จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายทศพล พรบูลย์ อายุ 27 ปี หลังหลบหนีคดีฆาตกรรมนางสาวอัญรินทร์ สีสด อายุ 25 ปี จนเสียชีวิตภายในห้องนอน โดยวันที่ 16 ก.ย. 64 เวลา 14.00 น. ทางครอบครัวได้จัดพิธีฌาปนกิจศพของผู้ตายที่วัดบูรพา ต.ตาลสุม อ.ตาลสุม มีแขกเดินทางมารวมงานเป็นจำนวนมาก
ในเวลาประมาณ 13.00 น. ครอบครัวได้นำส้มตำ ผัดผัก ไข่ต้ม ข้าวเหนียว และชาเขียว ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารที่ผู้ตายชอบมาวางข้างโลงของผู้ตาย จากนั้นในเวลา 13.45 น. ทางครอบครัวและแฟนของผู้ตายได้ช่วยกันเคลื่อนโลงบรรจุร่างของผู้ตายขึ้นสู่เมรุ มีพี่สาวของผู้ตายเป็นผู้ถือรูปหน้าศพ
โดยเมื่อตั้งโลงหน้าเตาแล้ว แฟนของผู้ตายก็ได้เดินลงจากเมรุอย่างอ่อนแรง กลับมานั่งพักที่ศาลา จนพี่ชายผู้ตายต้องเข้ามาปลอบจากนั้นเมื่อทางครอบครัวได้ทำการเปิดโลงเพื่อที่จะใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ พี่ชายผู้ตายก็ได้ประคองแฟนของผู้ตายให้มาดูผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย แฟนหนุ่มทำใจไม่ได้ จนครอบครัวของผู้ตายต้องประคองกลับมานั่งที่ศาลาอีกครั้ง
สุดท้าย ทางครอบครัวก็ได้ประคองแฟนหนุ่มของผู้ตายให้มาดูหน้าผู้ตายเป็นครั้งสุดท้ายรอบที่สอง ฟนของผู้ตายส่ายหน้าไปมาด้วยความอาลัย ด้านพี่ชายผู้ตายก็ได้ทำการเคาะโลงบอกผู้ตายว่า "ไม่ต้องห่วงนะน้องรัก หลับให้สบาย"
จากนั้นในเวลา 14.00 น. พิธีฌาปนกิจเริ่มขึ้น ครอบครัวถ่ายรูปหน้าเมรุ ก่อนจะจุดไฟส่งดวงวิญญาณของผู้ตายให้ไปสู่สุคติ สังเกตว่าพี่สาวผู้ตายยืนมองไฟที่กำลังลุกโลงบรรจุร่างของผู้ตายด้วยความอาลัย
นางสาวพิศมัย เจริญศรี อายุ 32 ปี พี่สาวของผู้ตาย บอกว่า ตนสนิทกับน้องสาวและเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ขณะนี้ตนยังทำใจไม่ได้ โดยแม่ของตนก็ยังคงทำใจไม่ได้ สังเกตได้จากแม่ของตนไปนั่งหลบในศาลา ไม่ได้ออกมาร่วมงานพิธีฌาปนกิจ ตนเสียดายอนาคตของผู้ตาย เพราะอายุยังน้อย และมีแผนจะเก็บเงินสร้างครอบครัวกับแฟนหนุ่ม
วันนี้ตนได้บอกน้องสาวว่าไม่ต้องห่วงอะไร จากนี้ทางครอบครัวจะเก็บเถ้าอัฐิของผู้ตายไว้ที่วัด เก็บไว้คู่กับอัฐิของพ่อ ตอนนี้ครอบครัวได้รับความยุติธรรมแล้ว แต่ความเจ็บปวดยังคงอยู่
นายภาณุพงษ์ มาสขาว หรือ ฟิว อายุ 25 ปี แฟนของผู้ตาย บอกว่า ตนคบกับผู้ตายมาได้ประมาณ 7 ปี มีแผนเก็บเงินแต่งงานร่วมกัน ตนรู้จักกับผู้ตายที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี เนื่องจากผู้ตายเดินทางไปทำงานพาร์ตไทม์ เป็นพนักงานโรงแรม ส่วนตนไปทำงานพาร์ตไทม์เป็นช่างซ่อมบำรุง จากนั้นก็ได้คุยกันและคบหากัน ซึ่งตลอดระยะเวลา 7-8 ปี ที่ผ่านมา ตนอยู่กับผู้ตายตลอด โดยผู้ตายเป็นคนสวย มีคนเข้าหาเยอะ แต่ผู้ตายไม่เคยสนใจใคร
ตนได้พูดคุยกับผู้ตายครั้งสุดท้ายในช่วยค่ำของวันที่ 9 ก.ย.64 จากนั้นตนก็เข้าทำงานช่างในโรงงาน ไม่ได้เล่นโทรศัพท์ จึงไม่ได้ติดต่อผู้ตาย กระทั่งพี่สาวของผู้ตายโทรศัพท์มาบอกเหตุ ตอนแรกตนก็ไม่ได้รับสาย เมื่อโทรกลับถึงกับทรุดเมื่อทราบข่าว ผู้ตายไม่เคยพูดถึงผู้ต้องหาให้ฟัง แต่สิ่งที่ผู้ต้องหาบอกว่าเคยเจอผู้ตายที่ผับในจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้ตายไม่ชอบเที่ยวคลับ แต่ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน ผู้ตายอยู่กับตนที่ต่างจังหวัด ไม่ได้เดินทางกลับมาที่จังหวัดอุบลราชธานี
ตนเสียใจมาก เพราะตนกับผู้ตายวางแผนอนาคตไว้ร่วมกัน ขณะนี้กำลังช่วยกันทำงานเก็บเงินแต่งงาน ก่อนหน้านี้พ่อของตนเคยมาสู่ขอผู้ตายแล้ว แต่แม่ของผู้ตายบอกว่าไม่ต้องสู่ขอ รอจัดงานแต่งทีเดียว ตนอยากให้ผู้ต้องหาชดเชยสิ่งที่ทำ ไม่ต้องประหาร แต่ขอให้อยู่ในคุก
นางนวลจันทร์ สีสด อายุ 53 ปี แม่ของผู้ตาย ก่อนที่จะเริ่มพิธีฌาปนกิจ ร้องไห้ขณะให้สัมภาษณ์ เนื่องจากดีใจที่จับคนร้ายได้ และเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกสาวในเวลาเดียวกัน บอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุตนไม่ได้กลับไปที่บ้านที่เกิดเหตุอีกเลย เนื่องจากตนไม่อยากจะย้อนเห็นภาพของลูกสาวที่ต้องทรมาน ขณะนี้ตนพอทำใจได้ แต่ในวันนี้ตนเริ่มที่จะคิดถึง เพราะเป็นวันจากลาที่ต้องส่งลูกสาวเป็นวันสุดท้าย ความรู้สึกดีใจปนเสียใจของตนตีกันไปหมด
ตนอยากจะบอกลูกสาวว่า "ให้สบายได้นะ จับคนร้ายได้แล้ว" ซึ่งตนหวังว่าคนร้ายจะได้รับกรรมที่ก่อเอาไว้ ตนขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับคนร้ายได้ก่อนวันเผาศพ วิญญาณของลูกสาวตนจะได้สบายใจและเป็นสุข เพราะได้รับความยุติธรรม สำหรับคำแถลงของคนร้าย ตนไม่ได้ฟังทั้งหมด มีแต่คนมาเล่าให้ฟัง ตนขอแย้งว่าตนนอนอยู่บนโซฟาติดกับกำแพงห้องนอนของลูกสาว แค่ลูกสาวเล่นโทรศัพท์เสียงดัง ตนก็ได้ยินแล้ว หากอีกฝ่ายอ้างว่าปีนเข้าออกห้องนอนผู้ตายตลอด จะไม่มีสักครั้งที่ตนจับได้เลยเหรอ
ตนมั่นใจเชื่อว่าคนร้ายฆ่าก่อนแล้วค่อยข่มขืน เพราะไม่เช่นนั้นตนคงจะได้ยืนเสียงร้องอะไรบ้าง ตนไม่อยากเจอหน้าคนร้าย เพราะถือว่ายิ่งกว่าเนรคุณกับคนให้ที่พักอาศัย ขอให้อยู่ในคุกอย่างทรมาน ประหารชีวิตอาจจะง่ายเกินไป ตัดแขนขาน่าจะดี
โดยพี่เขยของผู้ตายให้ข้อมูลว่า ห้องนอนของผู้ตาย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอนุญาตให้เก็บกวาดได้แล้ว โดยกำลังปรึกษากับครอบครัวว่าอาจจะทำห้องผู้ตายเป็นห้องพระ หรืออาจจะทุบกำแพงทิ้งขยายห้องนั่งเล่น แต่ยังไม่ได้ทำการตกลงกันอย่างชัดเจน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า ในช่วงเช้าวันนี้ได้ทำการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากนั้นได้ส่งตัวคนร้ายไปยังเรือนจำกลางอุบลราชธานีในช่วงบ่าย โดยแจ้งข้อหาทั้งหมด 3 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลักทรัพย์ และข่มขืนกระทำชำเรา