใช้คนละนามสกุล แถมแยกกันอยู่ ในรายการ “คุยแซ่บSHOW”
เป็นพ่อลูกกันทำไมไม่ออกงานด้วยกัน
กิ๊ฟ ชวนชื่น : เราไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ไม่มีคนจ้าง และทุกคนก็คิดว่าผมเป็นลูกอาดม แต่งานเล่นตลกไปด้วยกันบ่อย แต่รายการไม่มี อาจจะเป็นเพราะใช้คนละนามสกุลด้วย คือผมอยู่กับชวนชื่นภาพจำของเราก็เลยเป็นภาพจำของชวนชื่น และผมก็ไม่เคยเล่นตลกกับพ่อ ตอนที่พ่อทำทีม ผมเป็นเด็กเก็บของ ซึ่งตอนนั้นในทีมพ่อก็จะมีพี่อ๊อด โฟเอส พี่บอลเชิญยิ้ม อยู่ด้วยกัน
ตูมตาม เชิญยิ้ม : และอีกประเด็นคือเขาก็ไม่ทราบว่าเป็นพ่อลูกกัน เขานึกว่ากิ๊ฟ เป็นลูกพ่อดม
ทำไมพ่อลูกถึงแยกกันอยู่
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ตอนนั้นมาเล่นตลก มารวมทีมกับอาหนูคลองเตย คือเราก็ไปกับพ่อนั่นแหละ แต่พอเลิกงานแล้วเราจะติดสังสรรค์กับเพื่อน แล้วพ่อก็จะรอไม่ไหว เขาก็จะกลับก่อน แล้วหลังๆ ผมก็จะกลับเช้าทุกวัน จนพ่อเป็นห่วง ไหนจะค่าแท็กซี่ ไหนจะเดินทาง เขาก็เลยไปติดต่อห้องพักให้ข้างๆ พระราม 9 คาเฟ่ ไปติดต่อห้องพักให้ ถามว่าผมรู้ไหม ผมรู้ เพราะพ่อบอก
ตอนนั้นพ่อตูมตามดังมาก แต่ดูเหมือนไม่ดันเรา เรามีน้อยใจบ้างไหม
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ดัน แต่เราไม่เอา คือเขาก็ถามนะว่าจะมาเล่นตลกด้วยกันไหม แต่เราไม่เอา เพราะตอนนั้นเล่นดนตรีด้วย เรารู้สึกว่ามันเท่ห์
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ตอนที่ชวนเขามาเล่นตลก เราก็เห็นแววเรื่องการแสดงของเขา คือเขาสามารถที่จะเอ็นเตอร์เทนคนดูได้ จนวันหนึ่งเขาพูดกับผมว่า พ่อเมื่อไหร่จะฝากเข้าวงการสักที (วงการการแสดง)
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ตอนที่พูดตอนนั้นผมอายุ 15-16 ตอนนั้นดูละครที่พี่เติ้ลตะวันเล่น แล้วเราก็รู้สึกอยากเล่นบ้าง คืออยากเล่นละครมากกว่าเล่นตลก
ตอนพ่อให้แยกออกไป ตอนนั้นน้อยใจพ่อไหม
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ไม่ครับ เพราะอย่างไรก็เจอกัน เราเล่นตลกอยู่คณะเดียวกัน ตอนแยกออกมาตอนนั้นผมเฉยๆ ก็ใช้ชีวิตปกติ
ตูมตาม เชิญยิ้ม : คือเขาต้องโต ต้องแกร่งในหน้าที่งานของเขา แต่พ่อดมต้องไปปลุกเขาทุกวัน คือตอนนั้นเขาไปอยู่ที่ชวนชื่นแล้ว
เห็นว่าคุณอาตูมตามแยกทางกับภรรยา กิ๊ฟ จำความได้ไหม
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ได้ ตอนนั้นอยู่เตาปูน ตอนนั้นเขาทะเลาะกันทุกวันเลย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องผู้หญิง คือพ่อจะกลับเช้า คือเราเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ก็ยอมรับว่าแต่ก่อนเจ้าชู้ คือเราก็กลับเช้า ก็จะมีเสียงทะเลาะกัน ถามว่าอธิบายให้ลูกฟังอย่างไร คือเขาเห็นเอง เขาก็จะคุยกันพี่น้องว่าทะกันอีกแล้ว
มีอันไหนไหมที่เป็นภาพจำว่าทะเลาะกันรุนแรง แล้วเราเสียใจ
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ก็ถึงขั้นถือมีด
ตูมตาม เชิญยิ้ม : คือแม่เขาพูดไม่ฟัง เรามีเหตุผล อย่างนี้ๆ เขาไม่ฟัง เราเห็นมีก็เลยหยิบ ก็ถือเป็นอุปกรณ์แค่นั้น
ถ้าให้คะแนนความเจ้าชู้เต็มสิบให้เท่าไหร่
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ให้ 100 ตอนนั้นหล่อ
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เดินหอบลูกออกมา
ตูมตาม เชิญยิ้ม : คือทะเลาะกันทุกวันจนเบื่อหน่าย และเกรงใจคนรอบข้าง เราก็เลยจบที่ตัวเองดีกว่ ก็ออกจากบ้าน และที่หอบลูกออกจากบ้านเพราะภรรยาพูดมาคำหนึ่ง คือผมถามเขาว่าลูกจะเลี่ยงไหม เขาบอกว่าเอาไปทำไมเป็นภาระ ผมก็เลยเอาลูกออกมาเลี้ยงเองเพราะตอนนั้นลูกยังเล็ก หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับอดีตภรรยาอีกเลย ถามว่าผมเคยเครียดจนไปลงที่ลูกไหม ไม่เคย
ถามว่าพ่อพาเราออกมาคิดอะไรไหม
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ไม่คิด คือเรารู้อยู่แล้วว่าพ่อเป็นตลก ถามว่าเราซีเรียสไหม ไม่ซีเรียสเลย และเราก็ไม่เคยถามพ่อและแม่ด้วยว่าทำไมแยกกัน คือครอบครัวเราจะเลี้ยงกันแบบบุฟเฟ่ หากินกันเอง ส่วนพี่ชายตอนนั้นก็จะเป็นคนเงียบๆ
เสียใจไหมที่แม่บอกว่าไม่เลี้ยงเพราะเป็นภาระ
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ไม่นะ คืออาจจะเป็นอารมณ์ของแม่ ณ ตอนนั้น และเหตุการณ์มันก็ผ่านไปแล้ว กับแม่ผมก็ยังโทรหากัน ยังคุย ยังเจอกันอยู่ เพราะสมัยเรียนประถม ผมก็ไปนอนบ้านแม่
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ถามว่าผมได้พบอดีตภรรยาบ้างไหม ก็ได้พบบ้าง แต่ไม่ค่อยได้คุยกัน ส่วนมากถ้าเขาเจอผม เขาก็จะเดินหนีไป เจอกันสุดท้ายก็งานพ่อดม เจอกันแต่ไม่ได้คุยกัน
พอแยกทางกับอดีตภรรยาก็มีครอบครัวใหม่ ลูกๆ เข้าใจไหม
ตูมตาม เชิญยิ้ม : เข้าใจ เพราะภรรยาใหม่ก็เคยเลี้ยง กิ๊ฟ กับ กอล์ฟ เพราะลูกๆ ผมเขาออกจากบ้านก็ตอนโตแล้ว
ความสัมพันธ์กับแม่ใหม่เป็นอย่างไรบ้าง
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ก็ดีนะ เพราะเขาก็เลี้ยงเราตอนที่เราเด็กๆ เขาเป็นคนใจดี ชอบทำกับข้าวให้กิน ก็เลี้ยงดูแลเราเหมือนลูกคนหนึ่ง แต่สาเหตุที่เราไม่ย้ายกลับไปอยู่กับพ่อเพราะว่าเราออกมาแล้ว เราชิน ถามว่ากลับไปเยี่ยมไหมก็ไปบ้าง แต่ถ้าให้กลับไปอยู่คงไม่
ลูกไปอยุ่ข้างนอกเคยคิดอยากให้เขากลับมาไหม
ตูมตาม เชิญยิ้ม : เคย ตั้งแต่ตอนเขายังไม่มีชื่อเสียงอยากให้เขากลับมา คือใจเราคิด แต่เราไม่เคยอ้าปากบอกเขา เราก็เห็นชีวิตเขาไปได้ไกล ตอนนี้เขาก็ซื้อบ้านของเขาเอง อยู่คนเดียว พ่อก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม่แต่เวลาเราไม่สบายก็โทรหาเขา เขาก็มาดูแล
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ผมดีใจนะที่พ่อคิดแบบนี้ แต่เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด คือบ้านเราก็เลี้ยงกันแบบบุฟเฟ่ ก็จะมีบอกแค่บางเรื่อง แต่ถ้าเป็นเรื่องความรัก จะไม่ค่อยบอกกันหรอก
อยากเคลียร์อยากบอกอะไรกับลูก
ตูมตาม เชิญยิ้ม : อยากจะบอกว่าพ่อขอโทษนะ ที่ทำให้แตกแยกกัน เป็นความผิดของพ่อเอง ก็ขอโทษ
กิ๊ฟ ชวนชื่น : คือมันก็เป็นเรื่องปกติ เราฟังแล้ว เรารู้ เพราะเราเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ถ้าเราไม่เคยรับรู้หรือเพิ่งมารู้ก็อาจจะรู้สึกมากกว่านี้ แต่นี้เรารู้มา สู้มาตั้งแต่เด็ก ถามว่าผมเข้าใจพ่อมากแค่ไหน ผมเข้าใจว่าเขาเป็นแบบนี้
เราอยากบอกอะไรกับพ่อบ้างไหม
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ก็รู้ว่าทุกคนผิดกันได้ ไม่ต้องคิดมาก ซึ่งพ่อจะเป็นคนที่ชอบคิดมาก เราก็ไม่อยากให้เขาเครียด
ที่ผ่านมาบอกรักกันบ่อยไหม
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ไม่นะ ไม่ค่อยได้เจอกัน จะเจอแค่ วันพ่อ ปีใหม่ และวันเกิด คือเขาจะทำเป็นกิจวัตรเลย พาผมไปทานข้าว
กิ๊ฟ ชวนชื่น : คือทุกปีเราก็จะโทรหากัน อโหสิกรรมให้กัน เพราะมีคนเคยบอกผมว่า ถ้าทุกปี ที่ไปหาเขาให้เขาอโหสิกรรมให้ มันก็จะดีกับตัวเรา
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ใช้คนละนามสกุล (นามสกุลเชิญยิ้ม และชวนชื่น )
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ไม่เกี่ยวเลย คือตั้งแต่ตอนที่เขาถามว่าเมื่อไหร่จะพาผมเข้าวงการ ผมก็พาเขาไปเล่นละครเรื่องวัยซนคนมหัศจรรย์ และพาไปฝากกับอาตู่นพพล เล่นเรื่องสตรีที่โลกลืม พอเขามีผลงานออกมาเราก็ดีใจ ปลื้มในใจว่าลูกได้ทำงานแล้ว
กิ๊ฟ ชวนชื่น : พ่อพาไปฝากตามค่ายละคร ผมดีใจมากๆ เลย เรื่องแรกก็ไปเล่นรับเชิญเรื่องวัยซน ส่วนของอาตู่นพพลเราก็ไปแคส ก็แคสได้ เรื่องแรกคือ แว่วเสียงซึง สตรีที่โลกลืม ถามว่าพ่อสอนอะไรเราบ้าง เขาสอนเราทั้งหมด ทั้งเรื่องบท ทั้งคำพูด ทั้งมุมกล้อง ทั้งแอคติ้ง เขาก็สอน พอได้ปุ๊บ พ่อก็จะเป็นคนขับรถไปส่งที่กอง
แล้วทำไมถึงให้ลูกใช้นามสกุลชวนชื่น
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ช่วนนั้นไม่ได้ทำทีมแล้ว แต่ชวนชื่นมี ผมก็เลยเอาไปฝากกับจิ้ม จิ้มถามมาคำหนึ่งว่า เลี้ยงไม่ไหวแล้วเหรอ ผมก็บอกว่าเลี้ยงไม่ไหวแล้วให้อยู่กับคุณนี่แหละ
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ตอนเล่นตลก พ่อก็ไม่ได้สอนอะไร ส่วนใหญ่เราก็จะใช้ครูพักลักจำมากกว่า เพราะตอนที่ผมเด็กๆ พ่อก็เคยพาไปเที่ยวคาเฟ่
เห็นว่าเป็นคู่พ่อลูกที่เห็นผีทั้งคู่
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ส่วนใหญ่เราไม่เจอ แต่จะได้ยินเป็นเสียงมากกว่า ตอนย่าตายเราก็จะได้ยินเสียงเคาะประตู เคาะหน้าต่าง เราก็เดินไปดู แต่มันไม่มีใครเลย ถามว่าที่เจอจังๆ ไม่เคย
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ที่เจอจังๆ ผมเคย คือวันที่แม่เสียจู่ๆ ก็มีลมพายุพัดมาวูบหนึ่งไม่รู้มากจากไหน แรกชนิดที่แจกันที่ศาลพระภูมิล้ม ตอนนั้นก็นั่งกันหลายคนอยู่ ก็ได้แต่มองหน้ากัน แล้วลูกบิดประตูในครัวก็ดังก๊อกแก๊กๆ ส่วนผีหัวขาดก็เจออีกบ้านหนึ่ง วันนั้นไปส่งเหลือเฟือ มกจ๊ก วันนั้นฝนก็พรำๆ คือเหลือเฟือไปเห็นก่อน เขาก็หันมาถามผมว่า เห็นอย่างที่เขาเห็นไหม ผมก็บอกไปว่าจะมาถามทำไมก็หันไปดูพร้อมกัน เจอคนไม่มีหัว คือตอนอยู่ตรงรถกำลังจะก้าวเข้าบ้าน ตอนนั้นเลยกลับเข้าไปนั่งในรถเหมือนเดิม เพราะเห็นเหมือนกันทั้งคู่
กิ๊ฟ ชวนชื่น : เรื่องต้นโพธิ์ คือตอนนั้นย้ายบ้านเพิ่งเข้าไปอยู่ แล้วเขาไปรื้อตอต้นโพธิ์ รื้อเสร็จก็ไปเล่นคาเฟ่ พอกลับมาบ้าน คนข้างบ้านก็มาถามว่าเมื่อคืนจัดปาร์ตี้อะไรเหรอ เห็นคนอยู่บนบ้านเต็มเลย ซึ่งห้องข้างบนเป็นห้องพระ ซึ่งเราไปเล่นคาเฟ่ ไม่มีคนอยู่บ้าน และก่อนหน้านั้นเราเคยพาเพื่อนมาปาร์ตี้ แต่อยู่หลังบ้าน แล้วเพื่อนนั่งพิงกำแพงแล้วหันหน้าออกไปหน้าบ้าน เพื่อนนั่งๆ กันอยู่ก็งียบ แล้วก็ขอสร้อยพระมาคล้องคอ เราก็ถามว่าเจออะไร เพื่อนบอกว่าเจอคนแก่ๆ ใส่ชุดขาวถือไม้เท้า แล้วจ้อมมองเราตรงบานเกร็ด อารมณ์ประมาณมาทำอะไรกัน
ตูมตาม เชิญยิ้ม : เจ้าที่เขาแรง
แล้วทั้งคู่เป็นคนกลัวผีไหม
ตูมตาม เชิญยิ้ม : จะเหลือเหรอ แต่สิ่งที่กิ๊ฟกลัวมากที่สุด กลัวกว่าผีคืองวงช้าง
กิ๊ฟ ชวนชื่น : กลัว แต่ที่กลัวคืองวงเช้า แล้วพี่จิ้มขอบมาแกล้งผม หลอกไปถ่ายรายการที่อยุธยา
เห็นว่าเชื่อเรื่องไอ้ไข่ และมีเคล็ดลับในการบูชาไอ้ไข่
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ไม่ใช่เคล็ดลับหรอก คือวันไหนไม่มีตังค์เราก็จุดธูปบอก พอใกล้หวยออกก็จุดธุปขอ จิตแรกมาจากใจคือเราก็นับถือท่านเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เราจุดธูป 16 ดอก แล้วก็บอกว่า งวดนี้ลูกขอนะ ถ้าได้ถามที่ลูกขอจะให้.... ก็แล้วแต่ที่เราจะให้ หลังจากที่จุดธูปและขอเรียบร้อยแล้ว ก็ลูบจำปี ใช้นิ้วรูดลง 3 ครั้ง อันนี้ผู้ใหญ่เขาบอกมา
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ถามว่าผมเชื่อไหม ก็เชื่อนะ แต่ไม่เคยมีไอ้ไข่บูชาเลย คือไม่ถูกโฉลกกัน ถามว่ามีโชคลาภไหม ส่วนใหญ่เราจะบูชาพระ หรือพระพิฆเนศมากกว่า
อายุป่านนี้แล้วทำไมหัวใจ กิ๊ฟ ยังว่าง
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ด้วยสถานการณ์ คือตอนนี้ยังดูแลตัวเองยังไม่ได้ ก็ไม่อยากพาใครมาลำบาก
มีสเปกลูกสะใภ้แบบไหน
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ดูแลลูกเราได้ และเป็นคนดี รวยจนไม่สำคัญ ให้เขาดูแลกันไปดีที่สุด
แล้วผู้หญิงแบบไหนที่จะทำให้กิ๊ฟหยุดและสร้างครอบครัวได้
กิ๊ฟ ชวนชื่น : ถามว่าเคยเจอไหมก็เคย คบกันจริงๆ ก็มีแต่ก็เลิกกันไปแล้ว